บทที่149 คอยดูกันต่อไป
ฉู่จงเทียนกับหลูหมิงเซิงได้ยินคำพูดของหลี่โม่ จึงลงรถพร้อมกัน
มองดูพวกหัวสิงโต ฉู่จงเทียนกับหลูหมิงเซิงทั้งสองถึงกับหน้าถอดสี
บ้าอะไรวะ ที่นี่มันถิ่นของข้าฉู่จงเทียน เกิดเรื่องอย่างนี้นายน้อยจะคิดยังไง?
นายน้อยต้องมองตนไม่ดีแน่!
“ไอ้สารเลวพวกนี้ คุณหลี่นั่งเฉย ๆ ผมจะไปจัดการไอ้พวกกระจอกนี่ ให้รู้ว่าใครเป็นใคร”
ฉู่จงเทียนลงจากรถใบหน้าเต็มไปด้วยไอสังหาร ออร่าของลูกพี่ใหญ่ได้เผยให้เห็นแล้ว
หลูหมิงเซิงแย้มยิ้มให้กับหลี่โม่แล้วพูดว่า “ไอ้พวกนักเลงกระจอกนี้ไม่พอมือคุณฉู่หรอก คุณหลี่ท่านคอยดูละครฉากนี้ให้สบายใจพอแล้ว อีกเดี๋ยวเค้นคอเจ้าตัวบงการมาให้ได้”
“อืม”
หลี่โม่สงบนิ่งตอบรับคำ วิเคราะห์ดูแล้วไอ้พวกนักเลงกระจอกปรากฏตัว มันบังเอิญเกินไป หรือว่าจะมาหาเรื่องกับตน ยังไงเมื่อครู่หลี่โม่ทำให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงกับสวี่หมานต้องเสียหน้ามาก ทั้งสองคนก่อเรื่องลับหลังเช่นนี้ พอมีเหตุมีผลอยู่บ้าง
ฉู่จงเทียนยืนอยู่ข้างรถเบนซ์ ใช้สายตาเหยียดหยามมองไปที่พวกนักเลงหัวสิงโตที่มือถือไม้เบสบอล
“พวกเจ้ากล้าลงมือ? เบิกตามองดูให้ดี ๆ ว่าข้าเป็นใคร!”
ฉู๋จงเทียนสบถคำ
“ถุย!”
หัวหน้าในกลุ่มหัวสิงโตถุยน้ำลายลงพื้น เอียงหัวมองดูหน้าฉู่จงเทียน
“ไม่สนว่าเจ้าเป็นใคร คุณลุง ขอเตือนว่าให้รีบกลับไปที่รถนั่งสงบเสงี่ยม เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณ พวกเราจะจัดการหลี่โม่เพียงคนเดียว เพื่อแสดงให้รู้ว่าพวกเรายังคงเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ให้โอกาสคุณรีบกลับไปนั่งที่รถดี ๆ”
พวกหัวสิงโตเป็นพวกที่พอมีอิทธิพลอยู่บ้าง เป็นลูกพี่ใหญ่ในกลุ่มผู้มีอิทธิพล ยังเสแสร้งทำเหมือนพวกมีความรู้
ฉู่จงเทียนหัวเราะเยาะ “เหอะเหอะ พวกเจ้านี่นะมีความรู้ ข้าคือฉู่จงเทียน เห็นแก่พวกเจ้าที่มีความรู้ งั้นมาคุกเข่าคำนับข้าเดี๋ยวนี้ ข้าให้โอกาสการเป็นคนกับพวกเจ้าอีกครั้ง”
“แมร่งงงงงเอ้ย!”
หัวสิงโตบันดาลโทสะ สบถคำ จากนั้นก็หัวร่อออกมาคำโต
“ฮ่าฮ่าฮ่า อยากหัวเราะ สารรูปอย่างเจ้าเนี่ยนะ กล้าเทียบชั้นท่านเทียน รู้มั้ยว่าท่านเทียนมีลำดับอาวุโสแค่ไหน?”
“เป็นท่านปู่ของพวกเรา ท่านปู่ของลูกพี่พวกเรา ไม่ใช่คนแก่หงำเหงือกอย่างเจ้าที่จะแสร้งทำได้”
พวกหัวสิงโตถึงแม้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามฉู่จงเทียน แต่ว่าไม่เคยเห็นหน้าฉู่จงเทียนสักครั้งเดียว ได้ยินลูกพี่เคยพูดถึงรถยนต์ของฉู่จงเทียนเท่านั้น อีกทั้งพูดถึงความยิ่งใหญ่อะไรต่าง ๆนานา
แต่ว่ารถเบนซ์ที่เห็นไม่ใช่รถยนต์ของฉู่จงเทียน อีกทั้งถ้าหากท่านฉู่จงเทียนอยู่ที่นี่ ก็ไม่ควรออกหน้าเช่นนี้ แค่ส่งลูกสมุนตัวเล็กใครก็ได้ ก็สามารถกำราบหัวสิงโตอย่างพวกนี้ได้แล้ว
ดังนั้นด้วยความคิดเช่นนี้ หัวสิงโตจึงมั่นใจได้ทันทีว่าคนที่อยู่ข้างหน้านี้คือพวกจอมปลอม แสร้งเอ่ยชื่อฉู่จงเทียนเพื่อให้ตนตกใจกลัว
ฉู่จงเทียนเดือดดาลจนปวดฟัน เป็นครั้งแรกที่ได้รับความอัปยศถึงเพียงนี้
ในอดีต เพียงแค่เอ่ยชื่อฉู่จงเทียน พวกลูกน้องที่โง่ซื่อบื้อขนาดไหนก็ยังต้องมาอ่อนน้อม
“เจ้าเบื่อชีวิตมากแล้วใช่ไหม?”
ฉู่จงเทียนหรี่ตาลง ดวงตาฉายแสงความโหดร้าย
หลี่โม่นั่งอยู่ในรถ ฉู่จงเทียนคิดว่าจัดการเรื่องให้เรียบร้อยโดยไม่ต้องมีเรื่อง ในเมื่อพวกหัวสิงโตไม่เชื่อฟัง ฉู่จงเทียนจึงต้องสั่งสอนพวกนี้ซักหน่อย ต้องแสดงให้หลี่โม่เห็นว่าตนไม่ใช่พวกไร้ประโยชน์
สิ่งที่ฉู่จงเทียนเป็นกังวลคือ หลี่โม่ไม่เห็นในความสามารถของเขา ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา สลัดเขาทิ้ง อิทธิพลที่พึ่งพิงมานาน สูญสิ้นกันพอดี
“ข้าไม่ใช่เบื่อชีวิต แต่ว่าตั้งแต่เด็กเคยฝึกวิชากังฟูหัวเหล็กมาบ้าง ไม่พูดมากความกับเจ้าแล้ว เข้ามาเลย!”
หัวสิงโตคำรามเสียงดัง พุ่งตัวเข้าใส่ฉู่จงเทียนเป็นคนแรก คิดว่าจะให้ฉู่จงเทียนรู้ถึงฝีมือร้ายกาจของตน
ฉู่จงเทียนสวนหมัดใสหัวสิงโตทีเดียว สภาพหัวสิงโตเหมือนกับเด็กถูกทุบตีอยู่ข้างถนน
พวกหัวสิงโตที่เหลือมือกำไม้เบสบอล หวังจะเข้าตะลุมบอน ฉู่จงเทียนไม่มีท่าทีหวาดหวั่น บุกตะลุยเพียงคนเดียวชกซ้ายถีบขวา ประเดี๋ยวเดียวพวกหัวสิงโตนอนไปกองกับพื้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพความเป็นลูกพี่ใหญ่
ในรถเบนซ์ หลูหมิงเซิงหยิบซิการ์ฮาวาน่า รุ่นพิเศษ ตัดหัวซิการ์ จากนั้นยื่นซิการ์ให้กับหลี่โม่
“คุณหลี่ ท่านลองสูบซิการ์ฮาวาน่ารุ่นพิเศษ ซิการ์นี้หายากมาก แน่นอนว่าของแค่นี้สำหรับคุณแล้วไม่มีค่าอะไร”
หลี่โม่ใช้นิ้วคีบซิการ์ไว้ จากนั้นหลูหมิงเซิงหยิบไฟแช็กน้ำมันทองคำแท้ขึ้นมา เพื่อจุดซิการ์ให้กับหลี่โม่
หลี่โม่สูบซิการ์เข้าไปคำหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “สูบซิการ์ต้องไม้ขีดไม้ซีดาร์ ต่อไปอย่าใช้ไฟแช็กแก๊สจุดอีกล่ะ ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะได้”
หลูหมิงเซิงอึ้งไปพักหนึ่ง รีบเก็บไฟแช็กทองคำของเขาทันที
“แฮะแฮะ ผมเป็นคนบ้านนอกไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร ต่อไปจะตั้งใจเรียนรู้ให้มาก ไม่ทำให้คุณหลี่ต้องเสียหน้า”
หลังพูดจบหลุหมิงเซิงหยิบที่เขี่ยบุหรี่คริสตัลขึ้นมาถือ เพื่อรอให้หลี่โม่ไว้เขี่ยก้นซิการ์
ด้านนอกรถเบนซ์ ฉู่จงเทียนจิกผมหัวสิงโต ดึงตัวหัวสิงโตขึ้นมาพูดว่า
“กังฟูหัวเหล็กของเจ้าเป็นไงไปแล้วล่ะ?”
“ใช้การไม่ได้แล้วครับ ใช้การไม่ได้แล้วจริง ๆ ลูกพี่ร้ายกาจมาก แต่ว่าเจ้าขัดขวางงานของพวกข้า เฮียเตาของพวกเราไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ ๆ หากใจกล้า ก็ให้ข้าโทรเรียกเฮียเตามาสิ”
“เหอะ เหอะ ให้โอกาเจ้า รีบโทรเลย”
ฉู่จงเทียนผลักหัวสิงโตไปกองกับพื้น คิดว่าต้องจัดการเฮียเตาอีกซักคน
ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังคิดทำร้ายหลี่โม่ ฉู่จงเทียนอยากรู้ให้ได้ เพียงแค่จัดการคนที่คิดทำร้ายหลี่โม่ นั่นจะเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงเลยทีเดียว
คิดอย่างนี้ ฉู่จงเทียนเริ่มตื่นเต้นขึ้นทันที
หัวสิงโตโทรศัพท์เสร็จ นอนฟุบกับพื้นมองไปที่ฉู่จงเทียน ขณะเดียวกันส่งนิ้วกลางให้เขา
“คอยดูเถอะ เฮียเตาของพวกเราใกล้มาถึงแล้ว ครั้งนี้เฮียเตาของพวกเราพาพรรคพวกมาอีกร้อยกว่าคน พวกเจ้าต้องตาย!”
“เหอะเหอะ”
ฉู่จงเทียนหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใช้เท้าขวากระทืบลงไปที่หน้าอกของหัวสิงโต
กร๊อบกร๊อบ
เสียงกระดูกหักดังกร๊อบ ฉู่จงเทียนกระทืบหน้าอกหัวสิงโตจนกระดูกซี่โครงหักไปหลายซี่
หลี่โม่วางซิการ์ในมือ โผล่ศีรษะออกนอกหน้าต่างรถพูดว่า “ เหล่าฉู่ เสร็จเรื่องหรือยัง?”
“รออีกเดี๋ยวครับ พวกมันตั้งใจมาทำร้ายคุณ รอให้ลูกพี่ของพวกมันมาถึง ถามให้แน่ชัดใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง”
หลี่โม่พยักหน้าเล็กน้อย ได้ยินว่าพวกหัวสิงโตต้องการมาทำร้ายตน หลี่โม่มั่นใจได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“คาดว่าฮั่วเจี้ยนเฟิงเป็นผู้ว่าจ้าง คุณถามให้แน่ชัดพอแล้ว ไม่ต้องทำอะไรกับฮั่วเจี้ยนเฟิง ค่อย ๆ เล่นถึงจะสนุก”
“ครับ”
หลุหมิงเซิงคิดไปว่าเมื่อกี้ตนเองตบหน้าฮั่วเจี้ยนเฟิงเข้าอย่างจัง ไม่เห็นว่าฮั่วเจี้ยนเฟิงจะโต้ตอบอะไร คนขี้กลัวอย่างมัน เหตุใดถึงกล้าหาญกินดีหมีหัวใจเสือดาวส่งคนมาทำร้ายนายน้อยสำนักหลงเหมิน นี่มันรนหาที่ตายแท้ ๆ
“ฮั่วเจี้ยนเฟิงขี้ขลาด ไม่น่าจะเป็นคนทำ เขาคิดทำร้ายน่าจะทำร้ายผมเสียมากกว่า ผมเป็นคนตบหน้าเขา”
หลูหมิงเซิงพูด
“ต้องคอยดูกันต่อไป”
หลี่โม่ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา