บทที่ 240 ถ้าเขามอบของขวัญได้? ผมจะกินอุจจาระ!
“คุณหลี่?”
คุณปู่หวังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย พยายามนึกถึงคนใหญ่คนโตแซ่หลี่ที่ตนเองรู้จัก
แต่ว่านึกไปนึกมา คุณปู่หวังก็นึกไม่ออกว่ามีคนใหญ่คนโตแซ่หลี่ที่ตนเองรู้จัก
ของขวัญวันเกิดที่มีมูลค่าเช่นนี้ ถ้าไม่มีทรัพย์สินเป็นหมื่นล้านไม่มีปัญญาให้แน่นอน มีคนร่ำรวยเพียงไม่กี่คน ที่สามารถมอบของขวัญวันเกิดที่หรูหราเช่นนี้ได้
หวังจินซาน หวังจินไห่และคนอื่น ๆ ก็เต็มไปด้วยความสงสัยเช่นกัน ครุ่นคิดถึงเพื่อนที่ทำธุรกิจร่วมกัน แต่ก็ไม่มีคนใหญ่คนโตที่แซ่หลี่เลย
แต่ว่าของขวัญที่ล้ำค่าเหล่านี้ได้ถูกวางอยู่ตรงหน้า หวังจินซานและคนอื่น ๆรู้สึกสับสน คิดว่าอาจจะมีคนส่งมาผิดที่?
แต่ว่างานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่หวังไม่ได้จัดที่โรงแรม แต่จัดอยู่ในบ้านตนเอง และมันเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งผิด
แขกจึงเริ่มกระซิบกัน เพื่อค้นหาว่าใครคือผู้ให้ของขวัญเหล่านี้
“คุณจ้าว คุณรู้จักคนมากมาย คุณรู้หรือไม่ว่าคุณหลี่ที่ส่งมอบของขวัญวันเกิดพวกนี้คือใคร?”
“คิดไม่ออก แขกที่มาในวันนี้ ส่วนใหญ่ผมรู้จักเกือบหมด ไม่มีคนที่แซ่หลี่ และไม่เคยได้ยินว่าในเมืองห้านเฉิงมีคนร่ำรวยที่แซ่หลี่ ผู้ให้ของขวัญคนนี้ลึกลับมาก”
“อยู่ดี ๆใครจะส่งของขวัญที่มีมูลค่ามากเช่นนี้ได้ เป็นไปได้ไหมที่มีคนอยากจะขอร้องตระกูลหวัง? แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผล”
แขกต่างถกกัน ทุกคนนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าคนที่ให้ของขวัญเป็นใครกันแน่
คุณปู่หวังถอนหายใจเบา ๆ ใช้สองมือประสานกันที่แสดงถึงการคารวะ แล้วกล่าวว่า “ขอให้แขกที่ให้ของขวัญมาแสดงตัวด้วย”
ห้องโถงและนอกห้องโถงเงียบไม่มีเสียง ไม่มีใครตอบกลับคุณปู่หวัง ในท้ายที่สุดคุณปู่หวังก็นั่งลงด้วยความจำใจ
หวังจงเหิงเห็นหลี่โมโดยความบังเอิญ เขากลอกลูกตา แล้วกล่าวถากถางว่า “หลี่โม่ คุณก็แซ่หลี่ด้วย หรือว่าคุณเป็นคนมอบของขวัญวันเกิดที่หรูหรานี้? ”
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่หลี่โม่
กู้หยุนหลันก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง นึกถึงสิ่งที่เขาพูดกับตัวเองเมื่อสักครู่
หรือว่าเป็นเขาจริง ๆ?
“ฮ่า ๆ ๆ”
หวังจงเฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ และกล่าวอย่างเหยียดหยามว่า “เศษสวะอย่างหลี่โม่ กับคุณหลี่ที่ส่งของขวัญมา ต่างกันฟ้ากับเหว ถ้าเขาสามารถให้ของขวัญที่หรูหราเช่นนี้ได้ ฉันจะกินอุจจาระทันที!”
“ไอ้เศษสวะเป็นคนที่เก็บความลับไม่อยู่ ถ้าหากมันสามารถมอบของขวัญที่หรูหราเช่นนี้ได้ เกรงว่าตอนนี้มันคงจะป่าวประกาศไปทั่วแล้ว มีหรือจะหุบปากเงียบเช่นนี้”
โจวชุ่ยหัวกล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น
หานจื้อเต๋อส่ายศีรษะอย่างเหยียดหยาม “ไอ้เศษสวะมันมีค่าครองชีพเดือนล่ะไม่กี่ร้อย และเงินนี้หยุนหลันเป็นคนให้ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเตรียมของขวัญวันเกิดที่มีมูลค่าเช่นนี้ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะขายหัวใจ ตับ ม้าม ปอด และไตมันก็ไม่พอ”
กู้หยุนหลันถอนหายใจ มองไปที่หลี่โม่อย่างเงียบ ๆ เห็นหลี่โม่สงบ เหมือนกับว่าเขาไม่ได้ใส่ใจคำพูดเหล่านี้ ทำให้ใจของเธอสงบลงเล็กน้อย
หวังเหมยหัวเราะเยาะ แล้วกล่าวอย่างเหยียดหยามว่า “ถ้าเศษสวะสามารถมอบของขวัญแค่เพียงหนึ่งชิ้นในนั้นได้ ก็สามารถทำให้คุณปู่หวังดีใจแล้ว น่าเสียดายที่เศษสวะเป็นขยะที่เกาะเมียกิน ไม่สามารถมอบของขวัญอะไรได้ ดังนั้นจึงเป็นเต่าหัวหดหลบอยู่ที่ซอกมุม”
เมื่อหวังจินซานเห็นว่าไม่สามารถหาคุณหลี่ได้ ก็ครุ่นคิดว่าจะต้องดึงหัวข้อสนทนากลับมา เขาไม่สามารถปล่อยให้คนอย่างหลี่โม่ทำลายโอกาสที่ลูกชายคนโตของตนเองจะโอ้อวดได้
“อย่าไปพูดถึงไอ้เศษสวะเลย เพราะมันทำให้คนอื่นรู้สึกรำคาญใจ ทำให้พวกเราเสียอารมณ์ จงเสวียนรีบไปคารวะพวกคุณลุงหนึ่งแก้ว”
หวังจงเสวียนลุกยืนขึ้น แล้วยกแก้วขึ้นทำความเคารพให้กับผู้คนรอบข้าง “จงเสวียนขอขอบคุณลุงทุกท่านที่สนับสนุนผม ในอนาคตยังมีหลายสิ่งที่ต้องการคำแนะนำจากพวกคุณลุง หวังว่าเมื่อถึงเวลาพวกคุณลุงทุกคนจะกรุณาให้คำแนะนำผมด้วย”
คำพูดแพรวพราวของหวังจงเสวียน ไม่เพียงแต่ยกยอตนเอง แต่ยังทำให้แขกฟังแล้วรู้สึกมีความสุข
แขกต่างยกแก้วของตนเองขึ้น เพื่อชนแก้วกับหวังจงเสวียน
“จงเสวียนเป็นคนที่มีความสามารถจริง ๆ คราวนี้ได้รับสัญญาโครงการบุกเบิกพัฒนาพื้นที่รกร้างชานเมืองทิศใต้ของห้านเฉิง และร่วมทุนกับหยุนจงหลันกรุ๊ป อนาคตของเขาต้องสดใสไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน”
“ครั้งนี้เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของหยุนจงหลันกรุ๊ป ฉันได้ยินมาว่ากลุ่มที่อยู่เบื้องหลังนั้นแข็งแกร่งมาก ขอแค่ได้ใกล้ชิดกับพวกเขา อนาคตเงินทองไหลมาเทมาแน่นอน”
“ขอแค่บุกเบิกพัฒนาพื้นที่รกร้างชานเมืองทิศใต้ของห้านเฉิงให้ดี ต่อไปตระกูลหวังก็จะเจริญรุ่งเรือง และพัฒนาขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว คราวนี้จงเสวียนได้นำสิ่งล้ำค่ามาให้ตระกูลหวัง”
ต่างคนต่างยกยอปอปั้น พวกแขกยกยอปอปั้นหวังจงเสวียน ไม่แน่ในอนาคตหวังจงเสวียนอาจพัฒนาไปสูงอีกระดับหนึ่ง ถึงเวลาพวกเขาอาจจะไปขอร้องหวังจงเสวียนให้ช่วยเหลือก็เป็นได้
เมื่อหวังจงเสวียนได้ยินคำชมของแขก ดีใจจนหุบปากไม่ลง รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่รุ่งโรจน์ที่สุดในชีวิตของตนเอง มันรู้สึกสุดยอดมาก
หวังจินซานยิ้มอย่างมีชัย รู้สึกว่าตำแหน่งของบ้านใหญ่แข็งแกร่งเหมือนภูเขา อนาคตทุกเรื่องของตระกูลหวังตนเองพูดอะไรก็จะต้องเป็นอย่างนั้น
“ขอขอบคุณสำหรับความเอ็นดูที่ทุกคนมีให้จงเสวียน จงเสวียนของเรายังอายุน้อย อนาคตต้องมีหลายเรื่องขอความช่วยเหลือจากทุกท่าน ขอให้ทุกท่านโปรดสนับสนุน ผมขอคารวะทุกท่านหนึ่งแก้ว”
หวังจินซานหยิบแก้วขึ้นมาชนแก้วกับแขก จากนั้นก็ยกดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
คุณปู่หวังพยักหน้าเล็กน้อย แอบชมลูกหลานของตนเองอยู่ในใจ รู้สึกว่าพวกเขาทำได้ไม่เลว ที่สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับแขกได้ ถ้าอนาคตจะขอความช่วยเหลือจากคนพวกนี้ มันก็จะง่ายขึ้น
“จงเสวียนเป็นคนเก่ง ขอให้มุมานะบากบั่นต่อไป รุ่นนี้จงเสวียนเป็นคนที่โดดเด่นที่สุด ปู่เอ็นดูหลานไม่ผิดคน อนาคตหลานต้องช่วยสนับสนุนน้อง ๆ ให้ทุกคนเจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน”
“คุณปู่โปรดวางใจได้ ผมจะช่วยเหลืองพวกน้อง ๆ จนสุดความสามารถ รวมไปถึงน้องหยุนหลันกับสามีเศษสวะด้วย”
หวังฟางกับกู้เจี้ยนหมินหน้าถอดสี พวกเขาฟังออกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของหวังจงเสวียน ดูเหมือนว่าหวังจงเสวียนยังคงต่อต้านหลี่โม่อยู่
หวังเหมยเหลือบมองไปที่หวังฟางที่ตอนนี้มีสีหน้าไม่สู้ดี กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ช่วยบรรเทาทุกข์ชั่วคราวได้ แต่ไม่สามารถช่วยความจนในระยะยาวได้ จงเสวียนถ้าคุณจะช่วยเขาคุณต้องรู้จักมีขอบเขต ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความหวังดี สุดท้ายเขาอาจย้อนกลับมาเล่นงานคุณ”
หวังจงเสวียนยิ้มอย่างมีชัย “สิ่งที่ป้าพูดถูก ผมรู้จักขอบเขต ผมจะช่วยจัดการให้เขาเปลี่ยนงานใหม่ที่ดีขึ้น ช่วยเขาปรับปรุงทีละขั้น”
หวังฟางกำสองหมัดไว้แน่น กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง หวังจงเสวียนก็เอ่ยปากถามว่า “ป้าเล็ก คนไร้ประโยชน์ของครอบครัวคุณ เอ๊ะ พูดอย่างนี้ไม่ถูก ต้องพูดว่าลูกเขยของครอบครัวคุณ ทำงานที่บริษัทไหน ตำแหน่งอะไร เงินเดือนเท่าไหร่?”
เมื่อได้ยินคำถามของหวังจงเสวียน หวังฟางหน้าแดงดำ แต่ก็ฝืนยิ้ม เธอถือถ้วยน้ำชาและแกล้งทำเป็นว่ากำลังดื่มชา โดยไม่ตอบคำพูดของหวังจงเสวียน
หวังจงเสวียนก็ไม่รู้สึกโกรธ แล้วก็กล่าวอย่างราบเรียบว่า “ผมได้ยินมาว่าลูกเขยป้าเล็กทำงานอยู่ที่ร้านเสริมสวย? งานแบบนี้มันไม่ดี จะต้องหางานดี ๆให้เขา ไม่ทราบว่าลูกเขยของคุณมีวุฒิการศึกษาระดับไหน?”
มือของหวังฟางที่ถือถ้วยชากำลังสั่น เธอกัดฟันอดทนเพื่อไม่ให้ตนเองร้องไห้ออกมา
“ถ้าไม่มีวุฒิการศึกษา การจัดงานให้ค่อนข้างลำบาก ตอนนี้ยังขาดคนทำงานสะอาดห้องน้ำ ผมเห็นว่าเขาเหมาะสมกับงานนี้”
มีคนพูดประโยคนี้ออกมาเพื่อเยาะเย้ย