จักรพรรดิมังกร – ตอนที่ 140 ดูซิว่าใครแน่

บทที่ 140 ดูซิว่าใครแน่

“โฮะ ไอ้สวะหลี่ ใครเอาความกล้าแบบนี้ให้แกกัน โอ้อวดเสียใหญ่โต ยังมีหน้ามาพูดว่าผู้จัดการฮั่วจัดการไม่ได้แกค่อยจัดการ นี่มันเรื่องตลกระดับสากลของแท้เลยนะ”

สวี่หมานกระโดดออกมาตอบโต้หลี่โม่

นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เลียแข้งเลียขาฮั่วเจี้ยนเฟิง ขอเพียงฮั่วเจี้ยนเฟิงมีความรู้สึกที่ดีต่อตน ต่อไปไม่แน่ว่าจะสามารถโยกย้ายไปอยู่บริษัทการลงทุนติ่งซินได้”

หวังฟางคว้าเอาน้ำกับขนมที่อยู่ในมือของหลี่โม่มาอย่างรวดเร็ว พูดด้วยอาการหอบด้วยความโมโหว่า “นั่งอยู่ตรงนี้ไป ที่นี่แกไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไร ถ้าหากแกยังจะพูดมั่วซั่วอีก ฉันจะตบแกให้ฟันร่วง!”

ฮั่วเจี้ยนเฟิงเหลือบตามองหลี่โม่ แสร้งทำเป็นใจกว้างพูดว่า “คุณน้าครับ ให้ไอ้สวะนี่อยู่เก็บขยะที่นี่เถอะครับ เก็บเปลือกเมล็ดแตงโม ถุงพลาสติกอะไรพวกนั้น พวกเราไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมนะครับ”

“เจี้ยนเฟิงพูดถูกอีกแล้ว แก ไอ้ตัวไร้ประโยชน์อยู่เก็บขยะซะ อีกสักพักอย่าไปรบกวนการสนทนาของเจี้ยนเฟิงกับคนของบริษัทการลงทุนล่ะ”

“ถ้าหากเขาทำได้จริง หมาก็ไม่กินขี้แล้ว”

หลี่โม่ทิ้งไว้หนึ่งประโยค หันกลับไปเดินไปยืนอีกฝั่ง มองฮั่วเจี้ยนเฟิงโมโหจนแทบทนไม่ไหวด้วยสายตาเยียบเย็น

“เจี้ยนเฟิง นายอย่าโมโหไปเลย รอจนจัดการเรื่องนี้เสร็จ น้าจะจัดการเขาให้นายเอง”

หวังฟางดึงเอาตัวฮั่วเจี้ยนเฟิงมาโน้มน้าวอีกหนึ่งประโยค ไม่อยากจะมาเสียเวลาจัดการเรื่องสำคัญเพราะหลี่โม่”

ไม่นาน ผู้อำนวยการคนหนึ่งของบริษัทการลงทุน เดินเข้ามาเหมือนกับโจร

“คุณคือผู้จัดการฮั่ว?”

ผู้อำนวยการถามเสียงต่ำ

“ผมคือฮั่วเจี้ยนเฟิงจากบริษัทการลงทุนติ่งซิน เกิดอะไรขึ้นกับบริษัทของคุณ ต่อให้กำไรของการลงทุนมีปัญหาอย่างน้อยก็ต้องคืนเงินทุนนะ”

ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดอย่างมีพลังเต็มเปี่ยม

“เงินทุน… ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่คืนนี่ ไม่ได้บอกให้พวกเขากลับไปรอรับโทรศัพท์หรอกหรือ พวกเราจะจัดการอย่างเหมาะสมแน่ ๆ”

ผู้อำนวยการพูดอย่างปัดความรับผิดชอบอย่างสมบูรณ์

“แบบนี้ไม่ได้นะ อย่างน้อยคุณก็ต้องระบุเวลามา ให้พวกเรารอ แล้วต้องรอถึงตอนไหน ถ้าหากพวกคุณหนีไปจนตามไม่เจอเงาแล้ว พวกเราจะทำอย่างไร”

หวังฟางพูดด้วยความไม่พอใจ

ผู้อำนวยการไม่ได้สนใจหวังฟาง เพียงแค่มองฮั่วเจี้ยนเฟิง ออกมาเสี่ยงครั้งนี้ก็เพราะเห็นแก่หน้าของฮั่วเจี้ยนเฟิง

“พี่น้อง เบื้องหลังของพวกคุณผมเองก็รู้ เอาอย่างนี้ ขอเพียงคุณคืนเงินให้กับคุณน้าไม่กี่คนพวกนี้ ผมฮั่วเจี้ยนเฟิงจะรับรองอนาคตของคุณส่วนหนึ่ง เป็นอย่างไร?”

“สวี่หมานได้ยินแล้วก็อิจฉาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ อยากจะตะโกนออกมาดัง ๆ ว่าเขาเองก็ต้องการอนาคต”

“วู้ว นี่มันอนาคตที่ผู้จัดการฮั่วให้สัญญาเลยนะ ขอเพียงคุณตอบตกลง ต่อไปจะต้องได้กินดีอยู่ดีอย่างแน่นอน เรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ ผู้อำนวยการอย่างคุณทำได้อยู่แล้ว”

สวี่หมานพูดอย่างคล้อยตาม

หลี่โม่มองพวกของฮั่วเจี้ยนเฟิงรุมล้อมผู้อำนวยการคนนั้นด้วยสายตาเยียบเย็น ส่ายหัวอย่างจนปัญญา ในใจก็คิดว่าคนพวกนี้โง่ระดับไหนกัน ถึงได้คิดว่าผู้อำนวยการคนนั้นจะช่วยเอาเงินออกมาได้

ฮั่วเจี้ยนเฟิงกวาดตามองหลี่โม่หนึ่งครั้งจากท่ามกลางกลุ่มคน เห็นสีหน้าของหลี่โม่ก็โผล่รอยยิ้มเยาะหยันออกมาทันที คิดว่าตนเองมีแต้มต่อ ขอเพียงผู้อำนวยการไม่ใช่คนโง่ จะต้องช่วยเอาเงินออกมาได้แน่ ถึงตอนนั้นก็สามารถเหยียบหลี่โม่ให้จมดินได้แล้ว

สายตาของหลี่โม่และฮั่วเจี้ยนเฟิงปะทะกันกลางอากาศ ทั้งสองละสายตาออกจากกันอย่างรวดเร็ว เหมือนใช้สายตาด่ากันว่าไอ้หน้าโง่

ผู้อำนวยการไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ยิ้มเจื่อน ๆ แล้วพูดว่า “ผู้จัดการฮั่ว ถึงแม้ผมจะสนใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำได้แค่พูดขอโทษหนึ่งคำ ผมไม่รู้ว่าเงินทุนอยู่ที่ไหน ดังนั้นจึงช่วยอะไรพวกคุณไม่ได้”

สีหน้าของฮั่วเจี้ยนเฟิงเปลี่ยน ไม่ต้องรอให้พวกของหวังฟางมีปฏิกิริยาตอบโต้ ลากตัวผู้อำนวยการเดินไปอีกด้าน ถามขึ้นเสียงต่ำ “พี่น้อง เจ้านายของพวกคุณเป็นใคร? ทำไมถึงหยิ่งขนาดนี้? ไม่ไว้หน้าผมเลยนะ”

“เจ้าของกิจการของบริษัทเราเป็นเจ้าของแค่ในนาม เจ้าของกิจการที่อยู่เบื้องหลังคือหลูหมิงเซิง ถ้าหากผู้จัดการฮั่วเอาเงินออกมาได้ นั่นก็ถือว่ามีความสามารถเทียมฟ้าแล้ว ลาก่อน”

ผู้อำนวยการทิ้งไว้หนึ่งประโยค แล้วเดินจากไปไกลทันที ไม่กล้าอยู่ต่ออีกแม้แต่ครึ่งนาที”

ในใจของฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด ตะลึงอย่างถึงที่สุดไปแล้ว

“เจี้ยนเฟิง เกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมผู้อำนวยการคนนั้นไปแล้วล่ะ นายพูดกับเขารู้เรื่องหรือยัง ตกลงเงินของพวกเราเอากลับมาได้ไหม”

หวังฟางตามมาถามด้วยความร้อนรุ่มกลุ้มใจ

พวกของจางชุ่ยฮัวเองก็มองฮั่วเจี้ยนเฟิงด้วยความกระวนกระวายใจ ตอนนี้ความหวังทั้งหมดอยู่บนตัวของฮั่วเจี้ยนเฟิงแล้ว

ฮั่วเจี้ยนเฟิงหัวเราะแห้ง ๆ สองเสียง พูดอย่างอึดอัดนิด ๆ ว่า “ผมให้เขากลับไปติดต่อแล้ว ยังต้องการเวลาสักพัก แต่ว่าปัญหาไม่ใหญ่”

“อย่างนั้นหรือ เจี้ยนเฟิงเก่งจริง ๆ ดูเหมือนครั้งนี้น้าเลือกคนไม่ผิด พวกเราทั้งหมดต้องพึ่งเจี้ยนเฟิงแล้ว”

หวังฟางพูดยิ้ม ๆ

สายตาของฮั่วเจี้ยนเฟิงล่องลอยอยู่บ้าง นึกไปถึงพ่อของตนกับหลูหมิงเซิงเคยคบค้าสมาคมกัน ถ้าเกิดให้พ่อของตนออกหน้าล่ะก็ หลูหมิงเซิงน่าจะไว้หน้ากันอยู่บ้าง

เพียงแต่ไม่สามารถจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อยได้ในทันทีทันใด ไม่สามารถใช้กำลังสายฟ้าฟาดตบหน้าหลี่โม่ได้ ทำให้ในใจของฮั่วเจี้ยนเฟิงเป็นทุกข์อยู่บ้าง

หลี่โม่เดินมาถึงที่ที่พวกของหวังฟางนั่งอยู่ เก็บกวาดเปลือกเมล็ดแตงโมและถุงพลาสติกตามประสงค์ ครุ่นคิดว่าจะต้องติดต่อกับฉู่จงเทียนหรือไม่

สวี่หมานใช้เท้าเหยียบลงบนถุงพลาสติกในตอนที่หลี่โม่กำลังจะเก็บถึงพลาสติกพอดี

หลี่โม่เงยหน้าขึ้นมองสวี่หมาน พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ตาบอดเหรอ?”

“หึหึ หลี่โม่ ตอนนี้แกอวดดีนักนะ เมื่อครู่ยังตอบโต้ผู้จัดการฮั่ว แกรู้ไหมว่าผู้จัดการฮั่วเป็นใคร ดูสิ ตอนนี้ผู้จัดการฮั่วก็จะช่วยแม่ยายของแกเอาเงินคืนมาได้แล้ว สวะอย่างแกควรจะไปโขกหัวขอบคุณผู้จัดการฮั่วไม่ใช่หรือ”

สวี่หมานไม่เพียงแต่ทำเพราะอยากจะดูเรื่องตลกของหลี่โม่ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังทำเพื่อประจบประแจงฮั่วเจี้ยนเฟิง แข้งขาสีทองอร่ามนั่นอยู่ตรงหน้า แน่นอนว่าต้องทุ่มสุดแรงเลียให้เปียกชุ่ม

จางชุ่ยฮัวก็ตะโกนตาม “ลากไอ้สวะนั่นมา เมื่อครู่มันยังกล้าตอบโต้กับผู้จัดการฮั่ว ตอนนี้ควรจะให้เขามาขอขมาผู้จัดการฮั่วเสีย”

จางชุ่ยฮัวพูดไปด้วยเหลือบตามองหวังฟางไปด้วย ในใจก็คิดว่าหวังฟางเชิญคนนอกมาจัดการลูกเขยของเธอ เรื่องครึกครื้นนี่ทำไมมันถึงได้รู้สึกสะเทือนใจเช่นนี้กันนะ

หวังฟางกลับไม่สนใจ อย่างไรเสียก็อยากเปลี่ยนตัวลูกเขยตั้งนานแล้ว ให้หลี่โม่ได้พบเห็นความลำบากแล้วหนีไปซะเป็นดีที่สุด ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าทุกคนจะสร้างความอับอายอย่างโหดร้ายให้กับหลี่โม่

“แก ไอ้สวะ ฟังทุกคนพูดไม่รู้เรื่องหรือ มาขอขมาเจี้ยนเฟิงซะ!”

หวังฟางใช้มาดอันน่าเกรงขามของแม่ยาย

ฮั่วเจี้ยนเฟิงเบิกบานจนหุบปากไม่ลง สายตายั่วยุหลี่โม่โดยตรง เหมือนจะเห็นฉากหลี่โม่ก้มหัวยอมแพ้ คุกเข่าให้ตน ครุ่นคิดอยู่ว่าควรจะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกหรือไม่ นั่นมันเป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์เลยนะ!

“ถือดีอย่างไรจะให้ผมขอขมาเขา เขาช่วยพวกคุณเอาเงินกลับมาได้แล้วหรือ? พวกคุณได้รับเงินแล้วหรือ? ผมพูดอะไรก็เป็นเรื่องหลอกลวง เขาพูดปากเปล่าก็ไม่ใช่เรื่องหลอกลวงหรือ?”

หลี่โม่พูดด้วยเสียงเยียบเย็น หันหน้าเดินออกไปอีกด้าน ทิ้งให้พวกของหวังฟางเบิกตาอ้าปากหวอ

“ตอบโต้หรือ เจ้าสวะนี่จะตอบโต้หรือ!”

หวังฟางก้าวเท้าจะออกไปตามหลี่โม่ แต่กลับถูกจางชุ่ยฮัวดึงเอาไว้

“ที่เจ้าสวะบ้านเธอพูดมาก็มีเหตุผลอยู่นะ ตกลงผู้จัดการฮั่วเชื่อถือได้หรือไม่ ดูผู้อำนวยการก็ไม่ค่อยยอมรับเขานะ” จางชุ่ยฮัวพูด

ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดอย่างมีพลังเต็มเปี่ยม “พวกคุณวางใจเถอะ จะต้องไม่มีปัญหาแน่นอน หรือถ้าไม่ไว้วางใจผมก็จะไปให้ไอ้สวะหลี่โม่นั่นช่วยเหลือก็ได้ ดูสิว่าใครกันแน่ที่เชื่อถือได้!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset