เสียงจากข้างนอกไม่ได้ดังมากนัก แต่ชื่อที่เอ่ยถึงนั้นกลับทำให้จางจงหยางและคนอื่นๆ รู้สึกตกใจ
“ท่านเทียนมาเหรอ? ท่านเทียนมาเมืองจินไห่? ทำไมท่านเทียนมาเมืองจินไห่ไม่ติดต่อผมก่อน”
จางจงหยางพึมพำอย่างสงสัย
แต่ความสงสัยของจางจงหยางก็ได้หายไปอย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขาได้เห็นฉู่จงเทียนเดินเข้ามาพร้อมกับชายอ้วนวัยกลางคน
ชายอ้วนวัยกลางคนแต่งตัวเรียบง่ายมาก แต่ใบหน้าที่แดงก่ำของเขาเปล่งประกายความมีฐานะออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ลู่เจี้ยนปินมากับท่านเทียน?”
เฝิงจื่อฉายกระซิบถาม
“ใช่ รีบออกไปต้อนรับท่านเทียนกับข้าที”
จางจงหยางจึงพาเฝิงจื่อฉายและคนอื่นๆ เดินออกไปต้อนรับลู่เจี้ยนปินกับฉู่จงเทียนทันที ส่วนฮั่วเจี้ยนเฟิงก็เดินเข้ามาหาหลี่โม่ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
“ไอ้กระจอก นายก่อเรื่องใหญ่เข้าแล้วสิ มีเรื่องกับหัวหน้ามาเฟียของเมืองจินไห่ไม่พอ ยังดันไปมีเรื่องกับหัวหน้ามาเฟียของเมืองฮ่านอีกด้วย นายรอเก็บศพตัวเองได้เลย”
จากนั้นฮั่วเจี้ยนเฟิงมองไปที่กู้หยุนหลัน “หยุนหลัน เธอเห็นมันสร้างปัญหาแล้วใช่ไหม มันอาจจะกระทบไปถึงครอบครัวตระกูลกู้ของเธอก็ได้นะ แต่ไม่ต้องห่วง คุณก็เห็นว่าผมสนิทกับพวกเขาแค่ไหนแล้วใช่ไหม มีผมอยู่ทั้งคนคุณไม่ต้องกังวลเรื่องครอบครัวเธอหรอกนะ”
กู้หยุนหลันนึกถึงเรื่องในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่หวาง จากนั้นค่อยๆ หันหน้ามองไปที่หลี่โม่
หลี่โม่ยิ้มพูดกับเธอ “คุณเคยเห็นทัศนคติของฉู่จงเทียนที่มีต่อผมแล้ว ไม่ต้องกลัวหรอกนะ”
กู้หยุนหลันพยักหน้าเบาๆ โดยที่ไม่ได้รู้สึกกังวลใดๆ เลย
ฮั่วเจี้ยนเฟิงมองไปที่กู้หยุนหลันอย่างประหลาดใจ เขาสงสัยว่าทำไมกู้หยุนหลันถึงไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกเลย หรือว่ากู้หยุนหลันจะเชื่อคำพูดของไอ้กระจอกคนนั้นจริงๆ?
“หลี่โม่! นายรู้จักคำว่าปลาหมอตายเพราะปากไหม! ยังบอกว่าฉู่จงเทียนมีทัศนคติอะไรกับนายอีก ถามจริงนายเคยเจอตัวจริงของท่านเทียนแล้วเหรอ! อย่าขี้โม้ไปเลย เดี๋ยวคนที่จะซวยตามก็คือหยุนหลัน! ทางที่ดีนายรีบไปคุกเข่าต่อหน้าเฝิงจื่อฉายตอนนี้ จะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง!”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดด้วยความเกลียดชัง
“คุณไม่จำเป็นต้องห่วงผมหรอก ตอนนี้คุณรีบไปเลียแข้งเลียขาเขาเถอะ” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา
“เหอะ ๆ ไอ้กระจอกนายมันไม่รู้ฟ้าจริงๆ หยุนหลัน เธอคอยจับตาดูดีๆ นะว่ามันจะตายด้วยท่าไหน เลือกให้ถูกข้างก็แล้วกัน!”
หลังจากที่ฮั่วเจี้ยนเฟิงพูดจบเขาก็รีบเดินไปหาฉู่จงเทียนและคนอื่นๆ ทันที
ฉู่จงเทียนกับลู่เจี้ยนปินถูกจางจงหยางและคนอื่นๆ ล้อมรอบและกำลังสนทนาด้วยคำพูดที่ไร้ซึ่งประโยชน์อยู่
“ท่านเทียน พี่ทำไมไม่บอกผมว่าจะมาเมืองจินไห่ ผมจะได้ต้อนรับพี่เป็นอย่างดีครับ”
จางจงหยางแสร้งพูดด้วยคำบ่นแต่เต็มไปด้วยการประจบสอพลอ
“เจี้ยนปินเป็นคนเชิญผมเอง ผมก็อยากจะมาเจอเพื่อนเก่าสักหน่อย ถ้าบอกก่อนมันก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่จงเทียน จางจงหยางก็รู้สึกโล่งใจ ขอเพียงแค่ฉู่จงเทียนไม่ถือสาเขาก็เพียงพอแล้ว
ลู่เจี้ยนปินเหลือบมองไปที่เฝิงจื่อฉายและคนอื่นๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “เมื่อกี้ผมได้ยินพวกคุณเอ่ยถึงท่านเทียน พวกคุณกำลังพูดถึงอะไรอยู่ครับ?”
“เมื่อกี้มีคนพูดจาโอ้อวดค่ะ เขาหาว่าท่านเทียนไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวเขาเลยแม้แต่ปลายนิ้ว พวกเราทุกคนต่างก็คิดว่าเขาเสียสติไปแล้ว”
เหอลี่ฉุนยิ้มพูด และเธอคิดว่าถ้าฉู่จงเทียนได้ฟังคำนี้เขาต้องโกรธอย่างแน่นอน
“ฮ่า ๆ ๆ”
ลู่เจี้ยนปินหัวเราะแล้วพูดต่อ “ก็ไม่แปลกนะที่คนในเมืองจินไห่ไม่กลัวท่านเทียน”
ไป๋เชียนหลี่รีบพูดต่อ “ท่านประธานลู่ยังไม่ทราบเองครับ อันที่จริงเขาคนนั้นมาจากเมืองฮ่านครับ ได้ข่าวว่าเขายังเป็นลูกเขยกระจอกที่แต่งเข้าบ้านผู้หญิง วันๆ ไม่ทำมาหากินแถมยังพูดจาโอ้อวดด้วย ดังนั้นพวกเราจึงติเตียนเขาอยู่ครับ”
“อ้าวเหรอ? น่าสนใจดีนะ”
ลู่เจี้ยนปินมองไปที่ฉู่จงเทียนด้วยรอยยิ้ม
ฉู่จงเทียนหรี่ตามองจางจงหยางและคนอื่นๆ จากนั้นพูดเบาๆ “พวกคุณติเตียนเขายังไงเหรอ? แล้วคิดจะทำอะไรเขาต่อ”
เฝิงจื่อฉายคิดว่าฉู่จงเทียนเริ่มรู้สึกโกรธแล้ว เขาจึงคิดว่าควรทำให้ฉู่จงเทียนประทับใจในตัวเขาก่อน และถ้าหากเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉู่จงเทียน อนาคตกิจการของเขาก็จะขยายไปที่เมืองฮ่านได้อย่างราบรื่นแน่นอน
“เราติเตียนมันเป็นขั้นตอนแรกก่อนครับ จากนั้นเราจะจัดการมันให้รู้แล้วรู้รอดไป และหลังจากจัดการมันเสร็จ เราจะให้มันมาคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าท่านเทียน เมื่อมันสำนึกผิดกับท่านเทียนเสร็จแล้วเราก็จะพามันออกไปสั่งสอนต่อที่ข้างนอกครับ”
ฉู่จงเทียนพยักหน้าเบาๆ แล้วหันไปพูดกับจางจงหยางต่อ “แล้วคุณล่ะ คิดจะเอายังไง”
จางจงหยางเริ่มสังเกตถึงความผิดปกติ เขารู้สึกว่าสีหน้าของฉู่จงเทียนดูแปลกจากท่านเทียนที่เขาเคยรู้จัก “ท่านเทียนครับ ผมคิดว่าเราสั่งสอนมันให้สำนึกผิดก็พอแล้วครับ”
“แล้วจะสั่งสอนยังไงล่ะ?”
“อันนี้……”
จางจงหยางครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วพูดต่อ “ตบหน้ามันสักสี่ห้าสิบทีก็พอแล้วครับ”
ฉู่จงเทียนพยักหน้าเบาๆ จากนั้นหันไปพูดกับลู่เจี้ยนปิน “เจี้ยนปิน ผมจะพาคุณไปรู้จักกับใครสักคน”
จากนั้นฉู่จงเทียนก็พาลู่เจี้ยนปินเดินไปหาหลี่โม่ จางจงหยางและคนอื่นๆ ต่างมองหน้ากันด้วยความมึนงง พวกเขาไม่รู้ว่าฉู่จงเทียนกำลังคิดอะไรอยู่
ทุกคนต่างก็จับตามองการเคลื่อนไหวของฉู่จงเทียนและสงสัยว่าฉู่จงเทียนจะลงมือด้วยตนเองใช่หรือไม่
แต่เมื่อฉู่จงเทียนเดินไปถึงตรงหน้าหลี่โม่เขาก็โค้งคำนับและพูดว่า “สวัสดีครับคุณหลี่”
กู้หยุนหลันมองฉู่จงเทียนที่เต็มไปด้วยความเคารพ เธอรู้สึกว่ามันเป็นไปอย่างที่คิดจริงๆ แต่ฉู่จงเทียนจะให้เกียรติหลี่โม่มากเกินไปแล้ว หรือว่ามันเป็นเพราะเฉียนฝูจริงๆ?
จางจงหยางและคนอื่นๆ ถึงกับตะลึงและมองภาพนี้ด้วยความสับสน
ฉู่จงเทียนเคารพคนกระจอกแบบนี้ได้ไง?
แล้วไอ้หมอนี่มันเป็นใครกันแน่!
จางจงหยางกระชากคอเสื้อของเฝิงจื่อฉายมาแล้วพูดอย่างขืมขื่น “ข้อมูลที่นายให้มามันเป็นของปลอมใช่ไหม! นายคิดจะทำอะไร!”
“เปล่า เปล่านะครับ! ผมได้ข้อมูลมาจากเขา!”
เฝิงจื่อฉายชี้ไปที่ฮั่วเจี้ยนเฟิง
ฮั่วเจี้ยนเฟิงถึงกับหน้าซีดและทำตัวไม่ถูกทันที
จากนั้นบอดี้การ์ดร่างใหญ่ที่ยืนอยู่หลังจางจงหยางก็รีบเข้าไปลากตัวฮั่วเจี้ยนเฟิงเข้ามาต่อหาจางจงหยาง
“มันเป็นใครกันแน่!” จางจงหยางกระซิบพูดอย่างโมโห
เหอลี่ฉุนและคนอื่นๆ ก็มองฮั่วเจี้ยนเฟิงด้วยความโกรธ พวกเขาทุกคนต่างก็เหยียบหางเสือและต้องซวยไปด้วยก็เพราะการกระทำของฮั่วเจี้ยนเฟิง
“มัน มันเป็นคนกระจอกจริงๆ นะครับ มันไม่มีภูมิหลังอะไรเลย เป็นแค่ลูกเขยกระจอกคนหนึ่งที่อาศัยอยู่บ้านตระกูลกู้ในเมืองฮ่านจริงๆ นะครับ อีกอย่างตระกูลกู้ก็เป็นตระกูลธรรมดาในเมืองฮ่าน ถ้าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่จริงๆ ผมไม่กล้ายุ่งด้วยหรอก”
จางจงหยางเชื่อในคำพูดของฮั่วเจี้ยนเฟิงและให้บอดี้การ์ดปล่อยเขาลง
หรือว่าฉู่จงเทียนกำลังตบตาอยู่ เขาอยากใช้กลอุบายเพื่อข่มขู่เราและจะยึดครองพื้นที่เมืองจินไห่ของเรา?
แม้ฉู่จงเทียนจะเคยเป็นที่ซึ่งเคารพ แต่คนที่เป็นใหญ่มาตลอดอย่างจางจงหยางก็ต้องให้ผลประโยชน์มาก่อนเป็นที่หนึ่งอยู่แล้ว
จางจงหยางเริ่มใจเย็นลงและจับตามองฉู่จงเทียนเพื่อดูว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร
ลู่เจี้ยนปินที่เห็นฉู่จงเทียนให้ความเคารพกับหลี่โม่ก็ต้องประหลาดใจเช่นกัน เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมฉู่จงเทียนต้องให้ความเคารพต่อชายหนุ่มที่ดูทั่วไปขนาดนี้
“ท่านเทียนครับ คุณหลี่ท่านนี้คือใครกันแน่ครับ?”
ลู่เจี้ยนปินตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“เดี๋ยวคุณก็รู้เอง”
ฉู่จงเทียนตอบสั้นๆ แล้วหันกลับมาที่จางจงหยางและคนอื่นๆ ด้วยสายตาเย็นชา “มานี่ให้หมด แสดงความขอโทษต่อคุณหลี่เดี๋ยวนี้”