บทที่ 190 หลี่โม่สุดยอดมาก
หลี่โม่ลงมาจากเวทีประลอง เขานวดข้อมือแล้วเดินไปหาคุณชายซู
คุณชายซูตกใจจนขนลุกไปทั้งตัว “แก แกจะทำอะไร ฉันขอเตือนว่าอย่าเข้ามา ไม่งั้นฉันจะไม่ปล่อยแกไว้แน่!”
เหอปินมองหลี่โม่ที่เต็มไปด้วยความอาฆาต เขาถอยไปข้างหลังอย่างหวาดกลัวโดยไม่ได้ดึงคุณชายซูมาด้วย
ท่านหวงกับท่านหม่ากลัวจนหัวหด ไม่แม้แต่จะกล้าพูดอะไรออกมา
ซูเหวินปินฝืนพูดออกไปว่า “แกจะทำอะไร การแข่งขันจบลงแล้ว พวกแกชนะแล้ว เรายอมแพ้ และจะไปจากที่นี่”
“จะไปก็ได้ แต่ขอให้ฉันสั่งสอนมันก่อน อยากให้ครอบครัวของฉันตายทั้งครอบครัวไม่ใช่เหรอ งั้นฉันจะทำให้ครอบครัวของแกตายแบบไม่มีที่ฝังศพ” หลี่โม่พูดจบก็ยกมือตบไปที่หน้าของคุณชายซู
ซูเหวินปินถึงกับหน้ากระตุก ไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะห้ามหลี่โม่เอาไว้
เขาสามารถฆ่าคนโหดเหี้ยมอย่างอาหลง อาหู่ได้อย่างง่ายดาย ซูเหวินปินคิดว่าถึงตัวเองจะเอาปืนมาเผชิญหน้ากับหลี่โม่ ตัวเองก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่โม่
เพียะ!
เสียงตบดังขึ้นมาอีก คุณชายซูกระอักเลือดออกมา เขารู้สึกได้ยินเสียงวิ๊งวิ๊งอยู่ในหัว ตบของหลี่โม่ทำให้เขามึนงงไปหมด
“นี่แค่บทเรียนเล็กน้อย ครั้งหน้าถ้าแกยังมาให้ฉันเห็นหน้าอีก จะไม่ใช่แค่ตบ” จากนั้นหลี่โม่มองไปยังท่านหวงกับท่านหม่า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “พวกแกว่าไง จะยอมแพ้หรือจะสู้ต่อ”
“ไม่สู้แล้ว คุณคือคนมีฝีมือ ฉันยอมแพ้ และจะไปจากที่นี่”
“ฉันก็ยอมแพ้และจะไปจากที่นี่เหมือนกัน”
ท่านหวงกับท่านหม่าพูดอย่างไม่ลังเล จากนั้นจึงรีบพาคนออกไปจากสนามมวย
คนที่กำลังมึนงงอย่างคุณชายซู เขาถุยเลือดออกมา ในเลือดยังมีฟันกรามปนออกมาด้วย มันหักเพราะแรงตบของหลี่โม่
ซูเหวินปินกังวลว่าหลี่โม่จะทำร้ายคุณชายซูต่อ ถ้าเขายืนมองหลานชายของตัวเองโดนทำร้าย กลับไปต้องโดนลงโทษอย่างแน่นอน
“หลานชายของฉันใช้คำพูดไม่เป็น ฉันขอโทษแทนหลานชายด้วย พวกเราจะไปจากที่นี่ และจะไม่โผล่ไปให้นายเห็นหน้าอีก” ซูเหวินปินพูดออกมาอย่างเสียงดัง
“หึหึ” หลี่โม่แสยะยิ้มแล้วหันหลังเดินไปหาฉู่จงเทียน
เมื่อเห็นหลังของหลี่โม่ไกลออกไป ซูเหวินปินถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาไม่เคยเครียดขนาดนี้มาก่อน
เมื่อแผ่นหลังของหลี่โม่หายลับไป เหอปินจึงค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างหวาดระแวง
“คุณชายซูมันเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ตาย ฉันจะฆ่ามัน! อาช่วยผมแก้แค้นด้วย!” คุณชายซูพูดอย่างโมโห
“ค่อยๆ ปรึกษากันให้ดีก่อนเถอะ ไอ้หมอนี่มันเก่งเกินไป” แววตาของซูเหวินปินวูบไหว เขากับเหอปินช่วยกันประคองคุณชายซูออกไปจากที่นี่
……
“ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณมาก ผมให้คนไปสั่งมื้อดึกให้คุณแล้ว เดี๋ยวเขาจะส่งไปที่ด้านล่างตึก” ฉู่จงเทียนพูดเอาใจ
ผ่านการแข่งขันครั้งนี้ ตำแหน่งของฉู่จงเทียนมั่นคงขึ้น ถึงขนาดที่รอว่าหลังจากที่ข่าวถูกปล่อยออกไป เขาหวังว่าตำแหน่งของตัวเองจะสูงขึ้นอีกขั้น
หลี่โม่โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องเล็กน่า รีบขับรถหน่อย ภรรยาของฉันรอทานมื้อดึกอยู่”
คนขับรถรีบเร่งความเร็ว ไม่นานรถเข้ามาจอดที่ใต้ตึกของบ้านกู้หยุนหลัน
ลูกน้องที่คอยอยู่รีบวิ่งมาเปิดประตูรถให้ “คุณหลี่ ผมสั่งมื้อดึกเรียบร้อยแล้วครับ มีอาหารตุ๋นกับเครื่องเคียงฝีมือเชฟเจิ้งครับ”
หลี่โม่รับกล่องเก็บความร้อนมาจากลูกน้อง เขาเดินยิ้มไปยังประตูบ้าน
ขณะที่เขาเปิดประตูเข้าไปในบ้าน หวังฟางที่กำลังนั่งดูทีวีขมวดคิ้วขึ้นมาทันที เธอมองหลี่โม่อย่างหงุดหงิด
“ดึกดื่นขนาดนี้แกไปสํามะเลเทเมาที่ไหนมา! คนไม่เอาไหนอย่างแกไม่รู้จักทำเรื่องดี เรื่องไม่เป็นเป็นเรื่องกลับเก่งซะเหลือเกิน ไปผับหรือไปไนท์คลับมาล่ะ คนจนอย่างแกนี่ไม่รู้จักอะไรเอาเสียเลย ไม่รู้เหรอว่าตัวเองอยู่ในระดับไหน!”
สีหน้าของหลี่โม่เคร่งขรึมขึ้น จากนั้นจึงพูดอธิบายว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับแม่ ผมไปช่วยเพื่อนมาครับ ไม่ได้ไปสำมะเลเทเมาที่ไหน”
“ไม่ใช่กะผีน่ะสิ ตอนที่หยุนหลันโทรหาแก ฉันได้ยินหมดแล้ว แมงดาอย่างแกยังกล้าทำตัวขี้เกียจอยู่ที่นี่อีก ฉันจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้!”
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของหวังฟาง กู้หยุนหลันจึงออกมาจากห้อง แล้วพูดห้ามผู้เป็นแม่ว่า “อะไรกันอีกคะแม่ ทำไมขึ้นเสียงใส่หลี่โม่อีกแล้ว”
“ถ้าฉันไม่ขึ้นเสียงมันก็จะเหิมเกริมน่ะสิ ไอ้หมอนี่มันแอบไปสำมะเลเทเมา แกทนได้เหรอ ฉันเตือนแกตั้งนานแล้วว่าให้รีบหย่ากับไอ้แมงดานี่ซะ แต่แกก็ไม่เชื่อฉัน เดี๋ยวมันก็โดนปั่นหัวแล้วมาจัดการกับครอบครัวเรา!”
“แกดูมันหิ้วอะไรมา ไม่แน่อาจจะเป็นอาวุธอะไรก็ได้ แกเปิดของที่หิ้วอยู่ในมือเดี๋ยวนี้ ให้ฉันดูสิว่าแกซ่อนอะไรอยู่ แกจะทำร้ายครอบครัวเราใช่ไหม!”
หลี่โม่กลอกตามองบน เขาวางกระเป๋าเก็บความร้อนลงบนโต๊ะ จากนั้นจึงค่อยๆ เปิดมันออก แล้วนำอาหารออกมาวางเรียงไว้บนโต๊ะ
“โอ๊ะ!” กู้หยุนหลันส่งเสียงหวานออกมา จากนั้นจึงรีบนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างหลี่โม่
“นี่คืออาหารมื้อดึกที่ร้านอาหารเที่ยงคืนของเชฟเจิ้ง ว่ากันว่าแต่ละคืนมีจำนวนจำกัดแค่หนึ่งร้อยชุด ฉันอยากกินมานานแล้ว แต่ไปแย่งไม่ทัน คุณนี่ดีจริงๆ”
หวังฟางอึ้งไป เธอมองอาหารที่อยู่บนโต๊ะแล้วรู้สึกเสียหน้า
“กะ แกเอาเงินจากไหนไปซื้ออาหารพวกนี้ อาหารทั้งโต๊ะนี้คงไม่ใช่ราคาถูกๆ แมงดาอย่างแกจ่ายไม่ไหวหรอก แกขโมยเงินในบ้านไปใช่ไหม!”
“ไม่ใช่นะครับ เพื่อนผมซื้อให้เพื่อเป็นการขอบคุณที่ผมไปช่วยเขา” หลี่โม่พูดอย่างมั่นอกมั่นใจ
ช่วยฉู่จงเทียนมากขนาดนี้ แค่รับอาหารมื้อดึกมาเท่านั้น ฉู่จงเทียนช่างเอาเปรียบเขาเสียจริง
“คนจนๆ อย่างแกมีเพื่อนด้วยเหรอ แกนี่พูดอวดดีจริงๆ ถึงแกจะมีเพื่อน เพื่อนของแกก็ต้องจนเหมือนแก จะซื้ออาหารแบบนี้ให้แกได้เหรอ พูดอะไรไร้สาระ!” หวังฟางเอาแต่ก่นด่าอย่างใจดำ
“แม่เลิกด่าเขาสักทีเถอะ หนูให้เขาซื้อมาเอง แม่ชิมอาหารตุ๋นนี่สิ อร่อยสุดยอดเลย” กู้หยุนหลันเปิดกล่องอาหารตุ๋นแล้ววางลงตรงหน้าหวังฟาง หวังฟางมองแล้วหยิบเข้าปากหนึ่งชิ้น “รสชาติไม่เลว”
“นี่ให้แม่กิน หนูเอาไปสองกล่อง” กู้หยุนหลันหยิบอาหารตุ๋นไปสองกล่อง จากนั้นก็ดึงแขนเสื้อของหลี่โม่ กลับเข้าไปในห้อง
เมื่อปิดประตูห้องลง กู้หยุนหลันวางอาหารตุ๋นลง เธอจับใบหน้าของหลี่โม่ด้วยสองมือ จากนั้นก็ส่ายหน้าของเขาไปมา
“คุณสามีสุดยอดไปเลย ฉันคิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้กินอาหารมื้อดึกของเชฟเจิ้งซะแล้ว”
“ถ้าคุณชอบ ผมจะซื้อมาให้กินทุกคืนเลย” หลี่โม่พูดอย่างชอบใจ
กู้หยุนหลันย่นปากยู่ เธอพูดอย่างสับสนเล็กน้อย “แต่ว่าถ้ากินมื้อดึกทุกวันจะอ้วนเอานะ ลดน้ำหนักเป็นสิ่งที่ทรมานมาก”
“กินแล้วค่อยว่ากัน เรื่องลดน้ำหนักเป็นเรื่องในอนาคต มาเดี๋ยวผมป้อน อ้าปากสิ”
หลี่โม่คีบอาหารตุ๋นมาจ่อที่ปากของกู้หยุนหลัน
กู้หยุนหลันอ้าปากงับอาหารตุ๋น แล้วกะพริบตาให้หลี่โม่ เธอพูดอย่างมีความสุขว่า “อร่อย”