เฝิงจื่อฉายพูดอย่างไม่ละอายใจ แต่ในใจเขายังเคียดแค้นกับการกระทำของหลี่โม่ไม่หาย
ฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เฝิงจื่อฉายสร้างขึ้นมาเอง เขาจึงพูดอย่างซาบซึ้งว่า “เรื่องนี้ถือได้ว่าผมเป็นต้นเหตุเองครับ ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมขอเลี้ยงข้าวคุณเพื่อแสดงความขอโทษนะครับ”
“จะขอโทษทำไมกัน เราเป็นเหมือนพี่น้องกันนะ อีกอย่างเรื่องแบบนี้มันไม่มีใครอยากให้เกิดหรอก คุณอย่าไปคิดมาก”
หลังจากพูดปลอบใจฮั่วเจี้ยนเฟิงแล้วเฝิงจื่อฉายก็หรี่ตาแล้วกระซิบพูดต่อ “แล้วคนที่คุณจะเล่นงานมาแล้วยัง? คุณเห็นเพื่อนๆ ที่มากับผมไหม ผมเชิญพวกเขามาเองนะ จะได้ช่วยกันจัดการไอ้กระจอกคนนั้น เดี๋ยวผมแนะนำให้คุณรู้จักก่อนนะ”
“คุณผู้ชายท่านนี้ชื่อเหอลี่ฉุน เขาคือลูกชายคนที่สองของท่านประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์จินไห่”
“คุณผู้หญิงท่านนี้ชื่อเฝิงเซียวเซียว เป็นลูกสาวคนโตของท่านประธานสำนักการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จินไห่”
“ส่วนคุณผู้ชายท่านนี้ชื่อไป๋เชียนหลี่ เขาคือลูกชายคนโตของท่านประธานสำนักการลุงทนจินไห่……”
หนุ่มสาวกลุ่มนี้ล้วนเป็นลูกเศรษฐีที่มีภูมิหลังใหญ่โตในเมืองนี้ ครอบครัวของพวกเขาล้วนเป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองจินไห่ และมีอีกส่วนหนึ่งยังเป็นถึงผู้นำชั้นสูงในอุตสาหกรรมการลงทุนทางการเงินอีกด้วย
ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย เขาไม่คิดเลยว่าเฝิงจื่อฉายจะให้เกียรติเขาขนาดนี้
“คุณเฝิงใจถึงจริงๆ เลยครับ ผมต้องหาเวลาเลี้ยงข้าวทุกๆ ท่านสักมื้อแล้วครับ ส่วนตัวผมเป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทการลงทุนติ่งซินในเมืองเมืองฮ่านครับ ซึ่งบริษัทของเราก็เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการลงทุนเช่นกันครับ วันหลังต้องขออนุญาตฝากเนื้อฝากตัวแล้วนะครับ”
เหอลี่ฉุนและคนอื่นๆ ก็ได้พยักหน้าตอบและพูดคุยกับฮั่วเจี้ยนเฟิงอย่างเป็นมิตร เนื่องจากเขาเป็นเพื่อนที่เฝิงจื่อฉายแนะนำ
“อะแฮ่ม”
เฝิงจื่อฉายแสร้งไอเบาๆ แล้วพูดกับฮั่วเจี้ยนเฟิง “นี่นะ ท่านนี้เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในเมืองจินไห่ของเรา ท่านมีนามว่าจางจงหยางหรือเรียกเฮียหยางก็ได้ เฮียหยางเป็นเพื่อนสนิทของผม เราเป็นเหมือนพี่น้องในสายเลือด วันนี้ผมจึงเชิญพี่ชายผมคนนี้มาช่วยนายอีกแรง”
ความจริงแล้วเฝิงจื่อฉายไม่จำเป็นต้องแนะนำ ฮั่วเจี้ยนเฟิงก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของจางจงหยางแล้ว ฮั่วเจี้ยนเฟิงรู้ว่าจางจงหยางเป็นถึงหัวหน้ามาเฟียของเมืองจินไห่นี้
“เฮียหยางเองเหรอครับ ผมเคยได้ยินตำนานของเฮียหยางบ่อยมากเลยครับ ผมได้ข่าวว่าเฮียหยางเคยเป็นคนโด่งดังในเมืองฮ่านอีกด้วยนะครับ” ฮั่วเจี้ยนเฟิงยิ้มอย่างประจบสอพลอ
“ฮ่า ๆ ๆ ผมเคยทำงานให้กับท่านเทียนในเมืองฮ่าน หลังจากที่ผมกลายเป็นที่ชื่นชมของท่านเทียนแล้ว ท่านเทียนก็ให้ผมมาสร้างอาณาจักรใหม่ที่เมืองจินไห่แห่งนี้ ซึ่งผมยอมรับว่าท่านเทียนเป็นผู้มีพระคุณต่อผมมาก แกเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผมมีวันนี้ได้”
ในอดีตจางจงหยางเคยเป็นลูกน้องของฉู่จงเทียน เนื่องจากเหตุผลหลายปัจจัยฉู่จงเทียนจึงส่งจางจงหยางมาที่เมืองจินไห่เพื่อจะขยายอาณาเขตของพวกเขา แต่ฉู่จงเทียนไม่เคยนึกคิดเลยว่าจางจงหยางจะมีความสามารถขนาดนี้ เขาสามารถรวบรวมโลกใต้ดินของเมืองจินไห่ให้เป็นหนึ่งเดียวและกลายเป็นราชาแห่งโลกใต้ดินของเมืองจินไห่ได้
แต่ถึงอย่างไรแล้วจางจงหยางก็ยังไม่ลืมบุญคุณของฉู่จงเทียนและยังนับถือฉู่จงเทียนเป็นพี่ชายที่ดีของเขาด้วย
“ต้องขอขอบพระคุณทุกท่านที่มาช่วยผมในวันนี้นะครับ ผมฮั่วเจี้ยนเฟิงจะขอจดจำน้ำใจของทุกๆ ท่านไว้ในวันนี้ และถ้ามีโอกาสผมจะตอบแทนทุกท่านอย่างแน่นอนครับ”
เมื่อเห็นว่าฮั่วเจี้ยนเฟิงยังคงพูดจาสอพลอ เฝิงจื่อฉายเริ่มเบื่อหน่ายและเตะไปที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงเบาๆ “หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว คนที่นายจะจัดการมาแล้วยัง ถ้ามาก็รีบพาพวกเราไปจัดการมันสิ”
“มาแล้วครับ มันอยู่ข้างใน ทุกท่านตามผมมานะครับ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงเดินนำไปก่อน ส่วนเฝิงจื่อฉายที่กำลังเดินตามอยู่ด้านหลังก็หันไปพูดกับเหล่าลูกเศรษฐีที่เดินอยู่ข้างเขา “ไอ้หมอนั่นมันชื่อหลี่โม่นะ จัดการมันอย่าให้ได้ผุดได้เกิด”
“เฮียฉายไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้เราถนัดที่สุดครับ”
ไป๋เชียนหลี่พูดอย่างตื่นเต้น
พวกเขาได้ตีสนิทกับเฝิงจื่อฉาย แถมยังได้รังแกคนอ่อนแออีกด้วย อะไรมันจะดีเช่นนี้
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพาทุกคนเดินไปหาหลี่โม่กับกู้หยุนหลัน จากนั้นเขาก็ยิ้มพูดกับกู้หยุนหลัน “หยุนหลัน ผมพาเพื่อนๆ ที่อยู่ในเมืองจินไห่มาแนะนำให้คุณรู้จัก อนาคตคุณอาจจะมีโอกาสได้ร่วมมือทางธุรกิจกับพวกเขาได้นะ”
แม้กู้หยุนหลันจะไม่สนใจฮั่วเจี้ยนเฟิง แต่เมื่อเธอได้ยินว่ามีความเป็นไปได้ในการร่วมมือทางธุรกิจ เธอจึงลุกขึ้นด้วยความลังเล
ส่วนหลี่โม่ก็ลุกขึ้นแล้วมองไปที่ผู้คนที่ยืนอยู่หลังฮั่วเจี้ยนเฟิง
“หยุนหลัน เขาคนนี้ชื่อว่า……”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงที่กำลังจะแนะนำ แต่ทันใดนั้นเฝิงจื่อฉายก็ผลักเขาออกไป
เฝิงจื่อฉายมองไปที่กู้หยุนหลันด้วยสายตาหื่นกามแล้วยิ้มพูดกับเธออย่างน่าสังเวช “คนสวย เราเจอกันอีกแล้วนะ ี่จะแนะนำตัวกับคนสวยอีกครั้งก็แล้วกันนะ พี่ชื่อเฝิงจื่อฉาย หรือเรียกพี่ว่าเฮียฉายก็ได้”
“ในเมืองจินไห่แห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือว่าเรื่องใหญ่พี่ก็จัดการให้คนสวยได้หมด ไม่ทราบว่าคนสวยทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไรเหรอครับ? แต่ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่สุจริตหรือไม่สุจริต ขอแค่คนสวยมีเฮียฉายคอยหนุนหลัง คนสวยไม่ต้องกลัวใครเลยนะ แต่ถ้าคิดว่ามีพี่แล้วยังไม่มั่นใจพอ คนสวยยังมีเฮียหยางอีกคนนะ”
จางจงหยางมองไปที่กู้หยุนหลันด้วยรอยยิ้ม นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความโลภและความลามก แต่เขาไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนเหมือนเฝิงจื่อฉาย
“พี่ชื่อจางจงหยางครับ คนสวยเรียกพี่ว่าเฮียหยางก็ได้ ถ้ามีอะไรในเมืองจินไห่คนสวยเรียกพี่ได้เลยนะ พี่จัดการให้คนสวยได้หมด”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงที่เห็นฉากนี้ถึงกับทำตัวไม่ถูก ต่อให้ใช้หัวแม่เท้ามองเขาก็จะสามารถมองออกว่าทั้งสองคนนี้มีเลศนัย
แต่ถึงอย่างไรฮั่วเจี้ยนเฟิงก็ไม่กล้าที่ใจร้อน เพราะคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าล้วนเป็นเหมือนหัวมังกรของเมืองจินไห่แห่งนี้ ซึ่งคนอย่างฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่มีปัญญาต่อกรกับพวกเขาได้อย่างแน่นอน
แต่หลี่โม่กลับเดินเข้ามาขวางกู้หยุนหลันไว้เพื่อจะปกป้องเธอ “เอวของคุณหายดีแล้วเหรอ? หรือว่าบทเรียนที่ได้รับยังไม่ลึกซึ้งพอ”
“ให้ตายสิ! ไอ้หมอนี่ นายรู้จักกาลเทศะไหม คนจนกระจอกอย่างนายยังกล้าสั่งสอนเฮียฉายด้วยเหรอ นายช่างกล้าจริงๆ”
“นายปัญหาอ่อนใช่ไหม ที่นี่เมืองจินไห่นะ นายเคยถามไหมว่าที่นี่ถิ่นใคร กล้าพูดจากับเฮียฉายแบบนี้ สงสัยวันนี้นายต้องตายที่นี่แล้วล่ะ”
“คนสวย การที่เฮียฉายกับเฮียหยางปลื้มเธอมันถือว่าเป็นความโชคดีของเธอนะยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ ขอแค่เธอทำตัวดีๆ ต่อหน้าพี่ชายของฉันทั้งสอง ฉันรับรองว่าอนาคตเธอต้องสดใสอย่างแน่นอน ในทางกลับกัน ถ้าเธอยังอยู่กับไอ้คนกระจอกอย่างมัน ชีวิตเธอก็มีแต่ตกต่ำเท่านั้น”
เหอลี่ฉุนพูดด้วยถ้อยคำเสียดสีแล้วมองไปที่หลี่โม่ด้วยความรังเกียจ พวกเธอที่เห็นหลี่โม่แต่งตัวธรรมดาจึงคิดว่าเขาเป็นคนธรรมดาที่ต่ำต้อยและสามารถกลั่นแกล้งเขาได้ตามใจชอบ
จางจงหยางก็มองไปที่หลี่โม่แล้วพูดอย่างเย็นชา “ได้ข่าวว่านายเป็นคนเมืองฮ่านเหรอ?”
“เฮียหยาง มันอยู่ที่เมืองฮ่านครับ มันเป็นลูกเขยที่คอยเกาะครอบครัวของเมียกิน เป็นพวกกระจอกไร้ค่าครับ”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงเอนตัวไปด้านข้างของจางจงหยางแล้วพูดให้เขาฟัง
ซึ่งฮั่วเจี้ยนเฟิงได้วางแผนไว้ในใจแล้ว เขาคิดจะใช้กลุ่มของจางจงหยางเล่นงานกับหลี่โม่ก่อน จากนั้นค่อยช่วยเหลือกู้หยุนหลันจากพวกเขา
ด้วยภูมิหลังทั้งหมดของครอบครัว ฮั่วเจี้ยนเฟิงคิดว่าเขาสามารถรับมือกับจางจงหยางกับเฝิงจื่อฉายได้ ถึงเวลานั้นเขาก็จะกลายเป็นอัศวินขี่ม้าขาวและทำให้กู้หยุนหลันประทับใจในตัวเขาได้อย่างแน่นอน
“เมืองฮ่านก็เป็นถิ่นเก่าของพี่ ถ้านายไม่อยากมีปัญหาก็รีบคุกเข่าขอโทษเราซะ ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่ให้นายได้หายใจในเมืองเมืองฮ่านอีก”
จางจงหยางยิ้มพูดอย่างเย็นชา
แต่หลี่โม่กลับส่ายหัวแล้วยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ไม่เชื่อหรอก”
“แมร้งเอ๊ย! นายยังกล้าไม่เชื่ออีกเหรอ เฮียหยางเคยเป็นมือซ้ายของฉู่จงเทียนเชียวนะ เขาเป็นเหมือนพี่น้องกับท่านเทียนในเมืองฮ่านของพวกนายเลยล่ะ จะบอกให้ฟังนะ ขอแค่เฮียหยางเอ่ยปากพูด ท่านเทียนก็จะเรียกคนมาสั่งเก็บนายได้ทันทีได้เลยล่ะ”
เฝิงจื่อฉายพูดจาข่มขู่
“ฉู่จงเทียนไม่กล้าแตะต้องผมแม้แต่ปลายนิ้วหรอก”
หลี่โม่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“เหอะ ๆ นายคงจะบ้าไปแล้ว ขอแค่ท่านเทียนเอ่ยปากก็สามารถฆ่านายให้ตายเป็นร้อย ๆ ครั้งก็ได้”
ในขณะที่จางจงหยางกำลังพูดอยู่ ทันใดนั้นก็มีเสียงประหลาดเสียงหนึ่งดังเข้ามาจากด้านนอกประตู “ท่านเทียนครับ พวกเขากำลังพูดถึงคุณอยู่ครับ”