บทที่ 248 แผนการชั่วร้าย
กู้เจี้ยนหมินหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาแล้วทำท่าจะอ่าน แต่หูของเขากางออกและพร้อมที่จะฟ้งคำพูดของหลี่โม่
กู้หยุนหลันนั่งลงบนโซฟาแล้วดวงตาที่งดงามคู่นั้นก็จับจ้องไปที่หลี่โม่
หลี่โม่ชงน้ำชาไปด้วยแล้วพูดไปด้วย “ก็ผมเคยช่วยเหลือแกที่โรงพยายาลไงครับ มันเป็นแค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น แต่เฉียนฝูรู้สึกประทับใจแล้วบอกว่าจะตอบแทนผมอยู่ตลอด”
หวังฟางสังเกตสีหน้าของหลี่โม่อย่างละเอียด เมื่อเห็นว่าไม่มีพิรุธเธอจึงถามต่อว่า “แล้วนายช่วยอะไรเขาไว้ล่ะ? คนระดับมหาเศรษฐียังต้องให้นายช่วยเหลือด้วยเหรอ?”
“ตอนนั้นเราเจอกันที่โรงพยาบาล แล้วก็หลานชายของเฉียนฝูร้องไห้งอแงที่โรงพยาบาลอย่างไม่หยุด ผมก็เลยช่วยกล่อมหลานชายให้แกจนหลานชายของแกหยุดร้องไห้ไป แม่ก็รู้ว่าไม่มีคนแก่คนไหนอยากเห็นหลานร้องไห้ จากนั้นเฉียนฝูก็ขอให้ผมช่วยดูแลหลานชายของแกทั้งวัน จนกว่าแกจะตรวจร่างกายเสร็จครับ”
หลี่โม่เล่าอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
หลังจากหวังฟางฟังแล้วเธอก็หยุดเงียบไปสักพัก เธอคิดว่าหลี่โม่คงจะถูกชะตากับเด็กคนนั้น อีกอย่างคนแก่เป็นห่วงลูกหลานก็เป็นเรื่องปกติด้วย ดังนั้นเธอจึงคิดว่าทุกอย่างสมเหตุสมผลดี
กู้เจี้ยนหมินสะบัดหนังสือพิมเบาๆ แล้วพับเก็บ “หลี่โม่เอ๋ย ในเมื่อนายมีโอกาสนี้แล้วนายต้องรักษามันไว้ให้ดีนะ นายต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉียนฝู เพราะเขาเป็นถึงมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในฉู่โจวเลยนะ”
เมื่อพูดถึงมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในฉู่โจว กู้เจี้ยนหมินถึงกับพูดอย่างเน้นย้ำและสายตาที่มองหลี่โม่ก็ดูจริงจังมาก
จากนั้นหวังฟางก็พูดเสริม “เรื่องนี้นายทำถูกแล้ว ในเมื่อเฉียนฝูประทับใจในตัวนาย นายก็ควรรักษามิตรภาพนี้ไว้ให้ดี แล้วถ้านายมีเวลาว่างก็แวะไปหาหลานชายของเฉียนฝู พยายามเข้าหาเขาเยอะๆ”
“ครับ ผมเข้าใจแล้วครับ”
หลี่โม่พยักหน้าตอบ
เมื่อหวังฟางพูดจบ กู้หยุนหลันก็ดึงหลี่โม่เบาๆ และเดินกลับไปในห้อง จากนั้นหลี่โม่ก็เดินตามเธอไปด้วย
หลี่โม่ปิดประตูห้องแล้วถามเธอด้วยรอยยิ้ม “เมียจ๋า เมียมีเรื่องจะคุยด้วยใช่ไหม?”
“บอกมาตรงๆ ว่าคุณกับเฉียนฝูมันยังไงกัน อย่าปิดบังฉัน”
กู้หยุนหลันพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ก็อย่างที่ผมเล่าให้พ่อกับแม่ฟังไง คุณก็ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แล้วเฉียนฝูมาหาคุณทำไม คุยกันตั้งนานอย่าบอกว่าเขาแค่จะมาขอบคุณคุณนะ”
กู้หยุนหลันจ้องตาหลี่โม่และทำเหมือนมองทะลุความคิดของเขาได้
หลี่โม่ยิ้มพูดต่อ “ก็ก่อนหน้านี้เราไม่ได้เตรียมของขวัญวันเกิดไปไม่ใช่เหรอ ผมส่งข้อความให้แกและขอให้แกช่วยเตรียมของขวัญมาให้เรา คุณก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แน่นอนว่าที่เขายอมช่วยเรามันไม่ได้ช่วยฟรีๆ อยู่แล้ว เพราะมันไม่ใช่ของถูกๆ อีกอย่างเขายังยอมช่วยผมด้วย มันต้องมีเงื่อนไขอยู่แล้วสิ เงื่อนไขของเขาก็คืออยากให้ผมช่วยไปดูแลหลานชายเขาบ้าง เพราะหลายวันมานี้หลานชายของเขาอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย คงกลัวเด็กจะเป็นโรคซึมเศร้าล่ะมั้ง”
หลี่โม่พูดพล่ามจนทำให้เป็นเรื่องเป็นราวอย่างน่าเชื่อถือ
แม้กู้หยุนหลันยังคงมีข้อสงสัยอยู่บ้าง แต่หลังจากไตร่ตรองคำพูดของหลี่โม่แล้ว เธอก็เลือกที่จะเชื่อเขา
เงินสำหรับเฉียนฝูนั้นเป็นแค่ตัวเลขเท่านั้น และเงินจำนวนสองสามล้านกับเงินสองสามร้อยก็แตกต่างกันเล็กน้อยสำหรับเขา ดังนั้นเพื่อที่จะให้หลี่โม่ดูแลหลานชายของเขา เงินเพียงแค่สองสามล้านไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย
และสำหรับฉู่จงเทียนทั้งสามก็เป็นเหมือนสุนัขที่วิ่งอยู่ข้างทางในสายตาของเฉียนฝูเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ยากเลยที่พวกนั้นจะเชื่อฟังคำสั่งของเฉียนฝู
เมื่อนึกถึงสิ่งเหล่านี้กู้หยุนหลันก็ถอนหายใจเบาๆ “คนซื่ออย่างคุณก็มีความโชคดีในตัวเหมือนกันนะ ในเมื่อมีโอกาสรู้จักกับเฉียนฝูแล้ว คุณก็ต้องรักษามันไว้ให้ดีนะ”
“อื้ม ๆ ที่รักไม่ต้องห่วงหรอกนะ ผมจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉียนฝูเอง”
หลี่โม่กลบเกลื่อนความลับไว้ได้ ส่วนกู้หยุนหลันก็ลืมความสงสัยในใจและไม่ได้ตั้งคำถามอีก
ในห้องรับแขก หวังฟางลังเลอยู่พักใหญ่ จากนั้นเธอก็เลือกที่จะโทรหาคุณปู่หวางเพื่อเล่าเรื่องของหลี่โม่ให้เขาฟัง
คุณปู่หวางถอนหายใจสำหรับโอกาสที่พลาดไป จากนั้นเน้นย้ำกับหวังฟางว่าให้หลี่โม่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉียนฝูให้ได้
……
ณ รอยัลวันคลับในเมืองเอก
ซูเหวินปินนั่งไขว่ห้างแล้วจุดซิการ์ในมือที่ห้องอาหารวีไอพีที่หรูหราที่สุด
“ฮาวาน่าซิการ์ที่ดีที่สุด เหล่าไป๋ คุณลองสูบดูสิครับ”
เหล่าไป๋ที่นั่งอยู่ตรงหน้าซูเหวินปินมีแผลเต็มตัวและแผลรูปตะขาบที่ดุร้ายอยู่บนใบหน้า นอกจากนี้ยังมีธูปจี้หกจุดบนศีรษะล้านของเขาอีกด้วย
เหล่าไป๋เป็นนักเลงที่ตระเวนก่ออาชญากรรมไปทั่ว เขาอ้างว่าตัวเองเคยเป็นพระในวัดเส้าหลินที่เติงเฟิง แต่ต่อมาเขาทนต่อความยากลำบากของกฎและวินัยไม่ได้ ดังนั้นจึงชวนพี่น้องหลายคนลงจากบนเขาและกลายเป็นนักเลงในทุกวันนี้
ความจริงแล้วเขาจะเคยเป็นพระหรือไม่ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ แต่สิ่งที่ซูเหวินปินรู้นั่นก็คือวิชากังฟูของเหล่าไป๋นั้นไม่ได้เป็นแค่การคุยโม้แต่ยังมีฝีมือที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
“ซิการ์ก็คือพวกคนรวยอย่างพวกคุณชอบอวดกันสินะ คนยากจนอย่างผมไม่ชอบหรอก ผมชอบสูบหงต้าซานมากกว่า”
เหล่าไป๋หยิบบุหรี่หงต้าซานออกมาแล้วคาบไว้ในปาก “คุณบอกประเด็นสำคัญมาดีกว่า เราไม่ได้เพิ่งรู้จักกันนะ”
ซูเหวินปินยิ้มจาง ๆ แล้วหยิบแฟ้มเอกสารให้กับเหล่าไป๋
เหล่าไป๋เปิดดูแฟ้มเอกสารนั้นและเห็นว่าเป็นข้อมูลเกี่ยวกับหลี่โม่และยังมีข้อมูลแนะนำเกี่ยวกับครอบครัวตระกูลกู้อีกด้วย
“ไอ้หมอนี่มันทำร้ายหลานชายผม ผมต้องการให้คุณช่วย จุดอ่อนของมันก็คือเมียของมันกู้หยุนหลัน ผมไม่ขออะไรมาก คุณช่วยจับตัวกู้หยุนหลันแล้วสั่งสอนหลี่โม่ให้เข็ด จากนั้นเอาตัวมันทั้งสองมาให้ผม”
แสงแห่งความเกลียดชังฉายในดวงตาของซูเหวินปินทันที
เหล่าไป๋มองไปที่ซูเหวินปินด้วยความประหลาดใจและถามอย่างสงสัย “คุณก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงเหมือนกัน คุณมีลูกน้องมากมาย แล้วทำไมต้องให้ผมทำเรื่องง่ายๆ แบบนี้ด้วย”
“ไม่ ไอ้หมอนั้นมันไม่ธรรมดา ถ้าผมจัดการมันได้แล้วผมจะมารบกวนนักเลงอย่างคุณทำไม”
ซูเหวินปินรู้สึกขมขื่นในใจ เขาไม่กล้าเล่าเรื่องที่ถูกหลี่โม่เล่นงาน เพราะเกรงว่าถ้าพูดออกไปจะทำให้เขาต้องเสียหน้า
เหล่าไป๋พยักหน้าเบาๆ และคิดในใจว่าซูเหวินปินต้องถูกหลี่โม่เอาเปรียบมาอย่างแน่นอน
แต่เหล่าไป๋เป็นคนห้าวหาญ เขาค่อนข้างดูถูกลูกน้องกระจอกของซูเหวินปิน และเขาก็คิดว่าหลี่โม่น่าจะพอมีฝีมือที่จะจัดการกับคนมากกว่ายี่สิบคนได้
“แบบนี้นี่เอง แล้วราคาล่ะ” เหล่าไป๋ยิ้มพูด
“ห้าล้าน แต่ถ้าคุณได้เงินจากตระกูลกู้ เงินก็เป็นของคุณทั้งหมด”
ซูเหวินปินเหยียดนิ้วทั้งห้าออก
แค่งานลักพาตัวสองคนในราคา 5 ล้านก็ถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยแล้ว
“น้อยไปหน่อย”
เหล่าไป๋ยิ้มแล้วพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก
“คุณว่ามาสิ”
ซูเหวินปินขมวดคิ้วพูด
“สิบล้านถ้วน” เหล่าไป๋ตอบเขาอย่างมั่นใจ
ซูเหวินปินไม่ได้ลังเลใดๆ และพูดอย่างเด็ดขาด “ตกลง แต่พวกคุณต้องจัดการให้เร็วที่สุด”
“วางใจเถอะ ก่อนพระอาทิตย์ตกในวันพรุ่งนี้ผมจะเอาตัวมันทั้งสองมาให้คุณ นี่มันไม่ได้เป็นงานยากอะไรสำหรับผมเลยคุณก็รู้อยู่ไม่ใช่เหรอ”
ซูเหวินปินหยักหน้าและเมื่อนึกถึงคดีต่อเนื่องที่กลุ่มของเหล่าไป๋ทำเขาก็แสดงรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้า
“ถ้าอย่างนั้นผมจะรอฟังข่าวดีจากคุณนะ เดี๋ยวผมจะโอนค่ามัดจำให้คุณทันที”