บทที่ 234 เขาไม่ได้ทำผิด
กู้หยุนหลันคุยกับหวังซูหยุนสักครู่ รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก
หลี่โม่มองผู้คนที่นั่งอยู่รอบ ๆ พวกเขาทั้งหมดเป็นคนธรรมดา บางคนมีกลิ่นอายของคนชนบท ดูแล้วพวกเขาทั้งหมดน่าจะเป็นญาติและเพื่อนของตระกูลหวังที่อยู่ในชนบท
เห็นหวังจงเหิงกับหวังจงเฉิงเดินมาไม่ไกล สองคนนั้นมาเรียกหวังซูหยุนกลับไป แล้วก็อยากจะมาพูดจาเหยียบหยามหลี่โม่กับกู้หยุนหลันอีกด้วย
หวังจงเฉิงเดินมาถึงก่อน เหลือบมองหลี่โม่ แล้วใช้มือตบไปที่บ่าของหลี่โม่
“ไอ้เศษสวะ คุณกำลังมองหาอะไร คนที่วิสัยทัศน์แคบอย่างคุณ มันทำให้ตระกูลหวังของพวกเราอับอายขายหน้า ทำไมตระกูลหวังถึงได้มีลูกเขยเศษสวะอย่างคุณได้ หยุนหลันคุณนี่ช่างตาบอดจริง ๆ!”
หวังจงเหิงมาถึง กล่าวอย่างไม่เกรงใจว่า “ไอ้เศษสวะ วันนี้คุณถือว่าโชคดี ที่มีโอกาสนั่งลงกินข้าวเหมือนคน ถ้าหากมันเป็นไปตามแผนที่ฉันคิดไว้ตั้งแต่แรก คุณจะต้องไปกินเศษอาหารที่เหลือในคอกหมูแล้ว”
“พวกคุณพูดจาเกินไปแล้ว เมื่อสักครู่ก็พูดจาไม่น่าฟังมามากแล้ว พวกคุณต้องการบีบให้คนตายไปเลยใช่ไหม?”
หวังซูหยุนขมวดคิ้วแล้วกล่าว
หวังจงเหิงมองไปที่หวังซูหยุนอย่างเหยียดหยาม “คุณเรียนมากจนโง่ไปแล้วหรือ ทำไมคุณถึงปกป้องคนไร้ประโยชน์ ไอ้ยาจกเป็นเศษขยะที่ไร้ประโยชน์ มันเกิดมาก็เพื่อให้ผู้คนหัวเราะเยาะ!”
“พี่จงเหิงพูดได้ถูกต้องที่สุด ไอ้เศษขยะเช่นนี้นอกจากให้ผู้คนหัวเราะเยาะแล้ว ไม่มีคุณค่าอะไรอีกแล้ว ที่เขามีชีวิตอยู่ ก็เพื่อให้พวกเราหัวเราะเยาะแล้วมีความสุข ใช่หรือเปล่าน้องหยุนหลัน ที่คุณเลี้ยงดูไอ้คนไร้ประโยชน์คนนี้ ก็เพื่อจะเหยียดหยามเขาใช่ไหม ฮ่า ๆ ๆ”
หวังจงเฉิงพูดไป แล้วก็ใช้มือตบไปที่บ่าของหลี่โม่อย่างแรง หลี่โม่กัดฟันนั่งนิ่งเงียบ อดทนต่อการตบที่เจ็บปวด
กู้หยุนหลันกัดฟันพูดด้วยความโกรธว่า “พวกคุณจะทำอะไรกันแน่? จะรังแกคนไปถึงเมื่อไหร่?”
“รังแก? คุณยังมีหน้ามาบอกว่าพวกเรารังแกเขา กู้หยุนหลัน เมื่อก่อนคุณเสแสร้งก็ช่างมันเถอะ ตอนนี้แต่งงานกับคนไร้ประโยชน์ ยังมาเสแสร้งทำไม ฉันเคยได้ยินคนเขาพูดว่า คุณยังเคยไปนอนกับคนอื่นเพื่อให้ได้สัญญาโครงการมา”
“คุณพูดจาพล่อย ๆ!”
กู้หยุนหลันน้ำตาคลอเบ้า หวังซูหยุนพยุงกู้หยุนหลัน แล้วจ้องเขม็งไปที่หวังจงเหิง
หลี่โม่ตาแดงก่ำ ตนเองถูกเหยียดหยามไม่เป็นไร แต่ถ้ามีใครมาเหยียดหยามกู้หยุนหลัน เขาไม่ยอมแน่นอน!
หลี่โม่ลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห ตรงดิ่งเข้าไปที่ข้างหวังจงเหิง ใช้มือตบไปที่ใบหน้าของหวังจงเหิง
เพียะ!
เสียงตบดังกึกก้อง นอกห้องโถงที่เสียงดัง บัดนี้เงียบลงทันที ทุกคนมองไปที่หลี่โม่และหวังจงเหิงด้วยความตะลึง
ผู้คนที่นั่งอยู่ที่นี่ มีไม่กี่คนที่รู้จักหลี่โม่ แต่ผู้คนส่วนใหญ่จะรู้จักหวังจงเหิง เมื่อเห็นว่าหวังจงเหิงถูกตบ ทุกคนสุดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ
“เขาเป็นใคร กล้าลงมือทำร้ายลูกคนที่สองของหวังจินซาน ช่างใจกล้ายิ่งนัก”
“ไม่น่าจะเป็นศัตรูของตระกูลหวังมาก่อเรื่อง แล้วก็ไม่เคยได้ยินว่าตระกูลหวังจะมีศัตรูที่ไหน งานวันเกิดของคุณปู่หวังคราวนี้มีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว”
“งานเลี้ยงวันเกิดยังไม่ทันเริ่ม หลานชายคนที่สองของคุณปู่หวังก็ถูกทำร้ายแล้ว มันเหมือนกับตบหน้าคุณปู่หวังเลย”
เสียงเงียบไปสามวินาที หลังจากนั้นนอกห้องโถงเสียงดังมากกว่าเดิม พวกที่สอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านเริ่มพูดคุยกันอย่างตื่นเต้น
หวังจงเหิงตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากนั้นใบหน้าที่ถูกตบรู้สึกร้อนวูบวาบ ทันใดนั้นความอับอายและความโกรธก็พุ่งขึ้นมา
“แม่งฉิบหาย เศษสวะอย่างแกกล้ามาทำร้ายฉัน!”
หวังจงเหิงจ้องมองและใช้มือชี้ไปที่หลี่โม่ด้วยความโกรธ
“ใครใช้ให้คุณไม่ให้เกียรติหยุนหลัน ถ้าคุณยังพูดจาใส่ร้ายหยุนหลันอีกคำ ฉันก็กล้าทำร้ายคุณไปเรื่อย ๆ!”
หลี่โม่กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น
“เชี่ย! วันนี้ฉันจะเล่นงานแกให้ตาย ถ้าวันนี้แกไม่ตายฉันจะไม่แซ่หวัง !”
หวังจงเหิงคิดแต่จะแก้แค้น เขามองไปรอบ ๆ มองหาคนที่ใช้ประโยชน์ได้ เพื่อช่วยเขาฆ่าหลี่โม่
หวังจงเฉิงเห็นสถานการณ์ไม่ดี จึงดึงหวังจงเหิงไว้แล้วกล่าวว่า “พี่จงเหิง พวกเรากลับไปก่อน เรื่องนี้ต้องให้ลุงใหญ่มาจัดการ”
หวังจงเหิงไม่พบคนที่เหมาะสม บวกกับเขารู้สึกว่าสิ่งที่หวังจงเฉิงพูดนั้นถูกต้อง เขาจึงชี้ไปที่หลี่โม่อย่างโกรธแค้น
“แกรออยู่ที่นี่ เดี๋ยวแกจะได้เห็นดี วันนี้ฉันจะถลกหนังแก!”
หลังจากที่หวังจงเหิงพูดจบเขาก็หันหลังแล้วจากไป หวังจงเฉิงจ้องมองไปที่หลี่โม่อย่างดุร้ายและกล่าวว่า “คนแซ่หลี่ที่ไร้ประโยชน์ ถ้าใครกลับใครคือไอ้ลูกหมา แกรออยู่ตรงนี้อีกสักครู่กูจะกลับจัดการแก!”
“ผมจะรอพวกคุณอยู่ที่นี่แหละ”
หลี่โม่กล่าวด้วยเสียงเย้ยหยัน แล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิม
เมื่อกู้หยุนหลันกับหวังซูหยุนได้สติขึ้นมา ทั้งสองคนถอนหายใจพร้อมกัน
“หลี่โม่ คุณหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว ทำไมคุณต้องไปขัดแย้งกับพวกเขา ทะเลาะกันแบบนี้กลัวว่าจะ….”
กุ้หยุนหลันลูบหน้าผากของเธออย่างกังวล แล้วไม่สามารถพูดประโยคข้างหลังต่อได้
สิ่งที่ตามมาต้องไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีแน่นอน ถูกด่า ถูกทำให้อับอาย ต้องขอโทษ หรือแม้แต่ถูกขับไล่ออกไป ล้วนเป็นผลลัพธ์ที่เป็นไปได้ทั้งนั้น
“คุณไม่ต้องกังวล มีผมอยู่ทั้งคน”
หลี่โม่กล่าวอย่างจริงจัง
หวังซูหยุนมองไปที่หลี่โม่โดยไม่พูดด้วยอะไร ไม่รู้ว่าหลี่โม่เอาความกล้าหาญมาจากไหน ที่ตบหลานชายคนที่สองของคุณปู่หวัง ในงานวันเกิดครบรอบ 70 ปีของคุณปู่หวัง พฤติกรรมของหลี่โม่อยู่เหนือจินตนาการของหวังซูหยุน
“หลี่โม่ คุณไม่ต้องมาแสดงว่าตนเองสามารถรับผิดชอบได้ทุกเรื่องได้ไหม ฉันรู้ว่าคุณทำเพื่อพี่หยุนหลัน แต่วิธีหยาบคายที่คุณทำนั้นมันไม่ถูกต้อง มีแต่จะทำให้พี่หยุนหลันลำบากใจมากขึ้นเรื่อย ๆ”
หวังซูหยุนอดไม่ได้ที่จะบ่นหลี่โม่ เธอรู้สึกว่าวิธีการจัดการของหลี่โม่ไม่ถูกต้อง แม้ว่าจุดเริ่มต้นจะดีก็ตาม
“ถ้าคุณต้องการให้พี่หยุนหลันอยู่อย่างมีความสุข คุณต้องรีบไปขอโทษหวังจงเหิง มิเช่นนั้นถ้าเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา พี่หยุนหลันที่อยู่ตรงกลางจะลำบากใจ เพราะยังไงหวังจงเหิงก็เป็นหลานชายคนที่สองของตระกูลหวัง”
หลี่โม่ยิ้มบาง ๆ แต่ไม่ได้ตอบหวังซูหยุน จะให้ไปขอโทษหวังจงเหิง มันเป็นเรื่องตลกแล้วล่ะ
เมื่อหวังซูหยุนเห็นว่าหลี่โม่ไม่ฟัง ก็เม้มปากอย่างไม่พอใจ ดึงกู้หยุนหลันไปแล้วกล่าวว่า “พี่หยุนหลัน อีกสักครู่ถ้าคุณไม่อยากลำบากใจ ตอนนี้ทางที่ดีที่สุดคือไปขอโทษ คุณลองพูดเกลี้ยกล่อมเขาดู”
“คุณอย่าทำเพื่อเขาแล้วไม่คิดถึงตนเอง ถ้าอีกสักครู่ลุงใหญ่เกิดโมโหขึ้นมา ผลลัพธ์ที่ตามมามันจะร้ายแรง เพราะว่าลุงใหญ่เป็นคนที่ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่”
หวังซูหยุนพูดเตือนด้วยความหวังดี เพราะเธอไม่ต้องการให้เกิดเรื่องใหญ่ ถ้าหากเกิดเรื่องใหญ่แล้ว งานเลี้ยงวันเกิดวันนี้อาจจะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
กู้หยุนหลันส่ายศีรษะ “ซูหยุน ขอบคุณในความหวังดีของคุณ แต่ว่าหลี่โม่ไม่ได้ทำผิดอะไร ทำไมต้องก้มหัวยอมรับผิดด้วย”
“ถ้าหากพวกเราผิด พวกเรายอมรับผิดแน่นอน แต่พวกเราไม่ได้ทำผิดสักนิด ทำไมต้องยอมรับผิด? สิ่งเดียวที่ทำผิดคือหลี่โม่หุนหันพลันแล่นไปหน่อย”
กู้หยุนหลันรู้สึกว่าหลี่โม่ไม่ผิด ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ถูกหวังจงเหิงดูถูกเหยียดหยามขนาดนั้น เกรงว่าจะทำร้ายหวังจงเหิงไปนานแล้ว