บทที่ 250 เท่ห์ระเบิด!
“คุณเป็นใคร! คุณทำอะไรกับหยุนหลัน! คุณห้ามทำร้ายเธอนะ มีเรื่องอะไรก็มาลงที่ผม!”
หลี่โม่ตะโกนอย่างเสียงดัง
กู้หยุนหลันถูกลักพาตัวอีกแล้ว ใครเป็นคนทำกันแน่?
หลี่โม่คิดในใจและเดินออกไปนอกบ้านอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะมีฝีมือใคร สิ่งที่เขาจะทำในตอนนี้ก็คือช่วยชีวิตกู้หยุนหลัน
“แหม ๆ รักกันดีจริงๆ เป็นห่วงเมียล่ะสิ แต่เดี๋ยวผมจะให้คุณฟังเสียงเพลงประกอบก่อนนะ”
เหล่าไป๋ยื่นโทรศัพท์ออกไปที่กู้เจี้ยนกั๋วกับคนอื่นๆ ด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข เมื่อเห็นท่าทีของเหล่าไป๋แล้ว ลูกน้องของเขาก็อัดกู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ หนักขึ้น
“อ๊า! โอ๊ย! แมร้งเอ๊ยไอ้หลี่โม่ นายทำให้พวกเราถูกทำร้าย ยังไม่รีบไสหัวมาที่นี่อีก!”
“ไอ้กระจอกหลี่ นายมันตัวเฮงซวยชัดๆ! ถ้านายยังไม่รีบมา เมียนายโดนเล่นแน่!”
“กู้หยุนหลันเธอรีบบอกให้ผัวเธอมาที่นี่ ไม่อย่างนั้นพวกเราต้องตายแน่!”
กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ ตะโกนดุด่าอย่างไม่หยุด และเสียงตะโกนอย่างวุ่นวายนี้ดังขึ้นในสายของหลี่โม่
เมื่อได้ยินเสียงของกู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ ที่ดังขึ้นหลี่โม่ก็นึกถึงสถานที่หนึ่ง นั้นก็คือบริษัท!
มีเพียงบริษัทเท่านั้นที่กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ จะอยู่กับกู้หยุนหลัน มีเพียงในบริษัทเท่านั้นถึงจะมีคนมากมายแบบนี้!
หลังจากที่หลี่โม่มั่นใจแล้วว่ากู้หยุนหลันถูกจับตัวไว้ที่ไหน เขาจึงรีบขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าออกจากบ้านและตรงไปที่บริษัทของตระกูลกู้ทันที
ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นเวลาเข้างานจึงอาจจะทำให้รถติดบนถนนทั้งเส้นได้ และถ้าหากนั่งรถไปคงไปไม่ทันเวลา ดังนั้นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจึงเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด
มือข้างหนึ่งของเขาจับคันเร่งมอเตอร์ไซค์ ส่วนอีกข้างจับโทรศัพท์มือถือเพื่อฟังสถานการณ์ไปด้วย
เหล่าไป๋ปล่อยให้หลี่โม่ฟังไปสักพักจากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มาพูดต่อ “ได้ยินแล้วยังไอ้กระจอก พวกเขาด่านายได้สะใจมากเลยนะ”
“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่!”
หลี่โม่ตะโกนพูดด้วยความโกรธ
“อยากเล่นเกมกับนายสักหน่อย ให้เวลานายสิบนาทีมาที่ห้องประชุมบริษัท ไม่อย่างนั้นเมียนายโดนเล่นแน่ ฮ่า ๆ ๆ ชอบเมียนายจริงๆ ของดีแบบนี้”
เหล่าไป๋กดวางสายแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้ง
“การนับถอยหลังสิบนาทีเริ่มขึ้น พวกนายรีบภาวนาให้ไอ้กระจอกคนนั้นมาถึงตรงเวลาเถอะนะ แต่วันนี้การจราจรไม่อำนวยสักเท่าไหร่สิ บางทีคงต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะมาถึงนะ”
เมื่อฟังคำพูดของเหล่าไป๋ กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ ต่างก็ตัวสั่นอย่างรุนแรงและกลุ่มที่ถูกทำร้ายก็นอนขดตัวเหมือนรังนกกระทาที่เพิ่งเกิดใหม่ในสายลมหนาวและสั่นอย่างไม่หยุด
กู้หยุนหลันได้แต่ก้มหน้าและไม่พูดอะไร ในใจเธอหวังอยากให้หลี่โม่มาให้ทัน แต่อีกใจก็ไม่อยากให้หลี่โม่มาที่นี่
อารมณ์ที่วุ่นวายนี้ทำให้กู้หยุนหลันรู้สึกอึดอัดมาก
……
หลี่โม่ขับผ่านตรอกซอกซอยหลายสายด้วยความเร็วจนสุดขีดและในที่สุดก็มาถึงหน้าประตูบริษัท
เขาเบรกและสะบัดท้ายรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าโดยที่ความเร็วยังไม่ทันลดลงและจากนั้นรถก็ถูกหลี่โม่สะบัดออกไปแต่เขาก็กระโดดลงมาแล้วยืนอยู่ตรงหน้าประตูบริษัทอย่างมั่นคง
ประตูบริษัทที่พังยับเยินและมีอันธพาลสองคนยืนถือไม้เบสบอลแล้วมองมาที่หลี่โม่ด้วยรอยยิ้ม
“ทักษะการขี่ใช้ได้เลยนะ นายก็คือไอ้กระจอกหลี่โม่ใช่มั้ย?”
“ใช่”
หลี่โม่ตอบอย่างเย็นชาแล้วเดินไปที่หน้าประตู
“เฮียไป๋จะพบนายด้วย ไปกับพวกเราซะโดยดี”
หลี่โม่มองไปที่อันธพาลด้วยสายตาเย็นชาจากนั้นชกไปที่อันธพาลทั้งซ้ายและขวาคนละหมัด
อันธพาลทั้งสองยังไม่ทันตั้งตัวและเส้นประสาทของพวกเขากำลังจะสั่งให้มือที่จับไม้เบสบอลแกว่งไม้ออกไปแต่หมัดของหลี่โม่ก็มาถึงก่อนแล้ว
ผั๊วะ!
ผั๊วะ!
อันธพาลทั้งสองยังไม่ทันได้ส่งเสียงใดๆ ก็ถือหลี่โม่อัดจนสลบคาที่ไปแล้ว
หลี่โม่ไม่แม้แต่จะเหลือบมองเขาทั้งสองและเดินตรงเข้าไปในบริษัททันที
จากนั้นหลี่โม่ก็เดินไปถึงห้องประชุมโดยที่ไม่มีสิ่งกีดขวางตลอดทาง
เมื่ออันธพาลเห็นหลี่โม่เดินเข้ามาก็ยิ้มอย่างเย้ยหยันแล้วเปิดประตูให้เขา
“เฮียไป๋ครับ หลี่โม่มาถึงแล้วครับ”
เหล่าไป๋รู้สึกตกใจเล็กน้อยจากนั้นเหลือบมองไปที่นาฬิกาแล้วพูดอย่างไม่พอใจ “ไอ้เปรตนี่ทำไมมาไวจัง! ยังไม่ทันได้เล่นเกมสนุกเลย”
หลี่โม่มองหน้าเหล่าไป๋แล้วเตะไปที่เอวของลูกน้องเหล่าไป๋จนกระเด็นเข้าไปในห้องประชุม
กู้หยุนหลันร้องไห้ด้วยความดีใจ เธอรู้ว่าหลี่โม่จะมาแต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้
กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพราะไม่ต้องเล่นเกมนับถอยหลังสิบนาทีของเหล่าไป๋แล้ว แต่เมื่อเห็นหลี่โม่เตะลูกน้องของเหล่าไป๋จนกระเด็นเข้ามาพวกเขาต่างก็ต้องใจหายอีกครั้ง
ให้ตายเถอะ หลี่โม่คิดจะทำอะไรกันแน่!
มันอยากให้พวกอันธพาลฆ่าพวกเราเหรอ?
“หลี่โม่นายบ้าไปแล้วเหรอ! เราทุกคนเป็นตัวประกันอยู่นะนายรู้ไหม ต่อให้นายไม่เห็นแก่พวกเราทุกคนแต่นายก็ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของหยุนหลันบ้างนะ!”
กู้เจี้ยนกั๋วตะโกนพูดด้วยความตื่นตระหนก
ถ้าหากหลี่โม่ทำให้คนกลุ่มนี้โมโหทุกคนในห้องนี้ต้องถูกฆ่าอย่างแน่นอน
“ไอ้กระจอกหลี่ นายอย่ามาโชว์กร่างแถวนี้ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายจะทำอะไรบ้าๆ ได้ รีบขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้!”
“นายตั้งใจจะดูหมิ่นพี่เขาเพื่อจะให้พวกเราถูกฆ่าใช่ไหม? ต่อให้เราเป็นผีแล้วเราก็จะไม่ปล่อยนายไปแน่!”
กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ ต่างก็เกลียดหลี่โม่จะเข้ากระดูก ถึงเวลานี้แล้วเขายังจะกล้าสร้างหายนะอีกหรือ นี่มันจงใจฆ่าพวกเราชัดๆ!
แก๊งอันธพาลจ้องมองไปที่หลี่โม่ด้วยความสายตาที่ดุร้าย พวกเขาต่างก็โกรธกับการกระทำของหลี่โม่อย่างที่สุด
รอยแผลรูปตะขาบบนใบหน้าของเหล่าไป๋ถึงกับกระตุกจนบิดไปมาราวกับว่าเขากำลังจะกินคนได้ทั้งคน
“นายช่างกล้าจริงๆ ชีวิตของเมียนายอยู่ที่เรานะ นายยังกล้าทำตัวกร่างอีกเหรอ”
“ชีวิตของพวกคุณก็อยู่ที่ผมเหมือนกัน”
หลี่โม่พูดอย่างเย็นชาแล้วเดินเข้าไปหาเหล่าไป๋
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ กล้าเดินเข้ามาอีกก้าวกูจะฆ่าเมียมึงซะ!”
อันธพาลคนหนึ่งถือท่อเหล็กแล้วชี้ไปที่หัวของกู้หยุนหลัน
กู้หยุนหลันมองไปที่หลี่โม่ด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตาของเธอพร่ามัวไปด้วยน้ำตา
หลี่โม่มาที่นี่ได้ก็เป็นเรื่องที่ซาบซึ้งสำหรับเธอแล้ว
จากนั้นหลี่โม่หยุดเดินแล้วมองไปที่กู้หยุนหลันเพื่อทำให้เธอมั่นใจด้วยสายตาของเขา
เหล่าไป๋มองไปที่หลี่โม่แล้วยิ้มพูดอย่างเย้ยหยัน “ความกล้าของนายมันใช่ได้จริงๆ เลยนะ แต่เสียดายที่ไร้สมองไปหน่อย ไม่แปลกเลยที่พวกมันเรียกนายว่าไอ้คนไร้ประโยชน์”
มุมปากหลี่โม่โค้งขึ้นเล็กน้อยและเขามองไปที่เหล่าไป๋ด้วยรอยยิ้มจางๆ
เหล่าไป๋มองสีหน้าท่าทางของหลี่โม่อย่างประหลาดใจ ดูเหมือนว่าหลี่โม่ไม่ได้รู้สึกกลัวเขาเลยแม้แต่นิด
ไอ้หมอนี่มันโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่?
เหล่าไป๋ยังคงมองหลี่โม่ด้วยความสับสนและเริ่มรู้สึกว่าเดาทางหลี่โม่ไม่ถูกแล้ว
ที่ผ่านมาคนที่ถูกเหล่าไป๋จับตัวไว้ก็จะมีท่าทีเหมือนพวกกู้เจี้ยนกั๋ว พวกเขาจะแสดงความกลัวออกมาจากใจและยิ่งถ้าถูกข่มขู่พวกเขาก็จะกลัวจนฉี่ราดไปเลย
แต่หลี่โม่ที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันกลับแตกต่างจากคนอื่นๆ เขาดูนิ่งจนเหมือนเขาไม่กลัวอะไรเลย ที่ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าทุกอย่างยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอีกด้วย