ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนที่ห้องพักของตน แต่ฮั่วเจี้ยนเฟิงแค่กลับไปวางสัมภาระแล้วรีบตรงเข้าไปหากู้หยุนหลันที่ห้องพักของเธอ
กู้หยุนหลันที่กำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนโซฟาเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก็รีบเดินไปเปิด
“หยุนหลัน ผมเห็นสีหน้าคุณไม่ค่อยดีก็เลยแวะเข้ามาหาคุณหน่อย คุณอยากให้ผมเรียกหมอนวดมานวดผ่อนคลายให้คุณไหม”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดไปด้วยแล้วเดินเข้าประตูห้องของกู้หยุนหลันไปด้วย กู้หยุนหลันมองไปที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงอย่างเหลือทนและทำได้เพียงเปิดประตูไว้กว้างๆ
“ปิดประตูสิ จะเปิดประตูไว้ทำไม”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงจงใจถาม
กู้หยุนหลันตอบอย่างเย็นชา “ฉันจะแวะไปหาหลี่โม่ คุณนั่งคนเดียวไปก่อน”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกกังวลและรีบเดินเข้าไปคว้ามือของกู้หยุนหลันเอาไว้ “ไปหาคนไร้ค่าแบบนั้นทำไม ผมมาหาคุณเพราะมีเรื่องจะคุยกับคุณนะ อย่าทำให้ผมเป็นเหมือนโจรสิ”
“คุณมีธุระอะไรจะคุยกับฉันล่ะ ฉันรู้ความตั้งใจของคุณดี ผู้หญิงดีๆ มีให้คุณเลือกตั้งมากมาย คุณก็ไปเลือกสักคนสิ อีกอย่างฉันกับหลี่โม่ก็ไม่มีวันหย่ากันด้วย”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงสีหน้าบูดบึ้งทันที เขารู้สึกว่ากู้หยุนหลันไม่ให้เกียรติตัวเขาเลย
“ไอ้ขยะคนนั้นมีดีอะไรนักหนา คุณก็แค่เป็นห่วงลูกสาวคุณไม่ใช่เหรอ ผมจะดูแลลูกสาวคุณให้ดีและจะดีกว่าคนไร้ประโยชน์คนนั้นอย่างแน่นอน!”
“คุณไม่สามารถแทนที่หลี่โม่ได้หรอก อีกอย่างฉันกับหลี่โม่ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันด้วย ดังนั้นฉันขอโทษด้วยนะ ส่วนคุณก็ควรตามหาความรักที่เหมาะสมสำหรับตัวคุณ”
การปฏิเสธอย่างเด็ดขาดของกู้หยุนหลันทำให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงอดไม่ได้ที่จะกดเธอลงบนเตียงนอน
จากนั้นสองมือเขาถูใบหน้าเพื่อบังคับตัวเองให้สงบลง
แต่ในขณะนี้
หลี่โม่บังเอิญเดินเข้าไปในห้องของกู้หยุนหลันและมองไปที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงด้วยความประหลาดใจ “หยุนหลัน ยังมีงานอื่นอยู่แถวงานประมูลนะ เราไปเดินเล่นกันไหม”
“ไปสิ”
กู้หยุนหลันเดินเข้าไปหาหลี่โม่แล้วจับแขนของเขา
ฮั่วเจี้ยนเฟิงมองไปที่หลี่โม่กับกู้หยุนหลันแล้วพูดด้วยความโกรธ “แล้วเธอจะเสียใจที่อยู่กับคนกระจอกอย่างมัน!”
“ฉันไม่มีวันเสียใจหรอก”
จากนั้นกู้หยุนหลันจุงมือหลี่โม่แล้วเดินจากไป
เมื่อทั้งสองจากไปอย่างไม่เหลือไว้แม้แต่เงา ดวงตาของฮั่วเจี้ยนเฟิงก็ฉายแสงแห่งความเคียดแค้นออกมา “กู้หยุนหลัน ผมขอร้องคุณขนาดนี้แล้วยังไม่พอใจอีกเหรอ! ไอ้กระจอกหลี่โม่ สงสังต้องสั่งสอนนายซะบ้างแล้ว!”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเลื่อนดูประวัติการโทรและสุดท้ายนิ้วของเขาก็หยุดตรงที่ชื่อของ เฝิงจื่อฉาย
เฝิงจื่อฉายเป็นหนุ่มรวยอันดับต้นๆ ของเมืองจินไห่ แม้ว่าภูมิหลังทางครอบครัวของเขาจะไม่ใช่ครอบครัวที่มีอำนาจที่สุดในเมืองจินไห่ แต่ด้วยเครือข่ายอันกว้างขวางของเขาจึงไม่มีเรื่องใดที่เฝิงจื่อฉายจะจัดการไม่ได้ในเมืองจินไห่
โดยเฉพาะจางจงหยางที่เป็นคนโด่งดังในอำนาจมืดของเมืองจินไห่ก็เป็นเพื่อนสนิทของเฝิงจื่อฉายอีกด้วย
ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้เฝิงจื่อฉายได้ติดต่อฮั่วเจี้ยนเฟิงเพื่อขอให้เขาช่วยจัดการเรื่องการลงทุน และทั้งสองก็ได้ตกลงกันอย่างราบรื่น ส่วนการมาเข้าร่วมการประมูลหยกครั้งนี้ก็เป็นคำเชิญจากเฝิงจื่อฉายด้วยเหมือนกัน
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็กดปุ่มโทรออกแรงๆ ราวกับว่าเขาสามารถฆ่าหลี่โม่ให้ตายได้ด้วยการกดเพียงแค่ครั้งเดียว
ทันทีที่สายโทรติด เสียงของเฝิงจื่อฉายก็ดังขึ้น “เจี้ยนเฟิง คุณมาถึงเมืองจินไห่แล้วเหรอ?”
“ถึงแล้วครับ พอดีผมมีเรื่องอยากจะรบกวนคุณหน่อย”
“ว่ามาเลย จะเกรงใจผมทำไม ไม่มีอะไรที่ผมทำไม่ได้ในเมืองจินไห่นี้”
เฝิงจื่อฉายพูดอย่างมั่นใจ
เพราะการโอ้อวดนั้นไม่ต้องเสียภาษี ยิ่งเฝิงจื่อฉายก็เป็นคนมั่นใจตัวเองอยู่แล้ว
และแม้ว่าเฝิงจื่อฉายจะไม่สามารถจัดการกับเรื่องใหญ่ในเมืองจินไห่ด้วยตัวเขาเองได้ แต่สำหรับเรื่องใหญ่ทั่วไปแล้วเฝิงจื่อฉายมักจะเป็นคนกลางที่คอยประสานงานให้คนอื่น ดังนั้นด้วยไหวพริบอันชาญฉลาดของเขานี้ก็เป็นเครื่องมือในการหาเลี้ยงชีพที่ดีของเขาด้วย
“ช่วยผมจัดการคนคนหนึ่ง ทางที่ดีอัดมันให้เละไปเลยครับ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดอย่างดุเดือด
“ใครทำอะไรคุณเหรอ? หรือว่าเจอคู่แข่งเข้าแล้ว? ส่งข้อมูลมานะ เดี๋ยวผมจะจัดการให้อย่างเรียบร้อยเลย”
“ผมจะส่งให้ตอนนี้เลยครับ แต่ข้างกายเขามีสาวสวยคนหนึ่ง ช่วยบอกคนของคุณอย่าทำร้ายเธอนะ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดเตือน
ถ้าคนของเฝิงจื่อฉายเผลอทำอะไรกับกู้หยุนหลันเข้า ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็คงยอมไม่ได้เหมือนกัน
เมื่อเฝิงจื่อฉายได้ยินว่ามีสาวสวยด้วย ในใจของเขาก็กระฉับกระเฉงขึ้นมาทันที ส่วนเรื่องของฮั่วเจี้ยนเฟิงที่ตามจีบผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเฝิงจื่อฉายก็พอได้ข่าวเหมือนกัน
ผู้หญิงที่สามารถทำให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงหลงใหลนั้นต้องสวยและดูดีซะแค่ไหน ในตอนนี้เฝิงจื่อฉายเริ่มสนใจในตัวของกู้หยุนหลันแล้ว
“เข้าใจแล้วล่ะ งั้นเดี๋ยวผมไปจัดการด้วยตัวเองก็แล้วกันนะ แล้วผมจะจัดการกับผู้ชายคนนั้นและจะไม่แตะต้องสาวสวยที่ว่าเลย คุณไม่ต้องเป็นห่วง”
เมื่อได้ยินคำพูดของเฝิงจื่อฉายแล้วฮั่วเจี้ยนเฟิงก็รู้สึกโล่งใจทันที หลังจากที่เขาพูดขอบคุณกับเฝิงจื่อฉายแล้วเขาก็ส่งข้อมูลของหลี่โม่ออกไป
เฝิงจื่อฉายที่เห็นข้อมูลของหลี่โม่ก็เตรียมลูกน้องไว้หกคน และเขาคิดว่าคนหกคนนี้ก็สามารถจัดการกับหลี่โม่ได้แล้ว
“ก็แค่ไอ้เด็กกระจอกคนหนึ่ง แต่น่าสนใจดีนะ สงสัยเก่งเรื่องบนเตียงแน่เลย บางทีเราอาจจะให้มันไปเป็นเด็กของพี่หวังได้นะ”
เฝิงจื่อฉายพูดอย่างมั่นใจแล้วพาลูกน้องทั้งหกคนไปที่โรงแรมDH
หลังจากขึ้นไปบนรถอย่างสบายใจ เฝิงจื่อฉายก็ส่งรูปถ่ายของหลี่โม่ให้กับลูกน้องของเขา “ติดต่อพี่น้องที่อยู่แถวโรงแรมDH แล้วให้พวกมันจับตามองผู้ชายคนนี้ไว้”
“รับทราบครับเฮียฉาย”
ลูกน้องคนหนึ่งหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วประสานงานทันที และไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็ได้รายงานของหลี่โม่
“พวกเขาอยู่ที่ตลาดดอกไม้ข้างโรงแรมครับ”
“ดี รีบไปที่ตลาดดอกไม้ ข้าอยากเห็นหน้าคนสวยคนนี้อย่างเต็มทนแล้วสิ”
ดวงตาของเฝิงจื่อฉายเปล่งประกายแสงอันชั่วร้ายขึ้น ถ้าผู้หญิงคนนี้สวยสมคําร่ำลือจริงๆ เขาจะไม่รอช้าอย่างแน่นอน เขาจะเอาผู้หญิงคนนี้กลับไปลิ้มรสก่อน จากนั้นจะส่งตัวไปให้ลูกพี่ใหญ่จางจงหยาง ซึ่งเขาไม่ได้สนใจความรู้สึกของฮั่วเจี้ยนเฟิงเลย
จากนั้นไม่นานรถของเขาก็ขับไปถึงตลาดดอกไม้ ทันทีที่รถจอดลง ลูกน้องของเฝิงจื่อฉายก็รีบลงไปเปิดประตูรถให้เขา เฝิงจื่อฉายที่ลงจากรถสองมือไขว้หลังเหมือนราชาสิงโตที่มีลูกน้องคอยติดตามอยู่และเดินเข้าไปในตลาดอย่างมีสง่า
เจ้าของตลาดดอกไม้ส่วนใหญ่จะรู้จักเฝิงจื่อฉาย เมื่อเห็นเฝิงจื่อฉายเดินผ่านก็รีบพยักหน้ากล่าวทักทายเขาด้วยความเคารพ
แต่เฝิงจื่อฉายไม่ได้สนใจใครทั้งนั้น สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆ เพื่อมองหาหลี่โม่กับกู้หยุนหลัน
เมื่อลูกน้องของเขาที่พบเห็นหลี่โม่ก่อนก็ชี้นิ้วและพูดว่า “เฮียฉายครับ อยู่ตรงนั้นครับ”
“ไป เข้าไปหามัน”
เฝิงจื่อฉายและลูกน้องอีกหกคนเดินเร็วขึ้นเพื่อไล่ตามหลี่โม่กับกู้หยุนหลัน
เมื่อเดินไปถึงตัวของหลี่โม่กับกู้หยุนหลันที่กำลังชมดอกไม้อย่างเพลิดเพลิน ลูกน้องทั้งหกของเฝิงจื่อฉายก็ยืนล้อมทั้งสองทันที