บทที่ 128 พยัคฆ์แห่งเมืองฮ่าน
หวงเหวินจิ่นเป็นใคร?
ในกลุ่มญาติเพื่อนพ้องในตระกูลกู้ไม่มีใครรู้จริงๆ
คนเพียงคนเดียวที่รู้ว่าหวงเหวินจิ่นเป็นใคร ก็คือฮั่วเจี้ยนเฟิงแล้ว
แต่ฮั่วเจี้ยนเฟิงเสแสร้งได้สบายใจไปชั่วขณะ แต่กลับลืมบอกคนตระกูลกู้ถึงฐานะของหวงเหวินจิ่น เวลานี้ถูกกู้ชิงหลินและคนอื่นๆ ขุดหลุมฝังจนขี่หลังเสือแล้วลงยากไปแล้ว
ด้านหนึ่งต้องการเอาใจครอบครัวกู้เจี้ยนหมิน อีกด้านหนึ่งก็ต้องรับมือกับหวงเหวินจิ่นที่กินคนไม่ทิ้งกระดูก ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกว่าชีวิตของตนเองกลายเป็นยากลำบากอย่างยิ่งขึ้นมาทันที
แต่ว่ายากแค่ไหนก็ต้องแย้มรับห้ามถอยน่ะสิ เพียงแค่สามารถอุ้มสาวงามกลับมาได้ ทั้งหมดที่จ่ายไปล้วนคุ้มค่า
ฮั่วเจี้ยนเฟิงที่รวบรวมคำพูดขอร้องดีๆ ไว้แล้ว กำลังจะเปิดปากพูด กู้ซิงเว๋ยก็กระโดดขึ้นมา
“ประธานสุนัขอะไรกัน ตอนนี้พวกหมาแมวก็เป็นประธานได้แล้ว บริษัทกระเป๋าหนังในมือฉันมีมากมาย ตำแหน่งประธานมีสิบกว่าคน งั้นถามนายว่ากลัวหรือไม่”
กู้ซิงเว๋ยเอ่ยอย่างภาคลำพองใจอย่างมาก
เหล่าญาติมิตรของตระกูลกู้หัวเราะเยาะ พากันพูดจาเยาะหยัน
กู้หยุนหลันขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อนข้างไม่เห็นด้วยกับคำพูดที่เกินเลยไม่น่าฟังของพวกญาติมิตรเหล่านี้ แต่ว่าก็รู้ว่าพวกเขาเป็นคนเช่นนี้ กู้หยุนหลันก็ยากที่จะเอ่ยปากหยุดยั้งอะไร
หลี่โม่ถอนหายใจเบาๆ เสียงหนึ่ง ส่ายหัวเล็กน้อย
“นายกำลังคิดอะไรอยู่? “
กู้หยุนหลันถามเสียงต่ำ
“ฉันกำลังคิดว่าใจคนคืออะไร พวกเขาทำไมถึงได้หัวเราะเยาะหยันคนอื่นอย่างบ้าคลั่ง คนที่มากวนเหลินกังแล้วต้องการห้องชั้นพิเศษระดับสูงได้ จะต้องไม่ใช่ประเภทที่เรียบง่ายแน่นอน”
หลี่โม่พูดอย่างเรียบง่าย
“ฮ่าๆ “
กู้ชิงหลินหัวเราะเสียงดังขึ้นมา สายตาดูถูกมองไปที่หลี่โม่ “ดินโคลนก็คือดินโคลน นี่นายก็กลัวแล้ว? เป็นพวกปวดแหกอย่างที่คิด มีพี่เจี้ยนเฟิงหนุนหลัง มีอะไรให้กลัวกัน คนที่สามารถทำให้พี่เจี้ยนเฟิงก้มหัวได้ในเมืองฮ่าน เดาว่ายังไม่มีใครเลย”
“พวกปอดแหกนายมีความรู้สึกอับอายสักนิดไหม? ในเวลานี้ถ้าเปลี่ยนห้อง ก็เป็นการตบหน้าพ่อตาของนาย มีสมองหน่อยไม่ได้หรือไง พวกเราตอนนี้กำลังช่วยนาย พวกสุนัขที่ไม่รู้จักน้ำใจคน”
กู้ซิงเว๋ยตำหนิตามไปด้วย
สีหน้าของหวงเหวินจิ่นยิ่งไม่น่ามองมากขึ้น มือทั้งสองกำเป็นหมัดแน่น เห็นได้ชัดว่าไฟโทสะกำลังเผาไหม้ในใจของหวงเหวินจิ่นแล้ว
ฮั่วเจี้ยนเฟิงยิ่งมีสีหน้าตกตะลึงทั้งไร้ความผิด จ้องมองความโกรธที่ปรากฏในดวงตาของหวงเหวินจิ่นอย่างทำอะไรไม่ถูก
ในใจของฮั่วเจี้ยนเฟิงร่ำร้อง นี่มันนับว่าถูกขุดหลุมฝังถึงที่สุดแล้ว ตอนนี้โคลนเหลืองตกลงบนกางเกง ไม่ใช่อุจจาระก็เป็นอุจจาระแล้ว
“เรื่องอะไรกัน เหวินจิ่นนายยังจัดการไม่เสร็จอีก? “
เสียงทรงอำนาจสายหนึ่งดังขึ้นมา หวงเหวินจิ่นร้อนรนทันที ใจคิดว่าทำไมประธานมาถึงล่วงหน้าแล้ว เมื่อครู่ตนเองทระนงตนเกินไปแล้ว ถึงกับยังไม่ได้เผยฐานะออกมา
หวงเหวินจิ่นหมุนกายกลับอย่างรีบร้อน โค้งตัวเอ่ยตอบ “ประธาน ด้านนี้มีปัญญาเล็กน้อยนิดหน่อย ฉันสามารถจัดการได้เดี๋ยวนี้”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงหันไปมองทางเสียงที่ดังมา เห็นหวงฝูชิงที่ถูกกลุ่มคนล้อมรอบเดินเข้ามา ฮั่วเจี้ยนเฟิงทั้งตัวก็จะพังทลายแล้ว
กับระหว่างหวงเหวินจิ่น ฮั่วเจี้ยนเฟิงยังฝืนใจเอ่ยคำได้บ้าง แต่กับหวงฝูชิง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งฐานะหรือว่าลำดับความอาวุโส นั่นก็ห่างไกลกันมากมายนัก
“สวัส สวัสดีประธานหวง ฉันคือ……”
ไม่รอให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดจบ หวงเหวินจิ่นก็ถลึงตามองแล้วดันเขาเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้ว ตวาดอย่างรุนแรงว่า “ประธานของพวกเรามาถึงแล้ว คุมปากของพวกนายให้ดี ถ้าปากใครพ่นคำพูดไม่น่าฟังออกมาอีก ก็อย่าได้โทษว่าฉันหวงเหวินจิ่นลงมือโหดร้าย”
กู้ซิงเว๋ยและคนอื่นๆ ที่เมื่อครู่ยังเต้นผางสนุกสนาน พลันแข็งค้างกันอยู่ที่เดิม นิ่งงันราวกับเป็นไก่ไม้ มองหวงเหวินจิ่นที่อยู่ๆ ก็ระเบิดโทสะ
“หวง หวงเหวินจิ่น? หวงเหวินจิ่นพยัคฆ์แห่งเมืองฮ่าน? “
กู้ซิงเว๋ยกระซิบเสียงเบาประโยคหนึ่ง บนหน้าผากปรากฏเหงื่อเย็นเท่าเม็ดถั่วเหลืองออกมา คิดไม่ถึงว่าคุณลุงหวงจากปากของฮั่วเจี้ยนเฟิง จะเป็นหวงเหวินจิ่นพยัคฆ์แห่งเมืองฮ่าน
นั่นคือบุคคลโหดเหี้ยมอันดับหนึ่งในติ่งเซิ่งกรุ๊ปเลยนะ พูดกันว่าตอนติ่งเซิ่งกรุ๊ปก่อตั้งกิจการ เพียงแต่เป็นเรื่องที่ใช้ความรุนแรง ล้วนเป็นหวงเหวินจิ่นออกหน้าจัดการ ลงมือได้โหดเหี้ยมเป็นที่สุด
ฐานะชื่อเสียง เป็นรองเพียงผู้กล้าทั้งสี่แห่งเมืองฮ่านเท่านั้น!
“พระเจ้า ทำไมพยัคฆ์แห่งเมืองฮ่านถึงมาแล้ว ฉันเคยได้ยินเรื่องของเขา พวกลูกพี่ใหญ่ใต้ดินเจอเขาแล้วก็เรียบร้อยเหมือนเป็นหลานชายไปเลย เขาจะมาขอห้องพิเศษอย่างเกรงใจขนาดนี้ได้ยังไง ไม่เข้ากับภาพลักษณ์เลยนี่”
“อาจจะเพราะประธานของติ่งเซิ่งกรุ๊ปต้องการใช้ ไม่เช่นนั้นเมื่อครู่หวงเหวินจิ่นจะเกรงใจขนาดนั้นได้ยังไง ฮั่วเจี้ยนเฟิงคนนั้นก็เหมือนกัน เมื่อครู่ทำไมไม่พูดให้ชัดเจนว่านี่คือใคร เช่นนี้ดีแล้วไง พวกเราทั้งหมดก็โชคร้ายตามไปด้วยแล้ว”
ญาติมิตรของตระกูลกู้ล้วนถูกทำให้ตกใจจนสีหน้าซีดขาว ล่วงเกินคนตระกูลหวงแล้ว สามารถพูดได้ว่าหลังจากนี้ไม่มีทางที่จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปในเมืองฮ่านแล้ว ต้องไปจากเมืองฮ่านให้ไกลมากที่สุด ถึงจะหลุดพ้นจากเงาของติ่งเซิ่งกรุ๊ปไปได้
กู้ชิงหลินหดตัวเข้าไปในมุม เวลานี้คนที่ไม่อยากเจอที่สุดก็คือหวงฝูชิง ถ้าเกิดหวงฝูชิงแสดงท่าทีของนายน้อยอยู่เหมือนเดิม เช่นนั้นกู้ชิงหลินแน่นอนจะต้องเป็นคนที่ประสบหายนะเป็นคนแรกในห้องนี้
หวังฟางทั้งตัวสั่นสะท้าน ชื่อเสียงของบุคคลก็เหมือนเงาของต้นไม้ พอได้ยินตอนหวงเหวินจิ่นเผยถึงชื่อเสียงเรียงนามออกมา หวังฟางก็ถูกทำให้ตกใจจนหัวสมองขาวโพลน ทั้งตัวถูกปกคลุมด้วยความหวาดกลัว
กู้เจี้ยนหมินแน่นหน้าอกขึ้นมาทันที คิดไม่ถึงว่าจัดงานเลี้ยงวันเกิดงานหนึ่งจะเกิดอุปสรรคขนาดนี้ ยังจะให้คนมีชีวิตอยู่ต่อไปดีๆ ไหม ฮั่วเจี้ยนเฟิงเจ้าคนโง่นี่ เมื่อครู่ทำไมถึงได้กล้าพูดจาเสียใหญ่โตเช่นนั้น
หลี่โม่ยังคงนั่งอยู่อย่างสงบนิ่งที่สุด มองฮั่วเจี้ยนเฟิงที่นั่งตัวสั่นระริกราวกับนกกระทา รู้สึกพูดไม่ออกว่าหมอนี่ท่าทางน่าตลกขบขันอย่างยิ่ง
“อุ๊บ~”
หลี่โม่อดไม่ไหวหัวเราะออกมาเบาๆ เสียงหนึ่ง
กู้หยุนหลันขมวดคิ้วมองที่หลี่โม่ พูดอย่างไม่พอใจว่า “นี่มันเวลาไหนแล้ว นายยังถึงกับหัวเราะออก”
“มีความสุขในความทุกข์สักหน่อย รออีกสักพักฉันจะก้าวออกไปเผชิญกับความยากลำบากแล้ว”
หลี่โม่พูดเรียบๆ
“นายเนี่ยนะ? นั่นคือหวงเหวินจิ่นพยัคฆ์แห่งเมืองฮ่านเชียวนะ ยังมีประธานของติ่งเซิ่งกรุ๊ปอีก นายอย่าทำวุ่นวาย ก่อปัญหาที่ใหญ่ขึ้นก็ไม่มีวิธีเก็บกวาดแล้ว”
กู้หยุนหลันกลอกตาใส่เขาครั้งหนึ่ง ในใจไม่ได้เอาคำที่หลี่โม่มาคิดเป็นเรื่องเป็นราว
ตอนนี้ถึงแม้จะก่อปัญหาขึ้นแล้ว แต่ว่าก็ไม่นับว่าใหญ่โต เพียงแค่ยกห้องพิเศษให้พูดอ่อนน้อมสักสองประโยค คิดว่าคนใหญ่คนโตเช่นนั้นอย่างประธานหวง จะต้องไม่ซักถามไม่เลิกราแน่
นี่ไม่เพียงเป็นความคิดของกู้หยุนหลัน แต่เป็นความคิดของทุกคนในที่นี้เช่นกัน ยิ่งเป็นความคิดของฮั่วเจี้ยนเฟิง
ในใจฮั่วเจี้ยนเฟิงทุกข์ทรมานหาใดเปรียบ รู้สึกว่าอวัยวะภายในของตนถูกย่างสุกไปโดยปริยายแล้ว ในตอนที่ประธานหวงปรากฏตัวขึ้นในฉับพลัน
นี่ถ้าทรมานต่อไป เช่นนั้นจะต้องถูกทรมานจนกระอักเลือดตายแล้ว
เดินสันหลังตั้งตรง พลันงอลงหนึ่งร้อยยี่สิบองศาในทันที ท่าทางที่โอหังอวดดีของฮั่วเจี้ยนเฟิงเลือนหายไปในละอองฝุ่นแล้ว เหลืออยู่เพียงท่าทีอันต่ำต้อยเท่านั้น
ฮั่วเจี้ยนเฟิงที่งอตัวโค้งราวกับกุ้งแห้ง เอ่ยอย่างเคารพนอบน้อมอย่างที่สุด “ไม่ทราบว่าประธานหวงต้องการใช้ห้องชั้นพิเศษ ดังนั้นเมื่อครู่พวกเราจึงมีความเข้าใจผิดเล็กน้อย ถ้าทราบละก็ พวกเราก็หลีกให้นานแล้ว ขอให้ประธานให้อภัยด้วย สามารถยกห้องชั้นพิเศษให้ประธานหวงได้ ถือเป็นเกียรติสูงสุดของพวกเรา”
นาทีนี้ศักดิ์ศรีบนหน้าทั้งหมด ล้วนถูกฮั่วเจี้ยนเฟิงโยนลงพื้นไปแล้ว เพียงแค่สามารถออกจากห้องชั้นพิเศษนี้ได้อย่างปลอดภัย อะไรฮั่วเจี้ยนเฟิงก็สามารถไม่ต้องการได้
“อืม”
หวงฝูชิงไขว้มือไว้ที่หลัง ยืดพุงใหญ่ ทั้งหน้าท่าทีหยิ่งยโส ในโพรงจมูกพ่นเสียงยาวๆ ออกมา ราวกับว่ายังไม่ค่อยพอใจ