บทที่ 209 ดูเหมือนว่านายดิ้นหาที่ตายสินะ
“พวกนายต่างหากที่ต้องไปให้พ้น”
หลี่โม่พูดเบาๆ และมือของเขาก็เหวี่ยงออกไปที่ใบหน้าของบอดี้การ์ดทั้งสองที่ยืนเฝ้าประตูนั้น
บอดี้การ์ดทั้งสองเพิ่งรู้ตัว แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
ทำไมถึงเร็วขนาดนี้!
บอดี้การ์ดทั้งสองคิดในใจ กล้ามเนื้อร่างกายของทั้งสองเกร็งและพร้อมที่จะต้านทานการตบของหลี่โม่
ผั๊วะ! ผั๊วะ!
เสียงคมชัดดังสนั่นขึ้น พลังมหาศาลกระแทกเข้าไปที่ใบหน้าของบอดี้การ์ดทั้งสอง
แม้ว่าจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่บอดี้การ์ดทั้งสองก็ต้องปลิดปลิวออกไปเหมือนใบไม้ที่ถูกพัดพาโดยหลี่โม่
จากนั้นทั้งสองก็ล้มลงกับพื้นด้วยสภาพที่แทบจะหมดสติและได้แต่ตกตะลึงกับความแข็งแกร่งนี้
ปัง!
หลี่โม่พังประตูห้องวีไอพีแล้วเอามือไพล่หลังและเดินเข้าไปในห้อง
บรรยากาศในห้องเงียบลงทันที โอหยางจงเฉิงที่เห็นหลี่โม่ก็โกรธจนลุกเป็นไฟ
“แมร้งเอ๊ย! ไอ้กระจอกกล้ามาหาข้าแบบนี้ นายดิ้นหาที่ตายใช่ไหม!”
โอหยางจงเฉิงตะโกนเสียงดัง
คุณเฉียนและเพื่อนอีกสองคนก็มองเขาด้วยสายตาเคียดแค้น
“อะไรของมันวะ ไอ้สารเลวมึงยังไม่พอใจอีกใช่ไหม ถึงได้มาหาเรื่องถึงที่แบบนี้? คอยดูนะว่าวันนี้กูจะสั่งสอนมึงยังไง?”
คุณเฉียนพับแขนเสื้อแล้วหยิบขวดไวน์บนโต๊ะขึ้นมาและแสดงท่าทีพร้อมที่จะลงมือทุกเมื่อ
คุณหลินกอดสาวสวยทั้งสองแล้วยิ้มพูด “ผมจะเล่าเรื่องตลกของไอ้หมอนี่ให้ฟังนะ ไอ้หมอนี่มันเป็นพวกกระจอกที่อยู่ในเมืองฮ่าน มันเป็นลูกเขยกระจอกที่อาศัยอยู่ในบ้านคนอื่น มันทำงานในร้านเสริมสวยเพื่ออาศัยเงินจากเมียมันแค่เดือนละไม่กี่ร้อย บอกได้ว่ามันน่าสงสารยิ่งกว่าหมาจรจัดซะอีก”
“โอ้ว ยังมีคนน่าสงสารขนาดนี้เลยเหรอ ดูแล้วมันก็โอเคอยู่นะ คุณหลิน คุณแนะนำช่องทางให้มันไปขายตัวสิครับ บางทีพวกเจ้าใหญ่อาจจะชอบมันก็ได้นะ หรือพวกเราก็อาจจะช่วยมันแนะนำได้เหมือนกัน”
คุณหลี่พูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
“เหล่าหลี่ความคิดดีเหมือนกันนะ หลี่โม่ นายอยากไปขายตัวไหม พวกป้าคนรวยอาจจะชอบนายก็ได้นะ อีกอย่างถ้านายถูกไล่ออกจากบ้านของกู้หยุนหลัน นายยังมีงานทำหากินเลี้ยงชีพได้”
โอหยางจงเฉิงยิ้มพูดอย่างได้ใจ “ไอ้เหลือขอ พวกเราวางแผนชีวิตให้นายแล้ว ไม่เกินครึ่งเดือนกิจการทั้งหมดของตระกูลกู้ก็จะเป็นของข้า รวมถึงเมียนายด้วย ถ้านายสำนึกผิดก็รีบคุกเข่าเรียกพ่อซะ ข้าอาจจะให้โอกาสนายไปขายตัวก็ได้นะ”
“เหอะๆ”
หลี่โม่หัวเราะเย็นชาแล้วเดินเข้าไปหาโอหยางจงเฉิง
“นายมันดิ้นหาที่ตายจริงๆ!”
โอหยางจงเฉิงหรี่ตา จากนั้นหยิบขวดเหล้าบนโต๊ะแล้วฟาดลงบนพื้น
เพล้ง!
เสียงแก้วแตกดังขึ้นในห้องวีไอพี โอหยางจงเฉิงหยิบบุหรี่มาคาบไว้ที่ปากและสาวดริ้งค์ก็จุดบุหรี่ให้เขา
โอหยางจงเฉิงพ่นควันบุหรี่สีขาวออกมาแล้วยิ้มพูดว่า “ไอ้หนู มึงคิดว่ากูสมองเสื่อมเหรอ วันนี้กูจะเล่นมึงให้ตายเลยคอยดู!”
“ไม่สิ กูจะให้มึงหายใจได้ ให้นายดูว่ากูนอนกับเมียมึงยังไง กูจะใช้ทุกท่ากับเมียมึงให้หมด!”
กรึบ กรึบ กรึบ!
เสียงเท้าเดินดังขึ้น จากนั้นมีบอดี้การ์ดกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาในห้องวีไอพีพร้อมกับถืออุปกรณ์เครื่องช็อตไฟฟ้าไว้ในมือและมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาดุร้าย
“จับตัวมันแล้วซ้อมมันให้น่วม!”
โอหยางจงเฉิงตะโกนพูด
บอดี้การ์ดที่ยืนใกล้หลี่โม่ก็กดปุ่มเครื่องช็อตไฟฟ้าและเสียงจากเครื่องช็อตไฟฟ้าที่ดังขึ้นก็ทำให้คนฟังแล้วรู้สึกน่ากลัวเลยทีเดียว
แต่หลี่โม่มองบอดี้การ์ดคนนั้นด้วยสีหน้าเฉยเมยแล้วกวักมือเรียกเขาอย่างเย้ยหยัน
บอดี้การ์ดที่เห็นท่าทีของหลี่โม่ก็รีบวิ่งเข้าไปหาเขาพร้อมกับเครื่องช็อตไฟฟ้าในมือ
โอหยางจงเฉิงนั่งไขว้ขาและโอบกอดสาวดริ้งค์สองคนแล้วยิ้มพูด “คอยดูฝีมือของลูกน้องผมว่าสุดยอดแค่ไหนนะ”
“เสี่ยสุดยอดที่สุดเลยค่ะ ยิ่งเรื่องบนเตียงเสี่ยคงสุดยอดน่าดูเลย คืนนี้ให้เค้าอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยนะคะ”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ได้สิ เดี๋ยวจัดการไอ้หมอนี่ก่อน แล้วเสี่ยจะพาพวกเธอไปหาความสุขกันนะ”
โอหยางจงเฉิงพูดอย่างตื่นเต้นและสายตาก็มองไปในการต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าเขา
สีหน้าหลี่โม่ค่อยๆ กลายเป็นความเยือกเย็น
ใบหน้าที่เยือกเย็นของเขานั้นเปล่งประกายกลิ่นอายแห่งการสังหารออกมา เหล่าบอดี้การ์ดที่เผชิญหน้ากับหลี่โม่ก็ต้องตกตะลึงกับกลิ่นอายที่ส่งออกมาจากตัวเขา
หัวหน้าบอดี้การ์ดซึ่งเป็นคนที่มีประสบการณ์โชกโชน แต่เมื่อสัมผัสกับออร่าแห่งการสังหารของหลี่โม่ก็ต้องกลัวอย่างปฏิเสธไม่ได้
แต่โอหยางจงเฉิงกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ ดังนั้นเหล่าบอดี้การ์ดก็ไม่กล้าเดินถอยหลังและทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาพุ่งเข้าไปหาหลี่โม่
เครื่องช็อตไฟฟ้าปล่อยแสงสีฟ้าจางๆ ออกมา แต่ก่อนที่อุปกรณ์เครื่องช็อตไฟฟ้าจะกระทบร่างกายของหลี่โม่ เขาก็ได้หักแขนของเหล่าบอดี้การ์ดและอุปกรณ์เครื่องช็อตไฟฟ้าก็ตกลงที่พื้นที่จะชิ้น
“หาเรื่องเจ็บตัว!”
หลี่โม่ตะคอกแล้วมองไปที่เหล่าบอดี้การ์ด!
เหล่าบอดี้การ์ดที่ดูเหมือนหมาป่าในปกติ แต่ตอนนี้พวกเขากลับกลายเป็นแกะตัวน้อยที่เฝ้าดูหลี่โม่พุ่งเข้าใส่ด้วยความกลัว
หลี่โม่โบกแขนอย่างต่อเนื่อง การเคลื่อนไหวของเขารวดเร็วจนแทบไม่สามารถมองเห็นได้ ซึ่งทุกการเครื่องไหวของเขาก็จะมีบอดี้การ์ดล้มลงกับพื้นทีละคน
ก่อนที่โอหยางจงเฉิงจะสูบบุหรี่เสร็จ บอดี้การ์ดทั้งหมดก็นอนกองบนพื้นและไม่มีใครยืนได้อีก
หลี่โม่ค่อยๆ หันกลับมาแล้วจ้องมองไปที่โอหยางจงเฉิงด้วยดวงตาสีเข้ม
โอหยางจงเฉิงตัวสั่นและบุหรี่ในปากก็ร่วงลงไปบนเป้ากางเกงของเขา
ก้นบุหรี่ที่มีอุณหภูมิสูงได้แผดเผากางเกงของเขาและไหม้ไปที่โคนขาของโอหยางจงเฉิงอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ย!”
โอหยางจงเฉิงร้องเบาๆ แล้วรีบกวาดมองไปที่ก้นบุหรี่นั้น
“เสี่ยคะ พี่คนนี้น่ากลัวจังเลย หนูเริ่มรู้สึกกลัวแล้วนะคะ”
สาวดริ้งค์ที่เห็นสีหน้าของหลี่โม่ก็กลัวจนหนีไปหลบอยู่ด้านหลังโอหยางจงเฉิง
“ไอ้พวกขยะ ไหนบอกว่าฝีมือดีไง”
โอหยางจงเฉิงตำหนิเหล่าบอดี้การ์ดและในใจลึกๆ ก็เริ่มรู้สึกกลัว
คุณเฉียนกัดฟันแล้วลุกขึ้นด่าหลี่โม่ “นายคิดจะทำอะไร ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายจะมาสร้างปัญหานะ รีบออกไปให้พ้น!”
ผัวะ!
หลี่โม่หลังมือให้กับคุณเฉียนจนเขาล้มลงบนโซฟาและสาวดริ้งค์ที่อยู่ข้างๆ ก็ตะโกนด้วยความตกใจ
“คิดว่ามีบอดี้การ์ดแล้วจะปลอดภัยงั้นเหรอ? ลืมไปแล้วใช่ไหมว่าผมเคยพูดอะไรกับพวกคุณ?”
หลี่โม่กระชากผมของโอหยางจงเฉิงแล้วเหวี่ยงเขาล้มลงกับพื้น
“โอ๊ย! หัวกู มึงจะมากเกินไปแล้ว! คิดว่ากูไม่มีปัญญาจริงๆ ใช่ไหม!”
โอหยางจงเฉิงสองมือกุมศีรษะแล้วเงยหน้าขึ้นมองหลี่โม่ด้วยความโกรธ
หลี่โม่สีหน้าเย็นชา จากนั้นยกเท้าขึ้นและเหยียบไปที่ใบหน้าของโอหยางจงเฉิงด้วยความแรงแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ดูคุณอยากตายมากเลยสินะ”