บทที่ 229 ดูสามีของคนอื่นสิว่าเขาเก่งแค่ไหน
หลังจากส่งหวังเหมยออกจากบ้าน หวังฟางสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบเดินไปเคาะประตูห้องของกู้หยุนหลันด้วยความโกรธ
“หยุนหลัน พาไอ้คนไร้ประโยชน์ออกมาเดี๋ยวนี้ แม่มีเรื่องจะคุยด้วย!”
หวังฟางตะโกนด้วยความโกรธ
การที่ถูกหวังเหมยเยาะเย้ยทำให้หวังฟางรู้สึกอับอายขายหน้าและอึดอัดใจ ซึ่งตอนนี้ก็ถึงเวลาระบายของเธอ
“รีบเรียกไอ้คนไร้ประโยชน์ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้นะ เธอได้ยินในสิ่งที่ป้าพูดเมื่อกี้นี้ไหม อีกสองวันเราต้องไปงานวันเกิดของคุณปู่แล้วนะ เธอจะพาคนกระจอกอย่างหลี่โม่ไปไม่ได้!”
ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออก กู้หยุนหลันก็ออกมาพูดกับหวังฟางด้วยความทุกข์ใจ “แม่ แม่คิดจะทำอะไรกันแน่ คุณป้าดูถูกเราก็ทุกข์ใจพอแล้ว ทำไมแม่ต้องทำให้หลี่โม่ลำบากใจเพราะคำพูดของคนอื่นด้วย”
“ใครทำใครลำบากใจกันแน่? มันต่างหากที่ทำให้เราทั้งบ้านลำบากใจ ญาติพี่น้องทุกคนดูถูกบ้านเราก็เพราะความไม่เอาไหนของมัน มันทำให้ครอบครัวเราทั้งครอบครัวต้องอับอายขายหน้าไปด้วย ฉันกับพ่อเธอไม่มีหน้าไปเจอใครอีกแล้วเธอรู้ไหม”
หวังฟางยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ น้ำเสียงของเธอเฉียบคมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “ลูกเขยบ้านคนอื่นมีแต่เรื่องดีๆ ให้พูด แต่ฉันล่ะ ทุกครั้งที่พูดถึงลูกเขยฉันต้องทำตัวให้เป็นใบ้ เพราะกลัวว่าเขาจะถามถึงลูกเขยของฉัน!”
“หลี่โม่ นายมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย ถ้านายเป็นลูกผู้ชายนายคงจะเลิกกับหยุนหลันไปนานแล้ว นายทำไมต้องเกาะหยุนหลันไว้ไม่ปล่อย นายคิดจะอยู่แบบนี้ไปตลอดชีวิตงั้นเหรอ!”
กู้หยุนหลันขยี้คิ้วแล้วพูดอย่างรำคาญ “แม่ พอได้แล้ว หลี่โม่ไม่ได้แย่อย่างที่คิดหรอกนะ เพียงแค่ทุกคนไม่เข้าใจเขาก็เท่านั้น”
“คนไร้ประโยชน์แบบนี้จะมีอะไรให้เข้าใจได้ เธอก็ปกป้องมันไปเถอะหยุนหลัน จะดูว่าเธอปกป้องมันได้ถึงไหนกัน มะรืนนี้เราต้องไปงานวันเกิดของคุณปู่เธอ ส่วนคนไร้ค่าคนนี้ห้ามพาไปเด็ดขาด ได้ยินไหม!”
หวังฟางกระทืบเท้าอย่างดุเดือดและกำลังจะหันเดินจากไป การที่ไม่ให้หลี่โม่ไปร่วมงานวันเกิดของคุญท่านหวังครั้งนี้เป็นบรรทัดฐานสุดท้ายของเธอ
และการที่ถูกพี่สาวเยาะเย้ยก็ทำให้เธอรู้สึกโกรธมากพอแล้ว ถ้ายังให้หลี่โม่ไปร่วมงานด้วยเธอคงต้องทนรับกับการถูกดูะถูกของคนทั้งครอบครัวอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงการที่ถูกทุกคนในตระกูลหัวเราะเยาะ หวังฟางคิดว่าเธอต้องเส้นเลือดสมองแตกหรือหัวใจวายตายก่อนแน่เลย
กู้หยุนหลันขมวดคิ้วแน่นๆ และรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของหวังฟางมาก
“แม่คะ ถ้าแม่ไม่ให้หลี่โม่ไปงานวันเกิดของคุณปู่ด้วย หนูก็จะไม่ไปค่ะ ถ้าหนูไปก็คงทำให้แม่ต้องอับอายขายหน้าเหมือนกัน”
“นี่เธอ! เธออยากให้ฉันบ้าตายใช่ไหม!”
หวังฟางโกรธจนตบต้นขาของเธอและน้ำตาก็ค่อยๆ คลอเบ้า
“เธอยอมเลือกคนไร้ประโยชน์คนนี้แทนที่จะเลือกแม่ผู้ให้กำเนิดเธอเหรอ มันมีดีตรงไหน วันๆ ไม่ทำอะไร แค่หาเลี้ยงครอบครัวยังทำไม่ได้เลย เธอปกป้องมันแล้วได้อะไร!”
กู้หยุนหลันสีหน้าเย็นชาแล้วพูดอย่างจริงจัง “เราเป็นสามีภรรยากัน เป็นหนึ่งเดียวกันนะคะ ถ้าเราจะไปเราก็ไปด้วยกัน และถ้าเราไม่ไปเราก็จะไม่ไปทั้งคู่”
“ดี เอาสิ ปีกกล้าขาแข็งนัก ไม่ยอมเชื่อฟังคำพูดของแม่แล้วสินะ ถ้าเธออยากพามันไปนักก็พาไปเลย จะคอยดูความอัปยศอดสูในวันนั้นเอง”
เมื่อหวังฟางหันเดินจากไป กู้หยุนหลันจึงถอนหายใจอย่างเงียบๆ แล้วปิดประตูห้อง
หลี่โม่กอดกู้หยุนหลันไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดเบาๆ ว่า “ลำบากเธออีกแล้วนะ ผมไม่ไปก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปเถียงกับแม่หรอก”
“ไม่ได้ ฉันจะให้คุณถูกดูถูกอีกไม่ได้ ถ้าครั้งนี้คุณไม่ได้ไป วันหลังคุณคงเดินออกจากห้องนี้ไม่ได้อีกแล้ว”
กู้หยุนหลันรู้สึกกังวลมาก ครั้งนี้ถ้าเธอใจไม่แข็งพอ อนาคตหลี่โม่ต้องเจอกับแรงกดดันของหวังฟางมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
แค่ถูกด่าทอดูถูกก็เจ็บปวดมากพอแล้ว ถ้ายังใช้วิธีอื่นในการกดดัน กู้หยุนหลันเกรงว่าหัวใจของหลี่โม่คงจะพังทลายไปก่อน
หลี่โม่ยิ้มจาง ๆ แล้ววางศีรษะไปที่เส้นผมของกู้หยุนหลันและสูดดมกลิ่นที่หอมเย้ายวนของเส้นผมเธอ
“ทำไงได้ละ ก็ผมได้เมียดีขนาดนี้”
“อย่าเพิ่งนอกเรื่องได้ไหม ช่วยคิดกันก่อนว่าเราจะไปงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่ในวันมะรืนนี้ไหม?”
กู้หยุนหลันรู้สึกลังเล ถ้าพาหลี่โม่ไป เขาต้องเจอกับการดูถูกของคนทั้งตระกูลอย่างแน่นอน
ดังนั้นในตรงกันข้ามกู้หยุนหลันกลับไม่อยากไปร่วมงาน เพราะเธอคิดว่าเอาเวลาไปเที่ยวกับหลี่โม่หรือไปหาซีซีน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
หลี่โม่ตอบเบาๆ “ไป ต้องไปสิ วันเกิดครบรอบ 70 ปีของคุณปู่ของคุณนะ เราที่เป็นลูกหลานจะไม่ไปได้ไง”
กู้หยุนหลันพยักหน้าเบาๆ และเห็นด้วยกับความคิดของหลี่โม่
……
ในวันงานเลี้ยงวันเกิดของคุญท่านหวัง หวังเหมยได้พาลูกสาวของเธอโจวชุ่ยหัวและลูกเขยหานจื้อเต๋อไปที่บ้านหวังฟางอย่างภาคภูมิใจ
ทันทีที่เข้าไปในบ้านหวังเหมยก็พูดอย่างได้ใจ “น้องเล็ก เราตั้งใจมารับพวกเธอนะ ลูกสาวฉันกับลูกเขยขับรถมาคนละคันกัน จะได้รับครอบครัวเธอไปด้วย”
การอวดลูกเขยเป็นจุดประสงค์หลักของหวังเหมยที่มาในครั้งนี้!
หวังเหมยยังไม่หายโกรธสำหรับความไม่เกรงใจของหยุนหลันในครั้งก่อน
สีหน้าของหวังฟางดูแย่มาก แต่เธอก็พยายามฝืนยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณพี่สาวนะ พวกคุณนั่งก่อนสิ เดี๋ยวฉันไปชงชามาให้”
“ไม่ต้องแล้ว ก็พี่เห็นว่าบ้านเธอไม่มีรถส่วนตัว อีกอย่างได้ข่าวว่ารถที่หยุนหลันขับก็เป็นรถบริษัทด้วย เอารถบริษัทมาใช้ในกิจส่วนตัวแบบนี้เดี๋ยวเขาจะว่าเอานะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก รถของลูกสาวฉันกับลูกเขยนั่งได้สบายเลยล่ะ ไปด้วยกันจะได้ไม่ถูกคนอื่นว่าไง”
หลังพูดจบหวังเหมยก็ขยิบตาให้กับลูกสาวกับลูกเขย ทั้งสองยิ้มอย่างได้ใจและจงใจห้อยกุญแจรถโลโก BMW ให้หวังฟางเห็น
หวังฟางเต็มไปด้วยความแค้นและความเกลียดชัง ทุกอย่างก็เพราะหลี่โม่คนเดียว ถ้าหลี่โม่มีปัญญาพอ ถ้าหลี่โม่มีความสามารถ ถ้าหลี่โม่……
คำว่าถ้าเต็มไปในความคิดของเธอ แต่เธอทำได้เพียงคิดเท่านั้น ในความเป็นจริงสำหรับเธอหลี่โม่ไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้กับคนอื่นเลยด้วยซ้ำ!
“น้องเล็กทำไมสีหน้าไม่ดีเลย วันนี้เป็นวันดีของคุณพ่อนะ เธอจะไปด้วยอารมณ์สีหน้าไม่ได้นะ”
หวังเหมยพูดด้วยรอยยิ้มประชดประชัน
“ฮ่า ๆ ๆ เปล่านี่ ฉันอารมณ์ดีจะตาย เดี๋ยวฉันขอตัวไปเรียกหยุนหลันก่อนนะ พวกคุณนั่งรอสักครู่”
หวังฟางฝืนยิ้มแล้วหันเดินจากไป สองมือของเธอกำหมัดไว้แน่นๆ แล้วเดินไปที่ห้องของกู้หยุนหลันด้วยความโกรธ
หวังฟางผลักประตูห้องออกแล้วเข้าไปด้านในและปิดประตูทันที
“หลี่โม่ เพราะนายคนเดี๋ยวเลยไอ้คนไร้ประโยชน์ ฉันล่ะปวดหัวกับนายจริงๆ ทำไมฉันต้องมีลูกเขยไร้ประโยชน์อย่างนายด้วย วันนี้หน้าฉันคงต้องแตกละเอียดแล้วล่ะ!”
หวังฟางตะโกนด่าด้วยความโกรธ
แต่หลี่โม่ได้แต่ก้มหน้าลงอย่างเงียบๆ เวลาแบบนี้พูดอะไรก็ไร้ประโยชน์ ทำได้เพียงรอให้หวังฟางระบายอารมณ์ออกมาให้หมดก่อน
“หยุนหลัน แม่จะบ้าตายอยู่แล้ว เธอดูสามีของน้องสาวเธอสิว่าเขาเก่งแค่ไหน เงินเดือนต่อปีเป็นล้าน มีรถ BMW แล้วยังซื้อรถ BMW ให้ภรรยาเขาอีกคันด้วย!”