บทที่ 217 กู้หยุนหลันถูกลักพาตัว
“หนูไม่รู้จักเขา และเขาก็ไม่เกี่ยวอะไรกับหนูด้วย!”
กู้หยุนหลันพูดอย่างลนลาน
คุณปู่กู้มองกู้หยุนหลันด้วยความดูถูก เขารู้สึกว่ากู้หยุนหลันจะแสร้งทำเกินจริงไปหน่อยแล้ว เรื่องมันเห็นชัดขนาดนี้เธอยังจะเสแสร้งได้อีก
แต่เมื่อนึกถึงคำขอโทษของโอหยางจงเฉิงและนึกถึงเงินสองพันล้านหยวนในการก่อตั้งหยุนจงหลันกรุ๊ป คุณปู่กู้ก็เก็บอารมณ์แล้วพูดกับกู้หยุนหลันด้วยความอดทน
“หลี่โม่ก็แค่เกาะเธอกิน เขาให้อนาคตที่ดีกับเธอไม่ได้หรอก ในเมื่อเธอมีความสัมพันธ์กับคุณชายร่ำรวยของตระกูลหลี่แล้ว เธอต้องฉวยโอกาสนี้ให้ดี ขอแค่น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากคุณชายร่ำรวยของตระกูลหลี่เธอก็อยู่เย็นเป็นสุขแล้ว แถมเธอยังทำให้ครอบครัวตระกูลกู้ของเราได้ดีไปด้วย”
คุณปู่กู้พูดอย่างไม่สนใจความรู้สึกของกู้หยุนหลัน
กู้เจี้ยนกั๋วพยักหน้ารัวๆ และคิดว่าคุณท่านเป็นคนฉลาดที่สุด
ในขณะนี้ความคิดของทุกคนก็สอดคล้องกันหมด นั่นก็คือการให้กู้หยุนหลันเกาะคุณชายร่ำรวยของตระกูลหลี่ไว้ให้แน่นๆ ถึงจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด
“หยุนหลันเอ๋ย เธออย่าไปใส่ใจหลี่โม่ให้มากนัก ศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้หรอก เธอต้องมีเงินเท่านั้นถึงจะมีศักดิ์ศรี ถ้าเธอมีฐานะไม่มีใครกล้ายุ่งกับเธอหรอก ดังนั้นเธอเกาะคุณชายร่ำรวยของตระกูลหลี่ให้แน่นๆ เธอจะได้ไม่ต้องกังวลอะไรและจะได้ทุกสิ่งตามที่เธอต้องการ”
กู้เจี้ยนกั๋วด้วยเสริมด้วยรอยยิ้มที่น่าสมเพช
“หยุนหลัน ลุงเธอพูดถูกนะ เธออย่าดื้อไปเลย คนไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่เลิกกับมันให้เร็วที่สุดจะดีกว่า เธออยู่กับคนไร้ประโยชน์อย่างมันแบบนี้ไปอยู่กับคุณชายร่ำรวยของตระกูลหลี่ไม่ดีกว่าหรือ”
กู้เจี้ยนเจียงก็พูดตาม
กู้หยุนหลันรู้สึกว่าเธอไม่สามารถโต้เถียงได้อีกแล้ว ทุกคนรอบข้างต่างก็คิดว่าเธอมีความสัมพันธ์กับคุณชายร่ำรวยของตระกูลหลี่ ตอนนี้ต่อให้เธอปฏิเสธยังไงก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
“หยุนหลัน เราทุกคนต่างก็หวังดีต่อเธอ คุณชายร่ำรวยของตระกูลหลี่ร่ำรวยและมีอำนาจขนาดนี้ ถ้าเธอได้เขามาครอบครอง ถ้าเธอเป็นที่ชอบของเขา ครอบครัวตระกูลกู้ของเราก็จะได้ดีไปด้วย เราส่งเสริมเธอมาตั้งหลายปีแล้ว เธอต้องควรจะตอบแทนครอบครัวบ้าง”
คุณปู่กู้พูดช้าๆ จนจบแล้วจ้องมองไปที่กู้หยุนหลันอย่างเงียบๆ
กู้ซิงเว๋ยหัวเราะเยาะแล้วพูดอย่างเหยียดหยาม “คุณชายร่ำรวยของตระกูลหลี่ช่วยเธอขนาดนี้แล้วยังจะปากแข็งอะไรอีก รีบฉวยโอกาสขอบคุณเขา พวกเราก็จะได้รู้จักเขาด้วย”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ! ฉันจะไม่มีวันทำผิดต่อหลี่โม่ และฉันก็ไม่รู้จักคุณชายร่ำรวยของตระกูลหลี่คนนั้นด้วย พวกคุณหยุดพูดได้แล้ว!”
กู้หยุนหลันหายใจเร็วขึ้น ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่เธอพยายามระงับอารมณ์เพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา
คุณปู่กู้สีหน้าเย็นชาแล้วมองไปที่กู้หยุนหลันอย่างไม่พอใจ
“เหอะ! เธอลองคิดดูดีๆ นี่เป็นโอกาสทองสำหรับเธอนะ! หรือว่าเธออยากให้เรื่องของคุณโอหยางเกิดขึ้นกับเธออีกครั้ง? เธอคิดว่าเขาจะคอยช่วยเธอตลอดงั้นเหรอ”
คุณปู่กู้ทิ้งคำพูดสุดท้ายแล้วเอามือไพล่หลังและเดินออกไป
กู้เจี้ยนกั๋วก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปด้วยและพูดไปด้วย “โอกาสมีไว้สำหรับคนที่เตรียมพร้อมเสมอนะ ถ้าเธอพลาดโอกาสนี้ไปแล้วเธอจะเสียใจภายหลังเอง”
“เป็นผู้หญิงที่หลงตัวเองจริงๆ ถ้าเธอรักษาโอกาสครั้งนี้ไม่ได้เธอจะต้องเสียใจภายหลังอย่างแน่นอน”
กู้เจี้ยนเจียงก็ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป จากนั้นกู้ซิงเว๋ยกับกู้ชิงหลินทั้งคู่ก็ยืนขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่เยาะเย้ยแล้วเดินออกจากห้องประชุมด้วยเช่นกัน
กู้หยุนหลันรู้สึกเสียใจมาก เธอนั่งอยู่คนเดียวพักใหญ่ถึงจะค่อยๆ รู้สึกดีขึ้น
เมื่อนึกถึงคำพูดเสียดสีของคนในตระกูลกู้ กู้หยุนหลันรู้สึกเจ็บปวดและไม่อยากอยู่ในบริษัทนี้อีกต่อไป
เธอเดินออกไปจากบริษัทอย่างเงียบๆ แล้วขึ้นรถของบริษัทและนั่งเงียบอยู่บนรถอยู่สักพัก จากนั้นเธอตัดสินใจจะไปหาซีซีที่โรงพยาบาล ในขณะนี้การที่ได้ไปหาซีซีเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจได้
จากนั้นเธอสตาร์ทรถแล้วเตรียมขับไปที่โรงพยาบาล ในขณะที่รถของกู้หยุนหลันขับออกจากบริษัทก็มีรถสีเงินคันหนึ่งขับตามรถเธอไปอย่างใกล้ชิด
“รถของเป้าหมายขับออกจากบริษัทแล้วครับ ผมกำลังติดตามเธออยู่”
คนขับรถสีเงินพูดกับวิทยุสื่อสารบนรถ
“จบตาดูให้ดี จากการสำรวจของเรา สถานที่ที่เป้าหมายจะไปคือบ้าน บริษัท โรงงานและโรงพยาบาล ทิศทางทั้งสี่แห่งนี้แตกต่างกันมาก นายต้องจับทิศทางของเป้าหมายให้ได้”
“รับทราบครับ”
จากนั้นคนขับรถสีเงินก็วางวิทยุสื่อสารลงแล้วขับตามรถของกู้หยุนหลันอย่างไม่คลาดสายตา
กู้หยุนหลันไม่รู้ว่าเธอกำลังตกเป็นเป้าหมายของคนอื่นแล้ว
เมื่อขับไปจนถึงโรงพยาบาล กู้หยุนหลันก็จอดรถไว้ที่ลานจอดรถ หลังลงจากรถแล้วเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็มีชายสองคนเดินสวนเข้ามาใกล้เธอ
กู้หยุนหลันไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นและกำลังจะเดินสวนชายสองคนนั้น แต่ทันใดนั้นชายคนหนึ่งก็ยกมือขึ้นแล้วใช้ผ้าเปียกที่ชุบยาสลบมาปิดปากของกู้หยุนหลันไว้
นั่นเป็นผ้าเปียกที่พ่นยาสลบลงไปเรียบร้อยแล้ว แค่สูดเข้าไปในจมูกเพียงเล็กน้อยก็จะทำให้คนหมดสติได้ทันที
กู้หยุนหลันพยายามดิ้นรนอยู่สักพัก แต่ไม่นานหลังจากนั้นดวงตาของเธอก็พร่ามัวและในที่สุดเธอก็หมดสติไป
“เหอะๆ ผู้หญิงคนนี้ดูดีจริงๆ ไม่แปลกเลยที่คุณชายซูจะชอบเธอ ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นจริงๆ นะ”
“อย่ามัวแต่เสียเวลา รีบพานางขึ้นรถ คุณชายซูรออยู่”
รถตู้ที่จอดอยู่ไม่ไกลก็เปิดประตูออกและชายสองคนก็ช่วยกันพาตัวของกู้หยุนหลันขึ้นไปบนรถ
“พี่ตาวปา เรียบร้อยแล้วครับ เธอคนนี้ต้องเป็นผู้หญิงที่มีนามสกุลกู้อย่างแน่นอนครับ”
“แจ้งพี่น้องคนอื่นๆ ด้วย คุณชายซูกำลังรออยู่ในโกดังที่ชานเมือง”
ประตูรถตู้ถูกปิดลง หลังจากเสียงสตาร์ทรถดังขึ้น รถคันดังกล่าวก็แล่นไปที่นัดพบทันที
……
จากนั้นไม่นาน รถตู้ก็ขับเข้าไปในโกดังร้างแห่งหนึ่งในชานเมือง โดยรอบโกดังมีบอดี้การ์ดมากมายเฝ้าอยู่อย่างแน่นหนา ซึ่งเป็นลูกมือของ คุณชายซูที่พามาจากเมืองเอก
เพื่อที่จะแก้แค้น คุณชายซูจึงลงทุนระดมกำลังคนที่มากพอแล้วดำเนินแผนการอย่างละเอียด จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะลักพาตัวกู้หยุนหลันเพื่อเป็นการข่มขู่หลี่โม่
พี่ตาวปาและลูกมือพาตัวกู้หยุนหลันไปหาคุณชายซูแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณชายซูครับ ได้ตัวมาแล้วครับ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนอย่างราบรื่นครับ”
“เยี่ยมมาก เอาตัวมันไปมัดติดเก้าอี้ไว้ เดี๋ยวเราจะทำให้ผัวกระจอกของมันรู้ว่าเมียมันกำลังจะเจอกับอะไร!”
จากนั้นพี่ตาวปาสั่งให้ลูกมือนำกู้หยุนหลันไปมัดติดกับเก้าอี้แล้วพูดด้วยรอยยิ้มที่น่าสมเพชว่า “ผมว่าคุณชายให้สามีของนางได้เจอกับอะไรที่น่าตื่นเต้นคงจะสนุกดีนะครับ”
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว ไปถ่ายรูป อัดคลิปวิดีโอแล้วส่งให้ไอ้สวะหลี่โม่ดู ถ้ามันอยากช่วยเมียมันก็ให้มันมาที่นี่คนเดียว”
“ครับนาย เรื่องนี้ผมถนัดอยู่แล้ว”
พี่ตาวปาโบกมือและให้ลูกน้องเข้ามาถ่ายคลิปของกู้หยุนหลันแล้วส่งให้หลี่โม่ดู
หลี่โม่ที่กำลังเตรียมทำอาหาร เมื่อได้ยินเสียงข้อความแจ้งเตือนที่ดังอย่างไม่หยุด เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความสงสัยแล้วพึมพำในปาก “ใครส่งข้อความมาหนอ?”