บทที่ 251 ระวังรอบคอบปลอดภัยหมื่นปี
“ลุย ตีจนทำให้พ่อกับแม่มันจำมันไม่เลย!”
เหล่าไป๋คำราม
เหล่าไป๋รู้สึกว่าหลี่โม่เสแสร้งตลอด การเสแสร้งดังกล่าวกำลังจะถูกเปิดเผยอย่างรวดเร็วภายใต้หมัดของเขา และหลี่โม่ทำได้เพียงคุกเข่าร้องไห้ขอร้องขอความเมตตาเท่านั้น
กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆต่างรอคอยที่จะได้เห็นหลี่โม่ถูกทำร้าย
เมื่อสักครู่เขาถูกข่มขู่และถูกทำร้ายเพราะหลี่โม่ สิ่งเหล่านี้ต้องคืนให้หลี่โม่เป็นสิบเท่าร้อยเท่า!
พวกอันธพาลกู่ร้อง ถือไม้เบสบอลและท่อนเหล็ก พุ่งทะยานเข้ามาหาหลี่โม่
ชายร่างกำยำที่ยืนอยู่หลังเหล่าไป๋ ยิ้มเยาะและกล่าวว่า “พี่ไป๋ พวกเรามาพนันกันเถอะ ลองทายดูว่าไอ้เศษสวะจะอยู่ได้สักกี่วินาที?”
นี่เป็นเกมที่เหล่าไป๋กับพี่น้องพวกนี้ชอบเล่นที่สุด ที่ผ่านมาส่วนมากเหล่าไป๋จะเป็นฝ่ายชนะ
เหล่าไป๋เม้มริมฝีปากของเขาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันเห็นสายตาของผู้ชายคนนี้มีความแกร่ง คิดว่าเขาสามารถยืนหยัดได้อย่างน้อยสามนาที”
“เฮ้ พี่ไป๋ประเมินมันสูงเกินไปแล้ว แม้ว่าอันธพาลเหล่านี้จะมีฝีมือปานกลาง แต่พวกมันก็ไม่ธรรมดา ฉันคิดว่าไอ้เศษสวะสามารถยืนหยัดอยู่ได้นานที่สุดก็หนึ่งนาที”
“หนึ่งนาทีก็มากเกินไปแล้ว ฉันเริ่มจับเวลาตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ฉันเดาว่าไอ้เศษสวะไม่สามารถยืนหยัดได้ 30 วินาที มีเกมหนึ่งเรียกว่าผู้ชายยืนหยัดได้ 30 วินาที ก็เหมาะที่จะใช้มาวัดไอ้เศษสวะคนนี้”
ศิษย์น้องของเหล่าไป๋หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เริ่มจับเวลา
“พวกแก ถ้าแพ้แล้ว เลี้ยงข้าวฉันคนล่ะหนึ่งเดือน”
เหล่าไป๋กล่าวอย่างราบเรียบ
“ไม่มีปัญหา ครั้งนี้ฉันชนะแน่นอน”
ขณะที่ชายร่างกำยำที่จับเวลากำลังพูดอยู่ มีอันธพาลสองคนถูกทำร้ายและกระเด็นออกจากฝูงชน
“แม่งฉิบ ไอ้เศษสวะนี่ก็โหดร้ายไม่น้อย ถูกล้อมจู่โจมยังสามารถทำให้คนกระเด็นออกมาได้”
เหล่าไป๋และคนอื่น ๆ มองไปที่หลี่โม่ที่อยู่ในวงล้อม พวกเขาเห็นหลี่โม่พุ่งไปซ้ายขวา มือทั้งสองข้างถือท่อนเหล็กที่แย่งมา เขาเหมือนดั่งปลาได้น้ำแม้จะอยู่ภายใต้การล้อมของพวกอันธพาล นึกไม่ถึงเลยว่าเขาคนเดียวจะปราบอันธพาลได้ทั้งกลุ่ม
“ฉิบหาย มันเป็นคนไร้ประโยชน์จริงหรือ? ด้วยทักษะฝีมือของมัน เจ๋งเกินไปแล้วมั้ง”
“เห็นทีคราวนี้จะเจอคนจริงสักแล้ว ถึงว่าทำไมทางโน้นไม่กล้าลงมือ แสดงว่าพวกเขาเคยตกเป็นเบี้ยล่าง นั่นเป็นเหตุผลที่จ้างพวกเรามา”
เมื่อเหล่าไป๋ได้ยินคำพูดของศิษย์น้องทั้งสองคน รู้สึกกังวลนิดน้อย ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “พวกแกดูให้ละเอียด หาจุดอ่อนและช่องโหว่ของไอ้หมอนี้ อีกสักครู่เมื่อพวกเราลงมือจะได้มีเป้าหมายที่แน่นอน”
“ไม่ใช่มั้ง ฉันคิดว่าเขาน่าจะเก่งได้แค่นาทีเดียว อีกสักครู่เมื่อร่างกายหมดแรง ต้องแรงแพ้แน่นอน”
ถึงแม้ว่าตอนนี้ท่าทางหลี่โม่จะแข็งแกร่ง แต่ว่าเหล่าไป๋และศิษย์น้องมีอคติไม่ได้เห็นหลี่โม่อยู่ในสายตา เพราะทุกคนก็เป็นคนฝึกวิชา และเคยเห็นโลกกว้าง มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในการต่อสู้
การต่อสู้เป็นการทำให้เสียพลังกายเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะอยู่ในสภาวะเครียดทางจิตใจก็ตาม แต่มักจะไม่รู้สึกเหนื่อย แต่นั่นเป็นเพียงความรู้สึกทางจิตวิญญาณเท่านั้น
มีคนมากมายที่ล้มกะทันหันในขณะกำลังต่อสู้ เพราะพลังกายไม่เพียงพอ เมื่อพลังทางกายภาพหมดลง แม้ว่าจิตวิญญาณจะตื่นตัว แต่ร่างกายก็จะบอกว่าไม่ไหวแล้ว
ตอนนี้หลี่โม่สู้เต็มที่ ดังนั้นเหล่าไป๋และศิษย์น้องคำนวณว่าพลังกายของหลี่โม่ยืนหยัดอยู่ได้อีกไม่นาน
ยอดฝีมือที่แท้จริงจะควบคุมจังหวะของการต่อสู้ ประหยัดพลังงานทางกายภาพให้มากที่สุด เพื่อให้สามารถต่อสู้ได้เป็นเวลานาน
เหล่าไป๋เข้าใจความหมายของศิษย์น้อง แต่ว่าเห็นหลี่โม่ยิ่งต่อสู้ยิ่งมีพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้อาจจะไม่เหมือนคนปกติ
ทั้งหมดนั่นเพราะสายตาเมื่อสักครู่ของหลี่โม่ สายตาแบบนั้นทำให้เหล่าไป๋ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกนั้นได้
“การระวังรอบคอบจะปลอดภัยตลอด ถ้าหากพวกแกสองคนอยู่ในสถานการณ์นั้น พวกแกสองคนสามารถทำได้เท่านี้ไหม?”
เมื่อเหล่าไป๋พูดจบก็ชี้ไปที่พื้น ตอนนี้มีอันธพาลหลายสิบคนนอนกองอยู่บนพื้น ทุกคนคลุมหัวใจแล้วคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด ไม่มีแม้แต่แรงที่จะลุกขึ้น
ศิษย์น้องสองคนลังเลสักครู่ จากนั้นก็ส่ายศีรษะ ภาพเช่นนี้คงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่ามันให้ตาย และเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่ามันไม่ตาย
กู้หยุนหลันจ้องเขม็งไปที่หลี่โม่ กังวลว่าหลี่โม่จะได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้ว่าจะเห็นหลี่โม่เป็นฝ่ายทำร้ายพวกเขาหลายครั้งแล้ว แต่ว่าภายในใจของกู้หยุนหลันยังคงกังวลอย่างไม่สามารถควบคุมได้
เมื่อเห็นพวกอันธพาลถูกหลี่โม่ทำร้ายจนกระเด็นออกมา ในใจของกู้หยุนหลันจึงรู้สึกสงบลงนิดหน่อย
กู้เจี้ยนกั๋ว กู้เจี้ยนเจียงและคนอื่น ๆ ทุกคนต่างจ้องเขม็งจนลูกตาใหญ่เท่าไข่ห่าน และอารมณ์สับสนวุ่นวายราวกับสายลมที่พัดกระหน่ำ
พวกเขาแทบไม่กล้าเชื่อภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ทำไมหลี่โม่ถึงต่อสู้ได้เก่งเช่นนี้?
นี่ใช่ไอ้เศษสวะที่ถูกคนอื่นด่าว่าดูถูกเหยียดหยามหรือเปล่า!
แต่ว่าความคิดเช่นนี้ได้แทนที่ด้วยความโกรธอย่างรวดเร็ว กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆรู้สึกว่า ถ้าหลี่โม่ต่อสู้เก่งขนาดนี้ ทำไมไม่มาช่วยพวกเขาตั้งแต่แรก และทำไมเขาไม่กำจัดคนพวกนี้ก่อนที่ภัยพิบัติถึงตัว
ทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของหลี่โม่ เพราะหลี่โม่ทำให้ทุกคนต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!
“ไอ้พวกกากที่อ่อนแอ เมื่อสักครู่ที่ทำร้ายพวกเรามีพลังเยอะนี่ ทำไมเวลาต่อสู้กับหลี่โม่ถึงได้กากขนาดนี้!”
กู้เจี้ยนกั๋วกล่าวอย่างดุเดือด
กู้เจี้ยนเจียงสะบัดหมัดของเบา ๆ “ตีหลี่โม่ให้ตายเลย ตีไอ้เศษสวะนี้ให้ตาย จะได้ไม่สามารถก่อเรื่องในอนาคตอีก ควรจะฆ่าเขาให้ตายตั้งนานแล้ว!”
ดวงตาของกู้ซิงเว๋ยสีแดงก่ำ เขาภาวนาอย่างเงียบ ๆ อยู่ในใจ ภาวนาขอให้พวกอันธพาลฆ่าหลี่โม่ให้ตายโดยเร็ว อย่าให้ไอ้เศษสวะอวดเก่งอีกต่อไป
แต่ว่าเรื่องไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใจหวัง ขณะที่พวกเขาอยากให้เหล่าอันธพาลฆ่าหลี่โม่ให้ตาย หลี่โม่สวิงเตะ และใช้ไม้สองท่อนหวดไปมา ทำให้อันธพาลทั้งหกคนกระเด็นออกมา
หลี่โม่ยืนนิ่งอยู่ที่จุดเดิม มองไปที่เหล่าไป๋ด้วยสายตาเย็นชา
เหล่าไป๋ยกขาของเขาที่นั่งไขว่ห้าง แล้วกลับมานั่งในท่าปกติ กล้ามเนื้อในร่างกายค่อยๆแน่นตรึง ร่างกายกำลังสะสมพลังงาน เหมือนเสือดุร้ายที่เตรียมตัวต่อสู้
“หนึ่งนาทีห้าสิบสองวินาที ความเร็วนี้เหนือความคาดหมายจริง ๆ พวกเราแพ้การเดิมพันในครั้งนี้แล้ว”
ศิษย์น้องของเหล่าไป๋มองนาฬิกาจับเวลาบนโทรศัพท์ที่หยุดนับ และเขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
นักเลงอันธพาลที่มีประสบการณ์โชกโชนหลายสิบคน ต่อสู้กับหลี่โม่ได้ไม่ ถึง 3 นาที ผลลัพธ์นี้ทำให้อันธพาลอย่างเหล่าไป๋รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ถามตนเองว่า ถ้าตนเองต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นเดียวกับของหลี่โม่ในตอนนี้ เหล่าไป๋รู้สึกว่าแม้ว่าเขาจะสามารถฆ่าอันธพาลเหล่านั้นได้ ตนเองก็จะต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส
แต่หลี่โม่ล่ะ หลี่โม่ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
เหตุการณ์ดังกล่าวทำเหล่าไป๋ให้เกิดความรู้สึกไร้พลังในหัวใจ ดูเหมือนว่าสิ่งต่าง ๆ จะไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ เทพเจ้าแห่งโชคชะตาเหมือนจะไม่อยู่ข้างเหล่าไป๋ และกำลังจะอยู่ข้างหลี่โม่
“หลี่โม่ แกอยู่เหนือความคาดหมายจริง ๆ แต่แกคิดว่าเช่นนี้ก็จะสามารถช่วยเมียของแกได้หรือ?”