บทที่ 253 ผูกใจเจ็บ
เมื่อส่งกู้หยุนหลันเรียบร้อยแล้ว หลี่โม่กลับมาที่ห้องประชุมอีกครั้ง ตอนนี้เขายืนอยู่หน้าเหล่าไป๋ที่ขณะนี้นอนตัวงอเหมือนกุ้ง
หลี่โม่ดึงผมของเหล่าไป๋ แล้วยกศีรษะของเหล่าไป๋ขึ้นมา
เหล่าไป๋ลืมตาของเขาอย่างอ่อนแรง มองไปที่หลี่โม่ ซึ่งตอนนี้เขารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก
“พูด”
คำที่ง่าย ๆ เพียงคำเดียว ออกมาจากปากของหลี่โม่ แต่ดูเหมือนเป็นการบีบบังคับ
เหล่าไป๋รู้ว่าถ้ายังแกล้งทำเป็นโง่ และปากแข็ง เกรงว่าตนเองจะตายได้ทุกเวลา
“คือ คือซูเหวินปิน ซูเหวินปินให้พวกเราลักพาตัวพวกคุณสองคนผัวเมีย แล้วส่งพวกคุณไปให้เขาที่เมืองเอก ด้วยค่าจ้างสิบล้าน”
“ซูเหวินปิน!”
แววนักฆ่าปรากฏตัวในดวงตาของหลี่โม่
เดิมหลี่โม่คิดว่าเรื่องของตระกูลซูน่าจะจบลงแล้ว ไม่ได้คิดจะฆ่าล้างตระกูลซู แต่สิ่งที่ตระกูลซูกำลังทำอยู่ ทำให้หลี่โม่มีความคิดที่จะฆ่าล้างตระกูลซู
เรื่องที่ทำเกินไปก็ช่างมันได้ แต่เรื่องที่คิดจะทำร้ายกู้หยุนหลันอีก นี่เป็นสิ่งที่หลี่โม่ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
“ดีมาก ฉันจะไว้ชีวิตหมา ๆ ของแก ต่อไปให้กลับตัวเป็นคนดี ถ้าฉันเห็นแกยังทำความชั่วอีก ก็รอลงนรกเถอะ”
หลี่โม่ปล่อยมือจากศีรษะของเหล่าไป๋ หันหลังแล้วเดินออกไปจากห้องประชุม
กู้ซิงเว๋ยพาคนที่เกี่ยวข้อง เดินผ่านหน้าหลี่โม่ เพื่อไปยังห้องประชุม
ไม่ช้าเหล่าไป๋และคนอื่น ๆ ก็ถูกลากออกไปและส่งขึ้นรถ
กู้ซิงเว๋ยจ้องมองไปที่หลี่โม่ แล้วกล่าวด้วยความเกลียดชังว่า “แม่ง คนไร้ประโยชน์ที่ชอบก่อเรื่อง ตามฉันไปที่สำนักงาน พ่อของฉันอยากจะพบคุณ”
“ผมต้องไปดูแลภรรยา ไม่มีเวลา”
หลี่โม่ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
“ดูแลเหี้ยอะไร ภรรยาของคุณไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้เหลือแต่คุณคนเดียว รีบไปซะ”
กู้ซิงเว๋ยสะบัดมือแล้วก็เดินจากไป หลี่โม่จำใจเดินตามหลังกู้ซิงเว๋ย เพื่อเดินไปที่สำนักงานของกู้เจี้ยนกั๋วด้วยกัน
กู้เจี้ยนกั๋วกำลังสูบบุหรี่ในห้องทำงานด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด กู้เจี้ยนเจียงกำลังตำหนิกู้หยุนหลันอยู่
“คุณกับสามีไร้ประโยชน์ของคุณทำบ้าอะไรอยู่! พวกคุณอยากให้ทุกคนในตระกูลต้องหายนะใช่ไหม?”
“เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ถ้ามันเกิดขึ้นอีกครั้ง อาจจะไม่โชคดีเหมือนวันนี้ เริ่มตั้งแต่เรื่องของคุณโอหยาง จนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ คุณดูสิว่าพวกคุณได้ก่อปัญหามากขนาดไหน”
หลี่โม่เดินเข้ามาที่สำนักงาน แล้วมองไปที่กู้เจี้ยนเจียงด้วยสายตาที่เย็นชา
กู้เจี้ยนเจียงตัวสั่น รู้สึกเหน็บหนาวไปทั่วร่างกาย
ภาพที่หลี่โม่ทำร้ายอันธพาลหลายสิบคนยังปรากฏอยู่ในใจของกู้เจี้ยนเจียงสำหรับเศษสวะที่บ้าคลั่งเช่นนี้ กู้เจี้ยนเจียงรู้สึกว่าตนเองหุบปากไว้จะดีกว่า ถ้าหากล่วงเกินหลี่โม่ ไม่มีใครรู้ว่าเขาจะระเบิดอารมณ์หรือไม่
กู้เจี้ยนกั๋วเอาก้นบุหรี่ ไปขยี้ในที่เขี่ยบุหรี่ แล้วเหล่ไปมองหลี่โม่
“เรื่องวันนี้ พวกเราต้องการคำอธิบายจากคุณ! มีคนบุกเข้ามาในบริษัท และจับพวกเราเป็นตัวประกัน สรุปพวกคุณสร้างปัญหาอะไรไว้!”
กู้หยุนหลันมองไปที่หลี่โม่ จากนั้นก้มหน้าไม่พูดอะไร
หลี่โม่เดินไปอยู่ที่ข้าง ๆกู้หยุนหลัน แล้วกล่าวอย่างราบเรียบว่า “คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องนี้ผมจะจัดการแก้ปัญหาเอง”
“บังอาจ!”
กู้เจี้ยนกั๋วหยิบที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะ เขวี้ยงมันออกไปตรงข้างเท้าของหลี่โม่ด้วยความโมโห
เพล้ง!
ที่เขี่ยบุหรี่แตกกระจายไปทั่วพื้น
“คุณคิดว่าคุณเป็นใคร! เรื่องใหญ่ขนาดนี้ คุณจำเป็นต้องอธิบายให้พวกเราเข้าใจ สรุปแล้วคุณไปล่วงเกินใครไว้! คุณจะไปจัดการแก้ปัญหาเอง เศษสวะอย่างคุณ อย่างมากที่สุดก็ทำได้แค่ชกต่อย คุณจะมีปัญญาจัดการแก้ปัญหาอะไรได้!”
กู้เจี้ยนกั๋วคำราม ระบายความโกรธในใจออกมา
หลี่โม่ยิ้มจาง ๆ “ถึงพูดออกมาพวกคุณก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แล้วยังต้องอกสั่นขวัญแขวนอีก ที่ผมทำก็เพื่อพวกคุณน่ะ”
กู้ซิงเว๋ยมองท่าทางของหลี่โม่ อดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นมา แล้วกล่าวว่า “คนไร้ประโยชน์อย่างแกยังจะเสแสร้งอีก! สร้างปัญหาใหญ่ขนาดนี้ยังมีหน้าเสแสร้งอีก แม่ง ฉันอยากจะฆ่าแกให้ตาย”
“กู้หยุนหลัน! คุณควรจะอบรมสามีที่ไร้ประโยชน์ของคุณให้ดี ให้เขาเล่าเรื่องทุกอย่างโดยเร็ว นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องของพวกคุณ เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตของทุกคนในตระกูล!”
ในใจของกู้ซิงเว๋ยเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ซ้ำอีกครั้ง เขาต้องประสาทเสียแน่นอน
จำเป็นต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จากนั้นจะได้หาวิธีแก้ปัญหา
สำหรับวิธีการแก้ปัญหาของพวกเขาก็คือ บีบบังคับให้กู้หยุนหลันกับหลี่โม่ไปขอโทษ หรือแม้กระทั่งส่งมอบพวกเขาให้ตระกูลซู
ในใจของกู้หยุนหลันเห็นด้วยกับความคิดของหลี่โม่ หลังจากผ่านเรื่องราวของคุณโอหยาง กู้หยุนหลันไม่อยากจะเผชิญหน้ากับญาติพวกนี้อีก
เผชิญหน้ากับเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเอง ดีกว่าที่จะให้ญาติพวกนี้ใช้ตนเองเป็นเครื่องต่อรอง
“เรื่องนี้ฉันกับหลี่โม่จะแก้ปัญหาเอง ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรก็จะไม่เอาพวกคุณเข้าไปเกี่ยวข้อง พวกคุณได้โปรดมั่นใจ” กู้หยุนหลันก้มหน้าแล้วกล่าว
“แม่งฉิบ พวกคุณสองผัวเมียได้คืบจะเอาศอก คิดว่าพวกเราไม่กล้าจัดการพวกคุณจริง ๆหรือ!”
กู้ซิงเว๋ยคำรามเสียงดัง
กู้เจี้ยนกั๋วตะคอกเสียงดัง และสนับสนุนคำพูดของกู้ซิงเว๋ย “หยุนหลัน ให้โอกาสพวกคุณพูด ถ้าพวกคุณไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ ก็อย่าโทษว่าฉันไม่เกรงใจ!”
“สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปแล้ว ฉันกับหลี่โม่จะแก้ปัญหาเอง”
กู้หยุนหลันกล่าวอย่างหนักแน่น
กู้ซิงเว๋ยเดินไปอยู่ข้างหน้ากู้หยุนหลัน กล่าวอย่างเกลียดชังว่า “แม่งฉิบหาย ให้เกียรติพวกคุณ แต่พวกคุณไม่รับเกียรติ คุณว่าตนเองเป็นคนใหญ่คนโตหรือ แม่ง คุณมันเป็นแค่อีดอกเท่านั้น!”
“ถึงตอนนี้แล้วพวกคุณยังจะเสแสร้งทำไม คิดว่าตนเองเป็นคนสูงศักดิ์หรือยังไง! แม่ง คุณเป็นความอัปยศอดสูของตระกูลเรา นับตั้งแต่คุณแต่งกับไอ้เศษสวะ ตระกูลของพวกเราก็กลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น แม่ง ฉันอยากจะตีคุณให้ตายเสียจริง!”
กู้ซิงเว๋ยโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เขายกมือตบไปที่หน้าของกู้หยุนหลัน
ก่อนที่มือของกู้ซิงเว๋ยจะไปถึงหน้าของกู้หยุนหลัน หลี่โม่ขยับตัวแล้วเตะไปที่ท้องของกู้ซิงเว๋ย ทำให้ร่างของกู้ซิงเว๋ยกลิ้งลงไปที่พื้น
“รนหาที่ตาย”
หลี่โม่กล่าวด้วยเสียงเยือกเย็น
กู้ซิงเว๋ยรู้สึกเจ็บปวดที่ท้องเป็นอย่างมาก มีเหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา “เหี้ย! ไอ้เศษสวะแกกล้าเตะฉัน พวกคุณสองคนคอยดู อย่าคิดว่าพวกคุณจะมาวางอำนาจที่นี่ได้!”
กู้เจี้ยนกั๋วพยุงกู้ซิงเว๋ย เขาเกรงกลัววรยุทธ์ของหลี่โม่ ทำได้แค่ด่าหลี่โม่ลอย ๆ
“ไอ้ลูกหมา แกกล้าลงมือกับลูกกู! พวกคุณสองผัวเมียคอยดู พวกเรากลับไปให้คุณท่านใหญ่เป็นคนตัดสิน พวกคุณสองคนรอถูกไล่ออกจากตระกูล!”
กู้เจี้ยนกั๋วพยุงกู้ซิงเว๋ยเดินออกไปข้างนอก เมื่อกู้เจี้ยนเจียงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่กล้าอยู่ต่อ หันหลังเดินตามกู้เจี้ยนกั๋วสองพ่อลูกไป
“พี่ใหญ่ รอผมด้วย พวกเรากลับไปพร้อมกัน เรื่องนี้ต้องให้คุณท่านใหญ่ออกหน้าให้ พวกเขาเย่อหยิ่งเกินไปแล้ว พวกเขาจะต้องถูกลงโทษ!”
กู้เจี้ยนเจียงเดินออกไปจากประตู ถึงกล้าตะโกนเสียงดัง
กู้เจี้ยนกั๋วที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ และตะคอกด้วยความโกรธว่า “พวกเขาจะต้องตาย! มิฉะนั้นเรื่องนี้จะไม่จบ!”