บทที่ 212 คุกเข่าลงทั้งสาม
โอหยางจงเฉิงรู้สึกตกใจ เมื่อมองไปที่โทรศัพท์ที่ห่อหุ้มด้วยเพชรพลอยที่สั่งทำเป็นพิเศษและเสียงเรียกเข้าที่รื่นหูนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะทุบโทรศัพท์ทิ้งทันที
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ในขณะนี้เหมือนคำสาปที่ดังขึ้นในใจของโอหยางจงเฉิง ซึ่งเป็นคำสาปที่กลืนกินไปแล้วทั้งสามคน
จะรับหรือไม่รับ?
นี่คือปัญหา
“คุณโอหยาง คุณรับสายดีกว่านะครับ จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและจะจัดการกับมันได้”
คุณเฉียนพูดด้วยเสียงที่สั่นเทา
โอหยางจงเฉิงเป็นความหวังสุดท้ายของคุณเฉียนและเพื่อนอีกสองคน ถ้าโอหยางจงเฉิงเกิดเรื่องในตอนนี้ พวกเขาก็คงต้องล้มละลายจริงๆ แล้ว
หลังจากการล้มละลายความมั่งคั่งทั้งหมดจะถูกลบล้างออกไป ชีวิตที่หรูหราทั้งหมดก็จะหายไป เขี้ยวของศัตรูทั้งหมดก็จะแสดงออกมาให้เห็น มันจะเป็นชีวิตที่ไม่อาจจินตนาการได้
โอหยางจงเฉิงยื่นมือออกไปอย่างแข็งทื่อ นิ้วที่เปิดอยู่ของเขาสั่นสะท้านแต่ไม่กล้าสัมผัสกับโทรศัพท์ที่ดังอยู่
จนกระทั่งเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์หยุดลงและการแจ้งเตือนสายที่ไม่ได้รับก็ดังขึ้นที่โทรศัพท์
โอหยางจงเฉิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ราวกับว่าเขาเพิ่งรอดตายจากเงื้อมมือของยมทูต จากนั้นเอนกายลงบนโซฟาด้วยลมหายใจที่หอบหืด
เหงื่อที่เย็นเยียบทำให้เสื้อผ้าของโอหยางจงเฉิงเปียกโชก เสื้อเชิ้ตแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์ติดแนบกับผิวหนังบนร่างกายของเขาและทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างมาก
“ทำไมไม่รับสายล่ะครับ”
เสียงของหลี่โม่ค่อยๆ ดังขึ้นราวกับเสียงของยมทูตที่กำลังไล่ล่าวิญญาณ
โอหยางจงเฉิงมองหลี่โม่ด้วยความโมโห แววตาของเขาแผดเผาไปด้วยไฟของความโกรธ
“เป็นกลของนายคนเดียว! นายคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะหลอกข้าได้งั้นเหรอ โอหยางจงเฉิงอย่างข้ามีเครือข่ายผู้ภักดีอยู่ทั่วทุกมุมโลก อย่างนายจะมีปัญญาทำให้ข้าล้มละลายได้ไง!”
โอหยางจงเฉิงพูดด้วยความโกรธ มีเพียงความโกรธเท่านั้นที่จะปกปิดความกลัวและความอ่อนแอภายในของเขาในขณะนี้
“โทรศัพท์ของคุณดังอีกแล้ว รับสิครับ”
หลี่โม่พูดเบาๆ และมุมปากของเขาก็มีรอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้น
โอหยางจงเฉิงรู้สึกหนาวสั่นในใจ เขามองไปที่หลี่โม่เหมือนกำลังมองยมทูตที่พร้อมจะคร่าวิญญาณของเขาไปได้ทุกเมื่อ!
ทันใดนั้นโอหยางจงเฉิงก็ตัวสั่นและเหงื่อแตกไปทั้งตัว
ในความกลัวของโอหยางจงเฉิง น้ำเสียงของหลี่โม่ดูทรงพลังอย่างที่สุด เขาจึงได้แต่เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาอย่างบังคับตัวเองไม่ได้
เม็ดเหงื่อก้อนโตไหลผ่านหน้าผากของโอหยางจงเฉิง หลังจากกดปุ่มรับสายแล้วเขาก็วางโทรศัพท์ไว้ข้างหูแล้วหลับตาแน่นๆ
“ฮัลโหล”
เป็นเสียงพูดที่ทั้งอ่อนแอ ไร้เรี่ยวแรงและหวาดกลัวอย่างที่สุด!
“คุณโอหยาง เกิดปัญหาใหญ่ที่บริษัทแล้วครับ เงินทุนหมุนเวียนทั้งหมดของบริษัทถูกระงับ โรงงานผลิตและคลังสินค้าทั้งหมดถูกสั่งปิด ซัพพลายเออร์ทั้งหมดมาเร่งสินค้ากับเรา แต่ลูกค้าทุกคนมาขอคืนสินค้ากับเราเพราะร้องเรียนปัญหาคุณภาพผลิตภัณฑ์ของเรา แล้วก็……”
ปัญหาที่นับไม่ถ้วนค่อยๆ ดังขึ้นข้างหูโอหยางจงเฉิง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับบริษัทก็เกิดปัญหาทั้งหมด
นี่เป็นวิกฤตครั้งใหญ่ เป็นวิกฤตที่ร้ายแรงถึงขั้นเอาเป็นเอาตาย!
ต้องมีอำนาจมากแค่ไหนถึงจะสร้างวิกฤตนี้ขึ้นมาได้!
หัวใจของโอหยางจงเฉิงเต็มไปด้วยความผิดหวัง แม้ว่าเส้นสายของเขาจะเยอะแค่ไหนก็ไม่สามารถหยุดปัญหานี้ได้!
หากแยกปัญหาทั้งหมดนี้ได้คงทำให้บริษัทต้องล้มละลายมากกว่ายี่สิบบริษัท!
แต่ปัญหาทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในบริษัทของโอหยางจงเฉิงเพียงบริษัทเดียว
นี่เป็นหายนะที่หลี่โม่นำมาให้เขา เป็นการบดขยี้อำนาจที่เหนืออำนาจ โอหยางจงเฉิงซาบซึ้งและรู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า
หมดหวัง!
โอหยางจงเฉิงได้แต่สิ้นหวัง เขาหมดแรงและทรุดตัวลงบนโซฟาด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว
“คุณ คุณโอหยางครับ คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ”
คุณเฉียนถามเบาๆ
“ผม……เป็น”
โอหยางจงเฉิงพูดอย่างอ่อนแรงและสายตาก็จับจ้องไปที่หลี่โม่ที่ยืนอยู่ไม่ไกล
นี่คือผู้ที่ทำให้เราล้มละลายหรือ?
ถ้าหากไม่อยากล้มละลายและอยากใช้ชีวิตอย่างหรูหราเช่นเคย มีทางเดียวนั่นก็คือขอร้องหลี่โม่!
ในความสิ้นหวังนี้ ในใจโอหยางจงเฉิงก็เกิดความหวังอันริบหรี่ขึ้นมา นั่นก็คือการอภัยจากหลี่โม่
ร่างกายไถลลงบนโซฟา โอหยางจงเฉิง่อ่อนแรงเหมือนคนไร้กระดูก เขาค่อยๆ เลื่อนตัวลงจากโซฟาแล้วคุกเข่าลงที่พื้น
หุ่นอันอวบอ้วนของโอหยางจงเฉิงค่อยๆ งอตัวแล้วก้มหัวลงและเอาศีรษะโขกพื้นที่เสียงดังตุบ
คุณเฉียนกับเพื่อนอีกสองคนได้แต่ตกใจและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณโอหยาง! คุณ คุณทำอะไรครับ……”
คุณเฉียนยังไม่ทันพูดจบก็ต้องหยุดชะงักไปทันที เพราะเขาเห็นโอหยางจงเฉิงยืดเอว จากนั้นก้มลงและใช้หัวโขกกับพื้นอย่างรุนแรง
ตุบ ตุบ ตุบ
เสียงโขกพื้นดังขึ้นอย่างไม่หยุด โอหยางจงเฉิงเองก็ไม่รู้ตัวแล้วว่าเขาเอาศีรษะโขกพื้นไปตั้งกี่ครั้ง เขารู้สึกเพียงเวียนหัวและมีเสียงดังก้องอยู่ในสมอง
ในขณะนี้หน้าผากของเขาก็แตกอย่างหมดสภาพ เลือดค่อยๆ ไหลลงมาจากหน้าผากอย่างไม่หยุด โอหยางจงเฉิงในขณะนี้ทั้งน่าสมเพชและน่าสงสารเหลือเกิน
“หลี่โม่ ไม่สิ คุณหลี่โม่ครับ ผมผิดไปแล้ว ผมโอหยางจงเฉิงไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอง ผมไม่น่าพูดจาก้าวร้าวกับคุณเลยครับ ได้โปรดปล่อยบริษัทผมไปเถอะครับ”
น้ำตาของโอหยางจงเฉิงไหลลงมาพร้อมกับสายเลือด เสียงแหบแห้งของเขาฟังดูน่าเศร้ายิ่งกว่านกน้อยสูญเสียรังไป
“ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ ครับ คุณจะลงโทษผมยังไงก็ได้ จะหักแขนหักขาผมทั้งสี่ข้าง ไม่สิ หักไอ้เจ้าน้องชายผมด้วยก็ได้ครับ แต่ผมขอร้องอย่าทำให้บริษัทผมต้องล้มละลายเลยครับ บริษัทผมจะล้มละลายไม่ได้จริงๆ นะครับ”
โอหยางจงเฉิงผู้เย่อหยิ่งและมีอำนาจอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง อย่าว่าแต่บริษัทล้มละลายเลย พรุ่งนี้ถ้าหากข่าวปัญหาของบริษัทถูกเผยแพร่ออกไป ศัตรูในอดีตของเขาต้องมีการเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน บางทีโอหยางจงเฉิงอาจจะไม่รอดเกินวันพรุ่งนี้ก็ได้
คุณเฉียน คุณหลินและคุณหลี่ ทั้งสามต่างมองหน้ากันด้วยความหมดหวัง
ที่พึ่งของพวกเขายังต้องขอความเมตตาจากศัตรูเลย แล้วพวกเขาจะลังเลอะไรอีก
ต่อหน้าผู้มีอำนาจสูงส่งขนาดนี้ ต่อให้เป็นออพติมัสไพร์มยังต้องคุกเข่าลงให้เขา คงไม่ต้องพูดถึงพวกเขาทั้งสามที่เป็นมนุษย์ธรรมดาหรอก
พรึ่บ!
พรึ่บ!
พรึ่บ!
จากนั้นคุณเฉียนและเพื่อนอีกสองคนก็คุกเข่าลงและเอากะโหลกโขกที่พื้นเหมือนกับโอหยางจงเฉิง
สาวดริ้งค์ที่เห็นเสี่ยใหญ่ของพวกเธอคุกเข่าต่อหน้าหลี่โม่ พวกเธอต่างก็กลัวจนหัวตัวและมองไปที่หลี่โม่ด้วยความกลัวและความสงสัย
ทันใดนั้นหลี่โม่ก็กลายเป็นคนลึกลับในสายตาของพวกเธอ เขาไม่เพียงแต่ต่อสู้เก่ง แต่ยังจัดการกับพวกเศรษฐีได้อย่างเย็นชาขนาดนี้ แม้แต่มหาเศรษฐียังต้องคุกเข่าต่อหน้าเขาเลย เขาต้องเป็นคนเหนือคนในตำนานอย่างแน่นอน
แม้แต่สาวๆ บางคนยังจินตนาการกับหลี่โม่ ถ้าพวกเธอได้มีความสัมพันธ์กับหลี่โม่ พวกเธอจะกลายเป็นนกฟีนิกซ์ที่บินขึ้นไปที่สูงที่สุดอย่างแน่นอน
จากนั้นหลี่โม่ลากเก้าอี้แล้วมานั่งลงตรงหน้าโอหยางจงเฉิงอย่างสง่า
“คุณรู้ไหมว่าผมจะทำอะไร?”