บทที่193 เปิดตลาด
ให้เวทีกับพวกพนักงานสถาบันความงามเหล่านี้แล้ว สำหรับหลี่โม่ เขาเองก็จะผ่อนผันมากไม่ได้ เพียงแค่หลี่โม่เอ่ยปาก ก็จะสามารถทำให้ร้านเป็นผู้นำสถาบันความงามได้แล้ว
พนักงานเหล่านี้ต่างคึกคักกันด้วยคำพูดของหลี่โม่ ทุกคนต่างกระตือรือร้นวาดฝันถึงอนาคต
“เถ้าแก่คอยดูพวกเราตั้งใจทำงานนะคะ ทำงานกับเถ้าแก่พวกเรามีแรงบันดาลใจ”
“พวกเราจะทำเต็มที่แน่นอน ไม่แน่ว่าปีนี้เราอาจจะเริ่มมีร้านสาขาก็ได้”
“ทุกคนร่วมมือร่วมใจ ต่อไปเถ้าแก่หาเงินได้มากขึ้น พวกเราก็ได้มากขึ้นด้วย ขอบคุณเถ้าแก่ที่ให้โอกาสพวกเรา!”
ฉินเย่เห็นพนักงานต่างตื่นเต้น จึงยิ้มออกมาให้อย่างตื่นเต้น
ลูกน้องกระตือรือร้นกันขนาดนี้ งานของฉินเย่ต้องเดินได้ดีแน่ๆเลย ในเมื่อกองทัพพลีชีพทำงานขนาดนี้ จะต้องทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้นไปอีกระดับแน่นอน
เมื่อแอบมองหลี่โม่ ฉินเย่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าในใจมีกระต่ายน้อยกระโดดเต้นไปมา สีหน้าแดงก่ำ
หลี่โม่โบกมือ ให้พนักงานระงับความตื่นเต้น สายตาทุกคู่ต่างบรรจบกันที่หลี่โม่
“เอาล่ะ ทุกคนจำสัญญาของผมวันนี้ไว้ให้ดีนะ เดี๋ยวผมเลี้ยงข้าวทุกคน เป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จ”
“ขอบคุณเถ้าแก่!”
พนักงานตะโกนก้องพร้อมเพรียง
“เตรียมตัวไปทำงานกันได้แล้ว ต่อไปต้องสามัคคีกันยิ่งขึ้นอีก”
หลี่โม่พูดให้กำลังใจ พาฉินเย่กลับห้องผู้จัดการ
หยิบมือถือออกมา หลี่โม่หาเบอร์อู๋เต้าเหวินแล้วโทรไป
“เหล่าอู๋ คืนนี้ฉันจะเลี้ยงข้าวพนักงาน ช่วยจัดการให้หน่อย”
อู๋เต้าเหวินประหลาดใจ การได้ทำงานให้หลี่โม่ เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง
“นายน้อยเกรงใจไปแล้วครับ เรื่องแบบนี้สั่งมาเลยครับ ผมจะรับจัดการทันที ทางนั้นมีกี่คนครับ”
เพื่อที่ประจบหลี่โม่ อู๋เต้าเหวินเตรียมการพร้อม ถ้าหากว่าพนักงานของหลี่โม่มีจำนวนคนเยอะ อู๋เต้าเหวินก็เตรียมให้กวนเหลินกังหยุดรับลูกค้าอื่นๆ รับแต่เพียงหลี่โม่เจ้าเดียว
หลี่โม่ครุ่นคิด รู้สึกว่าเลี้ยงที่กวนเหลินกังค่อนข้างจะเว่อร์ไปหน่อย อาจจะทำให้พนักงานตกใจก็ได้
“กวนเหลินกังช่างเถอะ ไม่ค่อยเหมาะ มีชื่อเสียงเกินไป เอาที่ๆมหาชนไปกินก็พอ”
อู๋เต้าเหวินครุ่นคิด รีบพูดขึ้น“งั้นก็ไปจัดที่โรงแรมถังซ้ง เพื่อนของผมเปิดเอง เขามีฝีมือในการทำอาหารกวางตุ้ง บรรยากาศร้านไม่เลว ถือว่าเป็นที่ๆดูดีแห่งหนึ่ง”
“งั้นได้ นายจัดมา”
“ได้ครับ ผมจะรีบจัด”
หลี่โม่วางสายโทรศัพท์ แล้วคุยกับฉินเย่สักพัก
“ช่วงนี้ไม่ค่อยราบรื่นสินะ มีคนมาหาเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอก ช่วงนี้ราบรื่นดี”
ฉินเย่มองหลี่โม่อย่างเอียงอาย แล้วรีบก้มหน้าลง
“งั้นก็ดีแล้ว ถ้ามีคนมาหาเรื่องก็มาหาผม อย่าลำบากตัวเอง”
“ค่ะ เถ้าแก่วางใจเถอะ”
ฉินเย่ก้มหน้า เสียงทุ้มต่ำ“เถ้าแก่อยากลองบำรุงดูบ้างไหมคะ ฉันทำสปาผู้ชายให้”
“ไม่ดีกว่า ไม่ดีกว่า ฉันไม่ค่อยถนัดของพรรคนี้ เธอทำงานของเธอไปเถอะ ฉันอยากอยู่เงียบๆคนเดียว”
ฉินเย่ผิดหวังเล็กน้อย หลังจากที่ปรับสภาพจิตใจแล้วก็กลับไปทำงานต่อ
หลี่โม่หยิบมือถือออกมาเล่น รอจนเวลาใกล้เลิกงาน ถึงได้ลุกขึ้นมาขยับตัวเล็กน้อย
“เถ้าแก่คะ เพราะมีงานเลี้ยงอาหารค่ำ ฉันเลยให้ทุกคนเลิกงานก่อนครึ่งชั่วโมงนะคะ รถก็เตรียมไว้ แล้วตอนนี้ไปได้”ฉินเย่พูดอย่างตื่นเต้น
“ได้ งั้นออกเดินทางกัน”
หลี่โม่ออกจากห้องทำงานตามฉินเย่ พนักงานต่างรวมตัวกัน แล้วเดินตามหลี่โม่ออกจากร้าน
รถเก๋งสามสี่คันจอดเทียบอยู่หน้าประตู เป็นรถเก๋งธรรมดา
“ขึ้นรถสิ”
หลี่โม่โบกมืออย่างสง่าผ่าเผย แล้วเข้าไปนั่งในรถ
ฉินเย่ตามขึ้นรถ นั่งลงข้างหลี่โม่
พนักงานต่างทยอยขึ้นรถ รถค่อยๆขับเคลื่อนออกไป มุ่งหน้าไปโรงแรมถังซ้ง
ไม่นานก็ไปถึงโรงแรมถังซ้ง หลังจากที่จอดรถ หลี่โม่พาฉินเย่กับพนักงานเข้าไปในโรงแรมถังซ้ง
กลุ่มพนักงานล้อมหลี่โม่ ส่งเสียงจอกแจกจอแจไม่หยุด ดึงดูดสายตาคนไม่น้อย
หน้าประตูโรงแรมถังซ้ง พวกเศรษฐีกลุ่มหนึ่งลงมาจากรถ เมื่อเห็นหญิงสาวกลุ่มหนึ่งรุมล้อมหลี่โม่ ต่างก็แสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์
การที่มีคนล้อมซ้ายล้อมขวาเป็นความฝันของผู้ชายทุกคน พวกลูกเศรษฐีพวกนี้ต่อให้สนุกแค่ไหนอย่างมากก็มีแค่สาวๆล้อมสามถึงห้าคนเท่านั้น ความรู้สึกที่มีสาวๆล้อมแบบนี้ พวกลูกเศรษฐีพวกนี้ ไม่เคยสัมผัส
ความรู้สึกอิจฉาริษยาผุดขึ้น ความเกลียดชังค่อยๆครอบงำ เพราะพวกเขารู้สึกว่าหลี่โม่แย่งความ
โดดเด่นของพวกเขา
“ไอ้บ้านี่มาจากไหนกัน แค่มันคนเดียวพาสาวๆมาตั้งเยอะ มันจะเกินไปหน่อยมั้ยวะ”
“แม้ว่าสาวๆพวกนี้จะไม่มีอะไรโดดเด่นก็เถอะ แต่ว่ารูปร่างหน้าตาก็ถือว่าผ่าน สาวๆล้อมเยอะขนาดนี้ หรือว่าผู้ชายตรงกลางจะเป็นแขกพิเศษวะ”
“เย็ดแม่ง พี่หยุนเดาแบบนี้เชื่อได้มั้ย ตอนนี้ไอ้นี่กล้าทำตัวเด่นขนาดนี้ เราลองไปสืบดูหน่อยมั้ย แม่งทำตัวเด่น อยากถีบสักสองที”
กู้ชิงหลินลงมาจากรถบีเอ็มซีรีย์เจ็ดของพี่หยุน เธอมองตามสายตาของพี่หยุน ก็เห็นหลี่โม่ที่อยู่ในวง ล้อมสาวๆ
เห็นผู้หญิงมากมายขนาดนี้ ต่างมองไปทางหลี่โม่ด้วยสายตาที่ชื่นชม อีกทั้งยังคุยกับหลี่โม่ไม่หยุด
ทำให้กู้หลินชิงโมโหลมแทบจับ
“พี่หยุน พี่เฟย ฉันรู้ว่าเขาเป็นใคร เขาเป็นลูกเขยบ้านกู้ของเรา เป็นแมงดาที่เกาะผู้หญิงกิน เป็นเศษสวะชิ้นหนึ่ง”
พี่เฟยดีดขี้บุหรี่ออกไป พูดอย่างไม่สบอารมณ์“แม่งเอ๊ย!ที่แท้ก็เป็นสวะบ้านเธอเองเหรอ ยังกล้าออกมาโชว์เด่นอีกนะ คิดว่าตัวเองเป็นใคร คนเจ๋งๆอย่างกูยังไม่กล้าโชว์เลย”
“ที่แท้เป็นญาติน้องชิงหลินหรอกเหรอ ฟังจากน้ำเสียง เหมือนน้องชิงหลินไม่ถูกกับสวะนี่เลยนะจ๊ะ”
พี่หยุนยิ้มถาม
กู้ชิงหลินรีบดึงแขนพี่หยุน ครึ่งตัวเอนซบลงบนแขนเขา
“พี่หยุนนี่รู้ใจฉันจริงๆเลย ไอ้สวะนั่นทำให้ฉันโมโหบ่อยๆ พี่หยุนต้องช่วยแก้แค้นให้ฉันนะ จะต้องให้ไอ้สวะนั่นขายหน้าให้ได้”
“ฮ่าๆๆ เรื่องของน้องชิงหลินก็คือเรื่องของพี่ ในเมื่อมันทำให้น้องไม่สบอารมณ์ พี่ก็จะทำให้มันไม่สบอารมณ์ ไป ไปสั่งสอนไอ้สวะนั่น”
พี่หยุนโบกมือ นำพวกลูกเศรษฐีที่หิ้วสาวๆตามไปด้วย พร้อมทำสีหน้ากวนตีนใส่หลี่โม่ ราวกับว่าได้ เห็นหลี่โม่ถูกลบหลู่
“หลี่โม่ไอ้สวะมึงมานี่!”