บทที่ 211 โทรศัพท์ของคุณสายเข้า……
สิบนาทีผ่านไป
โอหยางจงเฉิงพูดอย่างขมขื่น “ไอ้คนปัญญาอ่อน พูดเองเออเองอยู่ได้ นายทำให้เราล้มละลายสิ เอาเลย ทำตอนนี้เลยสิ!”
“คุณโอหยาง อย่าไปสนใจคนปัญญาอ่อนพันธุ์นี้เลยครับ มันจะมีปัญญาทำให้เราล้มละลายได้ไง ถ้าทำได้มันคงไม่เป็นไอ้ขอทานที่อาศัยอยู่บ้านคนอื่นเขาแล้ว!”
คุณเฉียนพูดไปด้วยแล้วพยุงโอหยางจงเฉิงลุกขึ้นด้วย
ในขณะที่หลี่โม่บอกว่าถึงเวลาแล้ว เขาก็ได้ปล่อยโอหยางจงเฉิงที่เขาเหยียบอยู่เพื่อจะได้เห็นปฏิกิริยาของเขาเมื่อต้องเจอกับการล้มละลายของบริษัท
คุณหลินหยิบทิชชูแล้วช่วยคุณโอหยางเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “คุณโอหยางครับ ผมว่าเราเรียกคนมาจัดการมันดีกว่า เรื่องคืนนี้เราต้องเคลียร์ให้จบนะครับ จะปล่อยไอ้เหลือขอคนนี้ไปง่ายๆ ไม่ได้ เราต้องหักแขนขาของมันให้หมด!”
“แค่หักแขนขายังไม่พอหรอก ตัดไอ้เจ้าน้องชายของมันด้วย ให้มันไม่เหลือความเป็นคนอีก ถ้าแบบนี้นางตัวแสบกู้หยุนหลันก็จะเป็นของคุณโอหยาง รีบโทรเรียกคนเลย”
คุณเฉียนพยายามพูดยกยอโอหยางจงเฉิง แต่ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ เขาจึงหยิบมันออกมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
เขากำลังจะกดรับสาย แต่เมื่อเห็นหมายเลขที่โทรเข้ามาคุณเฉียนก็เอะใจทันที
เป็นสายโทรเข้าจากผู้จัดการฝ่ายงานเงินของบริษัท โทรมาในเวลาแบบนี้ต้องมีเรื่องสำคัญแน่นอน
เขามองไปที่หลี่โม่แล้วส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดที่หลี่โม่จะทำให้เขาล้มละลายออกจากหัว
หลังจากลังเลอยู่สักพักคุณเฉียนก็กดรับสายนั้น “ฮัลโหล ดึกดื่นป่านนี้โทรมามีเรื่องอะไรงั้นเหรอ”
“แย่ แย่แล้วค่ะคุณเฉียน เงินหมุนเวียนในบัญชีของบริษัทเราถูกระงับไปแล้วค่ะ ทางธนาคารบอกว่าธุรกิจของบริษัทเรามีความเสี่ยงสูง ดังนั้นพวกเขาต้องการให้เราชำระเงินกู้ก่อนกำหนด แต่ตอนนี้เงินของเราเพียงพอที่จะจ่ายค่าดอกเบี้ยเท่านั้นนะคะ!”
“เป็นไปได้ไง บริษัทกูมีปัญหาอะไร ทำไมจู่ ๆ ธนาคารถึงยกเลิกสัญญากู้แบบนี้!”
คุณเฉียนพูดด้วยความโกรธ
“หนูก็ไม่ทราบเหมือนกันคะ ทางธนาคารแจ้งว่าวันพรุ่งนี้เช้าเขาจะระงับเงินทั้งหมดในบัญชีของเรา ถ้าพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงเราไม่สามารถชำระเงินกู้ได้ พวกเขาจะยึดทรัพย์สินทุกอย่างของทางบริษัทเรา นั่นหมายความว่าเราต้องเสียอาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัทเราเลยนะคะ!”
“เชี่ย! ตรวจสอบให้ชัดเจนก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ส่วนเรื่องเงินผมจะหาทางเอง!”
โอหยางจงเฉิงและเพื่อนอีกสองคนได้แต่มองไปที่คุณเฉียนด้วยความสงสัย
“คุณเฉียน เกิดอะไรขึ้นกับบริษัทคุณครับ?”
คุณหลินกระซิบถามเบาๆ สายตาของเขาอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปที่หลี่โม่ด้วยความกังวล
“ไม่รู้ธนาคารเป็นบ้าอะไร ดึกดื่นป่านนี้ยังมาระงับเงินในบัญชีผม ยังบอกว่าธุรกิจของบริษัทผมมีความเสี่ยงมากเกินไป สงสัยมันเป็นบ้าไปแล้ว!”
คุณเฉียนบ่นพึมพำแล้วมองไปที่โอหยางจงเฉิงด้วยสีหน้าขมขื่น “คุณโอหยางครับ น้องชายเกิดปัญหาแล้ว สงสัยต้องขอให้ท่านคุณโอหยางช่วยหน่อยละครับ”
“เรื่องแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาหรอก เงินแค่สีห้าพันล้านเป็นเรื่องเล็กสำหรับผม”
คุณโอหยางเงยหน้าพูดอย่างหยิ่งผยอง
ครืด ครืด ครืด
โทรศัพท์คุณหลินที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นขึ้น
โอหยางจงเฉิงและคนอื่นๆ มองไปที่โทรศัพท์เครื่องนั้นเหมือนเห็นผี
“ใครโทรมา?”
โอหยางจงเฉิงสีหน้าตึงเครียด
“ผมดูหน่อย”
คุณหลินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นภาพบนหน้าจอใบหน้าของเขาก็ซีดลงทันที “มัน มันเป็นสายโทรเข้าจากฝ่ายกฎหมายของบริษัท ผมขอรับสายก่อนนะครับ”
“ทนายเหอ เกิดอะไรขึ้นครับ ดึกป่านนี้แล้วยังโทรหาผม?”
คุณหลินถามด้วยสีหน้าตึงเครียด
“แย่แล้วครับคุณหลิน เมื่อครู่นี้มีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจค้นพร้อมกับหมายค้น ตอนนี้เอกสารทางธุรกรรมของเราทั้งหมดถูกพวกเขายึดไปหมดแล้วครับ เขาจะทำการยึดโรงงานของเราและให้เราหยุดทำการผลิตสินค้าทุกอย่างด้วยครับ”
“เป็นไปได้ไง! เกิดอะไรขึ้น! ทนายอย่างคุณทำได้แค่นี้เหรอ!”
คุณหลินเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางใจ
เอกสารทางธุรกรรมถูกยึดไปหมด ถ้าให้นักบัญชีมืออาชีพมาตรวจสอบคงต้องเจอสิ่งผิดปกติอย่างแน่นอน ยิ่งโรงงานถูกสั่งห้ามผลิตแบบนี้คงต้องเจอกับวิกฤตครั้งใหญ่แน่
“สาเหตุคือเรื่องภาษีที่เราหลีกเลี่ยงแล้วก็การผลิตที่ผิดกฎหมาย พรุ่งนี้จะมีคนมาตรวจสอบหน้างาน คุณหลินต้องรีบหาทางออกแล้วนะครับ ผมช่วยได้แค่นี้จริงๆ ครับ”
“คนไร้ประโยชน์!”
คุณหลินวางสายด้วยความโกรธและใช้สองมือทั้งสองข้างปิดหน้าไว้
“เหล่าหลิน ไม่ต้องกังวลหรอก มีข้าอยู่ทั้งคน พรุ่งนี้จะติดต่อคนรู้จักให้”
โอหยางจงเฉิงพูดอย่างใจกว้าง
“ขอบคุณมากครับคุณโอหยาง ต้องรบกวนแล้วจริงๆ ครับ”
คุณหลินพูดอย่างซาบซึ้ง
“แย่ แย่แล้ว สายผมก็เข้าเหมือนกัน”
คุณหลี่สีหน้าขมขื่นและหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้วยมือที่สั่นเทา
“ให้ตายสิ สายโทรเข้าจากหัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ อีตัวนี้จะยุ่งอะไรตอนนี้นะ!”
หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์เป็นแฟนของคุณหลี่ เมื่อเห็นว่าเป็นสายโทรเข้าจากแฟนสาว คุณหลี่ก็รู้สึกโล่งใจทันที
“ฮัลโหลเสี่ยวหลิ่ว คืนนี้คุณนอนคนเดียวเลยนะ ผมยังมีธุระต้องอยู่กับคุณโอหยาง คงไปหาคุณไม่ได้แล้วล่ะ”
เสียงพูดอันแหลมคมของเสี่ยวหลิ่วที่เสียดแทงแก้วหูของคุณหลี่ดังขึ้นในอีกสาย “บริษัทคุณจะล้มละลายอยู่แล้ว ยังจะอยู่เป็นเพื่อนใครอีก! ฉันแค่โทรมาจะบอกเลิกกับคุณ ไม่ต้องมาหาฉันอีก จากวันนี้เราขาดกัน!”
“เดี๋ยวก่อนเสี่ยวหลิ่ว คุณหมายความว่าไง เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
คุณหลี่กุมหน้าผากแล้วถามเธอ
“คุณลืมเรื่องคุณภาพของสินค้าที่บริษัทขายไปหรือเปล่า? ตอนนี้ถูกความลับถูกเปิดเผยแล้ว เขากำลังตรวจสอบอยู่ ฉันก็เพิ่งให้ปากคำเสร็จ! และตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ไปตรวจหาเบาะแสเพิ่มที่บริษัทคุณแล้ว คุณรอติดคุกหัวโตได้เลย!”
จากนั้นอีกสายก็กดวางสายไป คุณหลี่ได้แต่จ้องมองโทรศัพท์ด้วยความสิ้นหวัง เรื่องที่เขาเพิ่งซ่อนเป็นความลับเมื่อไม่นานมานี้กลับผุดขึ้นในความคิดของเขาอีกครั้ง
“หมดกัน หมดกันจริงๆ คุณต้องช่วยผมนะครับคุณโอหยาง คุณต้องช่วยผมนะครับ”
คุณหลี่บ่นพึมพำในปาก
สายตาคุณเฉียนกับคุณหลินค่อยๆ หันมองไปที่หลี่โม่ ถ้าก่อนหน้านี้เป็นแค่เรื่องบังเอิญ ตอนนี้คงพิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอีกแล้ว
หลี่โม่มีอำนาจขนาดนั้นเลยหรือ?
เมื่อกี้เขาโทรหาใครกันแน่?
แล้วปัญหาตอนนี้จะแก้ไขอย่างไร?
คำถามเหล่านี้ผุดขึ้นในสมองของคุณเฉียนกับคุณหลินอย่างไม่หยุด แต่คำถามเหล่านี้ล้วนติดอยู่ในลำคอเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถถามออกมาจากปากได้
โอหยางจงเฉิงสีหน้าขมขื่น
“พวกคุณทั้งสามไม่ต้องกังวลหรอกนะ ตราบใดที่มีโอหยางจงเฉิงอยู่ เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อยู่แล้ว ผมเป็นคนยังไงพวกคุณก็รู้ดี!”
คุณเฉียนและเพื่อนๆ ต่างก็รู้สึกซาบซึ้ง เมื่อโอหยางจงเฉิงให้คำสัญญาพวกเขาก็รู้สึกอุ่นใจ
แต่ก่อนที่คุณเฉียนจะเอ่ยปากพูดคำขอบคุณ เขาก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของโอหยางจงเฉิงดังขึ้น
“คุณ คุณโอหยางครับ สายเข้าครับ……”