บทที่ 243 มีตาหามีแววไม่
ท่านหลงจะเสิร์ฟอาหารให้กับหลี่โม่?
เมื่อฟังคำพูดของเฉียวเจิ้งหลง คนของตระกูลหวังต่างก็รู้สึกมึนงง
นี่มันบ้ายิ่งกว่าการที่ให้หนูเป็นเพื่อนเจ้าสาวของแมว!
ทำไมถึงเกิดขึ้นกับหลี่โม่!
มันก็แค่คนกระจอกคนหนึ่ง เรื่องอะไรที่ท่านหลงจะต้องเสิร์ฟอาหารให้กับมันด้วย!
เรื่องอะไรที่คนกระจอกอย่างมันถึงได้รับการกระทำเช่นนี้!
แม้แต่ทุกคนในเมืองฮ่านยังไม่มีใครมีสิทธิ์ที่จะให้คนอย่างท่านหลงมาเสิร์ฟอาหารให้เลย!
คนตระกูลหวังทุกคนวุ่นวายไปหมด พวกเขาทุกคนต่างก็มองไปที่หลี่โม่อย่างไม่น่าเชื่อ
รวมไปถึงแขกในงานต่างตกตะลึงและอธิบายไม่ถูก ทำได้เพียงมองไปที่หลี่โม่ด้วยความประหลาด
“นี่มันเกินจริงไปแล้ว ไหนบอกว่าหลี่โม่เป็นแค่คนกระจอกที่ไร้ปัญญาคนหนึ่ง แล้วทำไมท่านหลงกับท่านเหวินถึงได้เคารพเขาขนาดนี้”
“ถ้าเป็นแค่คน ๆ เดียวที่ให้ความเคารพเขา มันก็อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็เป็นไปได้ แต่นี่มันทั้งท่านหลงกับท่านเหวินเลยนะ มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่เลย”
“อีกอย่างท่านหลงกับท่านเหวินก็เรียกเขาว่าคุณหลี่ด้วย พวกคุณลองคิดดูสิ คนที่ให้ของขวัญสุดพิเศษก่อนหน้านี้ก็ชื่อคุณหลี่เหมือนกัน หรือว่าเขาก็คือ?”
แขกที่มาร่วมงานต่างก็คาดเดากันและสายตาที่มองหลี่โม่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ใบหน้าของหวางจงเหิงถึงกับกระตุก เขามองไปที่หลี่โม่ด้วยความอิจฉาและความเกลียดชัง
“หลี่โม่ไอ้คนเหลือขอ นายช่างกล้าให้ท่านหลงเสิร์ฟอาหารให้ นายยังไม่รีบลุกขึ้นมาบริการท่านหลงอีกเหรอ!”
หวางจงเหิงตะคอกด้วยความโกรธ
เฉียวเจิ้งหลงกลอกตาแล้วหันมองไปที่หวางจงเหิงด้วยสายตาที่เย็นชา จากนั้นก็ปาตะเกียบใส่หน้าเขา
“กล้าพูดจาแบบนี้กับคุณหลี่ได้ไง! อยากตายแล้วใช่ไหม!”
เฉียวเจิ้งหลงพูดด้วยความโมโห!
ตะเกียบที่กระทบกับใบหน้าของหวางจงเหิงจนทำให้เขารู้สึกเจ็บและมองไปที่เฉียวเจิ้งหลงด้วยสายตางงงวย
นี่ผมพยายามเข้าข้างคุณอยู่นะเนี่ย ทำไมไม่เห็นคุณค่าของผมเลย!
หวางจงเหิงแอบนินทาในใจ
แต่ไม่มีใครรู้ว่าหวางจงเหิงคิดอะไรอยู่ สายตาของทุกคนได้แต่จับจ้องไปที่เฉียวเจิ้งหลงที่กำลังแสดงทีท่าอันเคารพต่อหลี่โม่
คุณปู่หวางตกใจยืนอยู่กับที่และไม่กล้าส่งเสียงใดๆ
หวางจินซานกับหวางจินไห่หน้าซีดลงทันที ถ้าหากเฉียวเจิ้งหลงกับอู๋เต้าเหวินรู้ว่าพวกเขาได้กลั่นแกล้งหลี่โม่ก่อนหน้านี้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา!
หวางจงเสวียนสีหน้าบูดบึ้ง เขาคิดว่าตัวเองน่าจะได้เป็นจุดเด่นของงานนี้ซะแล้ว แต่ไม่คาดคิดเลยว่าหลี่โม่จะแย่งซีนของเขาภายในพริบตา
หวังเหมยกับลูกสาวและลูกเขยของเธอต่างก็รู้สึกตกใจและมองไปที่หลี่โม่ด้วยความกลัว ราวกับว่าหลี่โม่จะสั่งฆ่าพวกเขาได้ในทุกเมื่ออย่างไรอย่างนั้น
ในขณะนี้ไม่มีใครกล้าดูหมิ่นหลี่โม่อีก ทุกคนต่างก็สงสัยว่าทำไมสถานการณ์ถึงเป็นแบบนี้ได้ คนไร้ค่าอย่างหลี่โม่จะทำให้คนใหญ่คนโตทั้งสองเคารพเขาได้ยังไง!
ก่อนที่ทุกคนจะได้เหตุผลที่สงสัยอยู่ สาวใช้ในบ้านก็วิ่งเข้ามาอีกครั้ง
“คุณท่านคะ แย่แล้วค่ะ……ฉู่ ฉู่จงเทียนหรือท่านเทียนมาแล้วค่ะ! ท่านเทียนยังนำเครื่องประดับมรดกตกทอดที่แกะสลักจากหยกขนาดใหญ่มาด้วยค่ะ”
หือ!
ทุกคนในงานเลี้ยงต่างก็ตกใจอีกครั้ง!
หวางจินซานกับหวางจินไห่ถึงกับสะดุ้งและคิดว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นเริ่มไม่ใช่ข่าวดีแต่เป็นข่าวร้ายอย่างที่สุด
นี่มันไม่ต่างอะไรกับสถานการณ์ก่อนหน้านี้เลย!
คุณปู่หวางหันหลังอย่างกระวนกระวาย จากนั้นมือที่ผอมแห้งของเขาจับแขนของหวางจินซานและหวางจินไห่แล้วพูดว่า “มี……มีแขกผู้มีเกียรติมาอีกแล้ว เร็ว……เร็วเข้า เรารีบออกไปต้อนรับเขา”
คุณปู่หวางเริ่มพูดจาติดขัด จากนั้นลูกชายทั้งสองก็พยุงเขาเดินออกไป หวังเหมยและคนอื่นๆ ก็รีบเดินตามไป
หวังฟางกับกู้เจี้ยนหมินเดินอยู่ด้านหลังสุด สายตาของทั้งสองมักจะมองย้อนกลับไปที่หลี่โม่และแววตาก็เหมือนกำลังมองเห็นผีอยู่ตรงหน้า
ลูกเขยของพวกเขาไร้ค่าอย่างไรหวังฟางรู้ดี แต่สิ่งที่มองเห็นอย่างมหัศจรรย์อยู่ตรงหน้านี้มันหมายถึงอะไรกันแน่!
หลี่โม่ทำให้เฉียวเจิ้งหลงกับอู๋เต้าเหวินเคารพเขาขนาดนี้ได้อย่างไร!
ส่วนกู้หยุนหลันก็มองไปที่หลี่โม่ที่กำลังจดจ่ออยู่กับการกินอย่างตั้งใจ แววตาของเธอก็เต็มไปด้วยความสงสัย
ความสงสัยชิ้นเล็กๆ น้อยๆ ก่อนหน้านี้กำลังก่อตัวขึ้นในใจของกู้หยุนหลันและมันก็ค่อยๆ กลายเป็นความสงสัยชิ้นใหญ่
หลี่โม่คือคนแบบไหนกันแน่?
ซึ่งกู้หยุนหลันยังคิดไม่ถึงไหน ฉู่จงเทียนก็เดินเข้ามาในงานแล้ว
“คุณปู่หวางยังดูแข็งแรงดีนะครับ ขออวยพรให้คุณอายุยืนยาวและสมหวังดั่งปรารถนานะครับ”
ฉู่จงเทียนโบกมือกล่าวทักทายและพูดอวยพร จากนั้นก็เริ่มมองซ้ายมองขวา
ลูกน้องของฉู่จงเทียนสายตาแหลมคมและมองเห็นหลี่โม่ในทันที จากนั้นก็กระซิบพูดกับเขาว่า “คุณหลี่อยู่ตรงนั้นครับท่านเทียน”
ทันทีที่ฉู่จงเทียนเห็นหลี่โม่ ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มอันเคารพขึ้นมา
“ท่านเทียนครับ ขอเชิญท่านนั่งในที่นั่งแขกวีไอพีครับ”
คุณปู่หวางเหมือนพูดคำพูดเดิม ๆ อย่างเบื่อหน่ายและคิดในใจว่าฉู่จงเทียนต้องตรงเข้าไปหาหลี่โม่อย่างแน่นอน
“ผมขอเข้าไปพบคุณหลี่ก่อน ส่วนพวกคุณก็ตามสบายเลยครับ”
ฉู่จงเทียนพูดอย่างเฉยเมย จากนั้นเดินผ่านคนตระกูลหวังและตรงเข้าไปหาหลี่โม่
เมื่อมองไปที่ด้านหลังของฉู่จงเทียน คนตระกูลหวังก็แทบจะน้ำตาร่วง
นี่มันยังใช่งานเลี้ยงวันเกิดของเราอยู่ไหม!
คุณปู่หวางร้องในใจ
แม้เขาจะรู้สึกไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่กล้าผิดใจต่อคนแนวหน้าของเมืองฮ่านทั้งสามคนนี้!
ฉู่จงเทียนเดินเข้าไปหาหลี่โม่ด้วยรอยยิ้ม จากนั้นโค้งคำนับและพูดว่า “ต้องขออภัยที่ผมมาสายครับคุณหลี่ คุณจะทำโทษผมยังไงก็ได้ครับ”
“นั่งตามสบายเลยนะ”
หลี่โม่พูดอย่างเฉยเมย
ฉู่จงเทียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเดินเข้าไปนั่งลงที่ข้างเฉียวเจิ้งหลงด้วยท่าทีที่เคารพ
หลังจากที่ได้เห็นท่าทีที่เคารพของอู๋เต้าเหวินกับเฉียวเจิ้งหลงที่มีต่อหลี่โม่ แขกทุกคนในงานก็เริ่มชินกับภาพนี้แล้ว ฉะนั้นเมื่อเห็นท่าทีของฉู่จงเทียน ทุกคนก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอีก
“ท่านเทียนก็ให้ความเคารพต่อหลี่โม่ด้วยเช่นกัน ผมว่าหลี่โม่คนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือทำไมก่อนหน้านี้คนตระกูลหวังยังมีท่าทีกับเขาแบบนั้นด้วย”
“คนตระกูลหวังตาบอดกันทุกคนเลยเหรอ มีคนพิเศษอยู่ตรงหน้ากลับไม่เห็นค่า ถ้าฉันมีลูกเขยแบบนี้ฉันคงจะยกให้เขาเป็นเทวดาในบ้านไปแล้วล่ะ”
“นี่มันมีตาหามีแววไม่จริงๆ คุณปู่หวางคงต้องรู้สึกผิดอย่างแน่นอน ก่อนหน้านี้ยังยกยอหลานคนโปรดของเขาอยู่เลย ต่อให้เป็นหลานชายคนโตที่ดีที่สุดก็ไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าให้กับหลี่โม่หรอก”
แขกหลายๆ คนเริ่มตาสว่างและเห็นถึงความไม่ปกติของเรื่องนี้แล้ว
คนที่สามารถทำให้คนอย่างฉู่จงเทียนหรือว่าเฉียวเจิ้งหลงให้เกียรติได้ขนาดนี้ เขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน อย่างน้อยๆ ก็เป็นลูกมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ อยู่แล้ว
เมื่อฟังความคิดเห็นของแขกที่มาร่วมงาน สีหน้าของคนในตระกูลหวังแต่ละคนก็แย่ลงเหมือนเพิ่งเสียลุงอันซึ่งเป็นที่รักไปอย่างไรอย่างนั้น
คุณปู่หวางสั่นไปทั้งตัว ถ้าไม่ใช่เพราะลูกชายทั้งสองพยุงตัวเขาไว้ เขาต้องล้มลงกับพื้นอย่างแน่นอน
“นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เสี่ยวฟาง เกิดอะไรขึ้นกับลูกเขยของเธอคนนี้?”
คุณปู่หวางถามอย่างกังวล
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะคุณพ่อ ปกติหลี่โม่ก็แค่คนไร้ค่าคนหนึ่ง”
หวังฟางมองไปที่คุณปู่หวางอย่างกระวนกระวาย
หวางจงเหิงที่ยังอยู่ในสภาพมึนเมาก็หัวร้อนขึ้นมา จากนั้นเดินเข้าไปตวาดใส่หลี่โม่ด้วยความเกลียดชัง “ไอ้เหลือขอ นายยังไม่รีบลุกขึ้นให้คุณปู่มานั่ง ถามจริงนายตาบอดเหรอ!”