ฮั่วเจี้ยนเฟิงอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ฉู่จงเทียนสนับสนุนหลี่โม่ขนาดนี้ ให้ทุกคนขอโทษหลี่โม่ มันอยู่เหนือการคาดหมายของฮั่วเจี้ยนเฟิง
เหอลี่ฉุนและลูกคนรวยคนอื่น ๆ มองไปที่เฝิงจื่อฉาย เฝิงจื่อฉายเป็นคนที่พวกเขาจะประจบ จะทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาของเฝิงจื่อฉาย
เฝิงจื่อฉายตกอยู่ในภวังค์ เขามองไปที่ฉู่จงเทียน จากนั้นก็มองไปที่หลี่โม่ คิดยังไงก็ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างหลี่โม่และฉู่จงเทียนได้
ตามเหตุผลคนที่สามารถทำให้ฉู่จงเทียนเคารพนับถือได้ จะต้องเป็นคนที่มีอำนาจ หรือเป็นคนที่ร่ำรวย
แต่หลี่โม่ไม่เหมือนคนที่มีฐานะร่ำรวย และไม่เหมือนคนที่มีอำนาจ แต่งตัวด้วยชุดธรรมดา ไปไหนก็ไม่มีบอดี้การ์ดคอยติดตาม สิ่งเหล่านี้สามารถพิสูจน์ได้ว่าหลี่โม่เป็นคนธรรมดา แล้วก็เป็นคนธรรมดาที่ยากจน!
“เฮียหยาง คุณคิดว่าจะทำยังไงดี?”
เฝิงจื่อฉายกระซิบถาม
จางจงหยางมีสีหน้าเคร่งขรึม เป็นไปไม่ได้ที่จะให้จางจงหยางขอโทษหลี่โม่
ที่นี่คือเมืองจินไห่ ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของตนเอง ให้ขอโทษคนธรรมดาในเขตอิทธิพลของตนเอง เป็นสิ่งที่จางจงหยางไม่สามารถทำได้
แม้ว่าฉู่จงเทียนจะขอก็ตาม เพราะตอนนี้จางจงหยางไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของฉู่จงเทียนแล้ว แต่เป็นเจ้าพ่อที่มีฐานะเท่าเทียมกันและสามารถตั้งป้อมประจำหน้ากันได้
“ท่านเทียน ผมเคารพคุณในฐานะพี่ใหญ่ แต่จะให้ผมขอโทษเขา มันเกินไปแล้ว”
จางจงหยางจ้องมองไปที่ฉู่จงเทียน คิดว่านี่ต้องเป็นแผนร้ายของฉู่จงเทียน
สีหน้าของฉู่จงเทียนเคร่งขรึม “จงหยาง การให้คุณขอโทษเป็นการช่วยคุณ แค่คุณขอโทษตอนนี้ เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นถือว่าจบกัน มิฉะนั้น การที่คุณล่วงเกินคุณหลี่ เกรงว่าคุณจะได้รับความลำบากเดือดร้อนในอนาคต”
ลู่เจี้ยนปินตกตะลึงจนพูดไม่ออก ซึ่งแตกต่างจากจางจงหยางเป็นชายหนุ่มที่กระฉับกระเฉงทรงพลัง จากคำพูดของฉู่จงเทียน ลู่เจี้ยนปินที่อยู่ในสังคมมานาน เขารู้สึกได้ถึงความที่ผิดปกติมากมายจากคำพูดของฉู่จงเทียน
“ลำบากเดือดร้อน? ลำพังเขา? ผมจางจงหยางเคยเจอความลำบากเดือดร้อนมาทุกรูปแบบแล้ว จะกลัวเศษสวะอย่างเขาได้อย่างไร ท่านเทียนถ้าคุณต้องการให้ผมขอโทษ คุณต้องบอกให้ผมรู้ว่าไอ้หมอนี้เป็นใคร”
จางจงหยางกล่าวอย่างตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่คิดว่าหลี่โม่จะมีภูมิหลังใด ๆ
เฝิงจื่อฉายเห็นว่าจางจงหยางค่อนข้างมั่นใจ ก็หายวิตกกังวลและกล่าวว่า “ท่านเทียน ผมเคารพคุณในฐานะผู้อาวุโส เพียงแค่คุณพยักหน้าก็สามารถฆ่าคนได้แล้ว ถึงแม้ว่าคุณจะฆ่าผม ก็ต้องให้ผมเข้าใจ ให้พวกเรารู้ภูมิหลังพวกเขาอย่างลึกซึ้ง จะได้เต็มใจที่จะขอโทษเขา”
เหอลี่ฉุนและคนอื่น ๆก็รอ จะปฏิบัติตามปฏิกิริยาของเฝิงจื่อฉาย
“ท่านเทียน ที่นี่คือเมืองจินไห่ เป็นเขตอิทธิพลของเฮียหยาง คุณอย่ามาล้ำเส้น พวกเราเคารพคุณในฐานะผู้อาวุโส แต่คุณอย่าอาศัยว่าตนเองมีอายุมากและทำเป็นผู้อาวุโสกว่า เที่ยวดูถูกคนอื่น”
“ไอ้ยาจกคนนี้คงจะไม่ใช่ตัวประกอบที่ท่านเทียนจ้างมาใช่ไหม ผมรู้สึกว่าตัวประกอบที่คุณจ้างมากากมาก ไม่สามารถทำให้พวกเรารู้สึกอยากขอโทษสักนิดเลย”
“ถ้าให้ขอโทษท่านเทียนเรายอมรับได้ แต่ถ้าจะให้ขอโทษไอ้ยาจกนี้ พวกเราทนไม่ได้”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงยิ้มที่มุมปาก คิดว่ากลุ่มคนของเมืองจินไห่ดื้อรั้นจริงๆ กล้าที่จะแข็งข้อกับท่านเทียน เมื่อเป็นเช่นนี้หลี่โม่ก็หยิ่งผยองต่อไปไม่ได้อีก ปล่อยให้เขาเสแสร้งตั้งนาน อีกสักครู่เขาจะต้องถูกจัดการแน่นอน
ลู่เจี้ยนปินเหล่ไปมองหลี่โม่และกู้หยุนหลัน เห็นหลี่โม่นิ่งสงบ กู้หยุนหลันก็ไม่ได้ตกใจ อดไม่ได้จึงพยักหน้าเล็กน้อย
คนที่ไม่ตกใจกับสถานการณ์เช่นนี้ อาจเป็นคนโง่ที่ไม่รู้จักกลัว หรืออาจจะมีไม้ตาย ถึงไม่จำเป็นต้องกลัว
บวกกับปฏิกิริยาที่ฉู่จงเทียนปฏิบัติต่อหลี่โม่ ลู่เจี้ยนปินสรุปแน่ชัดว่าหลี่โม่ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
“จงหยาง คุณคิดให้ดีๆ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่ผมจะให้คุณ ถ้าหากคุณหลี่โกรธขึ้นมา ไม่ใช่ว่าแค่ขอโทษมันก็จะจบได้”
ฉู่จงเทียนกล่าวด้วยเสียงเย็นชา
คนที่ยืนอยู่ข้างหลังจางจงหยางมองไปที่ฉู่จงเทียนด้วยความโกรธ รอแค่จางจงหยางออกคำสั่ง พวกเขาก็จะจัดการฉู่จงเทียน
ลู่เจี้ยนปินกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “จางจงหยาง เฝิงจื่อฉาย พวกคุณถือเป็นรุ่นน้อง ต้องฟังผู้อาวุโส? ถ้าคุณไม่ขอโทษคุณหลี่ ไม่แน่ผมอาจจะช่วยท่านเทียนก็เป็นได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่เจี้ยนปิน จางจงหยางกับเฝิงจื่อฉายสีหน้าเปลี่ยนทันที
ถ้าเพียงแค่ฉู่จงเทียนบีบคั้น จางจงหยางมีความกล้าที่จะต่อกรกับฉู่จงเทียนให้ถึงที่สุด แต่ตอนนี้มีลู่เจี้ยนปินอยู่ข้างฉู่จงเทียน ทำให้สถานการณ์แตกต่างจากเดิม
ลู่เจี้ยนปินเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองจินไห่ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเขาเป็นนักค้าโบราณวัตถุ เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลสำคัญในเมืองมากมาย และเขามีเส้นสายเป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าลู่เจี้ยนปินจะเป็นคนถ่อมตน แต่บนพื้นดินของเมืองจินไห่ เขาเป็นเหมือนราชา แค่เขาโกรธขึ้นมา เมืองจินไห่ก็สั่นสะเทือนไปทั้งเมือง
“คุณอาลู่ คุณเอาจริงใช่ไหม?”
จางจงหยางกัดฟันถาม
ลู่เจี้ยนปินพยักหน้าเล็กน้อย “ผมพูดคำไหนคำนั้น”
“ทำไมคุณถึงช่วยคนไร้ประโยชน์นั้นด้วย เขาเป็นแค่ลูกเขยเศษสวะของครอบครัวชั้นสามในเมืองฮ่าน ที่แต่งตัวธรรมดา แล้วยังเกาะผู้หญิงกิน ช่วยเศษสวะเช่นนี้ ลุงลู่ไม่รู้สึกขายหน้าหรือ?”
จางจงหยางพูดยาวเป็นพรวน คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าลู่เจี้ยนปินทำเพื่ออะไร
ลู่เจี้ยนปินพูดอย่างใจเย็นว่า “นั่นเป็นเพราะว่าคุณมันไม่มีสมอง ท่านเทียนพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว พวกคุณยังฟังไม่เข้าใจ ดูเหมือนว่ารุ่นน้องในเมืองจินไห่เหล่านี้ ล้วนเป็นคนดื้อรั้นไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น”
เมื่อถูกลู่เจี้ยนปินดูแคลน สีหน้าของจางจงหยาง เฝิงจื่อฉายและคนอื่น ๆดูแย่มาก
ในใจของเฝิงจื่อฉายคิดจะถอย ครุ่นคิดว่าจะยอมรับผิดก่อนหรือไม่ แล้วรอจนกว่าการประมูลหินธรรมชาติสิ้นสุดก่อน ค่อยฉีกหน้าหลี่โม่ เวลานั้นฉู่จงเทียนกับลู่เจี้ยนปินก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
ถ้าเวลานี้ยังปะทะต่อเนื่อง เจ้าพ่อของเมืองจินไห่กับเมืองฮ่านทั้งสองร่วมมือกัน เกรงว่าจางจงหยางจะรับมือไม่ไหว
เฝิงจื่อฉายใช้แขนแตะจางจงหยางเบา ๆ และขยิบตาให้จางจงหยาง
“ท่านเทียน ในเมื่อคุณจะให้ผมขอโทษ เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีที่ผ่านมา ผมก็จะขอโทษเขา แต่ว่าผมมีคำพูดจะต้องพูดก่อน หลังจากขอโทษในวันนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผมก็ถือว่าจบกัน ต่อไปทางใครทางมัน”
ลู่เจี้ยนปินหัวเราะเยาะ แล้วส่ายหัว ดวงตาของเขาแสดงความเหยียดหยามจางจงหยาง เขารู้สึกว่าจางจงหยางเป็นคนโง่ เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว แต่เขายังมองสถานการณ์ไม่ออกอีก
“ได้ ต่อไปคุณกับผมจะไม่รู้จักกันและกัน และตอนนี้คุณต้องขอโทษคุณหลี่ ต้องคุกเข่าขอโทษด้วย!”
ฉู่จงเทียนกล่าวด้วยเสียงเย็นชา
“คุกเข่า? คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า ทำไมต้องให้พวกเราคุกเข่าให้ไอ้ยาจกด้วย! เฮียหยาง เฮียฉาย พวกเราจะไม่คุกเข่า”
เหอลี่ฉุนตะโกน
สีหน้าของจางจงหยางกับเฝิงจื่อฉายดูไม่สู้ดีนัก