“ตอนนี้แกจะหนีหรือ รู้จักกลัวแล้วใช่ไหม? มันสายเกินไปแล้ว!”
เห็นหลี่โม่และคนอื่นๆลากกระเป๋าเดินทาง ฮั่วเจี้ยนเฟิงเดาว่าหลี่โม่จะหนีกลับไปเมืองฮ่าน
ฮั่วเจี้ยนเฟิงไม่ต้องการให้หลี่โม่หนีไปได้ เพราะเขาจะรอดูพวกเฝิงจื่อฉายแก้แค้นหลี่โม่
ลูกคนร่ำรวยในเมืองจินไห่จำนวนมากถูกแทง3ครั้ง 6รู(แทงทะลุต้นขา3ครั้ง) แม้ว่าฮั่วเจี้ยนเฟิงจะใช้นิ้วเท้าคิด ก็สามารถคิดได้ว่าครอบครัวของลูกคนร่ำรวยพวกนั้นจะโกรธแค้นมากขนาดไหน
หลี่โม่เหลือบมองฮั่วเจี้ยนเฟิง ไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจเขา
หวังฟางอยากจะพูดกับฮั่วเจี้ยนเฟิง แต่ว่ากู้เจี้ยนหมินรีบร้อนจะกลับบ้านเพื่อดูหินหยกธรรมชาติก้อนนั้น ดังนั้นจึงดึงหวังฟางเดินออกไปจากโรงแรม
หลี่โม่กับกู้หยุนหลันเดินผ่านฮั่วเจี้ยนเฟิง โดยไม่สนใจฮั่วเจี้ยนเฟิงเลย
ฮั่วเจี้ยนเฟิงที่กำลังโมโห คว้าแขนของหลี่โม่ ตะโกนด้วยความโมโหว่า “แกไปไม่ได้! แกต้องอยู่รับโทษที่เมืองจินไห่! ”
“แกบ้าไปแล้วหรือ”
หลี่โม่สะบัดมือของฮั่วเจี้ยนเฟิง แล้วก็ผลักฮั่วเจี้ยนเฟิงออกไป
“แม่งฉิบหาย กล้าลงมือกับฉัน! แกจะต่อต้านใช่ไหม!”
ฮั่วเจี้ยนเฟิงคำรามและพุ่งไปที่หลี่โม่ ต้องการที่จะลงมือทำร้ายหลี่โม่
ลู่เจี้ยนปินโบกมือ บอดี้การ์ดรีบพุ่งไปชกตี เตะต่อยฮั่วเจี้ยนเฟิง จนทำให้ฮั่วเจี้ยนเฟิงร้องด้วยความเจ็บปวด
“คุณหลี่ ต้องขอโทษด้วยครับ ที่ผมวางแผนดูแลไม่ดี”
ลู่เจี้ยนปินกล่าวขอโทษอย่างนอบน้อม
“ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ เขาบ้าคลั่งเอง”
ลู่เจี้ยนปินกับหลี่โม่ และกู้หยุนหลันเดินออกจากโรงแรม กู้เจี้ยนหมินกับหวังฟางซึ่งยืนอยู่ที่ประตูโรงแรม พวกเขาจ้องมองรถลินคอล์นที่จอดยาวเหยียดอยู่ข้างหน้าพวกเขา
ลู่เจี้ยนปินเดินไปเปิดประตูรถ กล่าวอย่างนอบน้อมว่า “คุณหลี่ เชิญพวกคุณขึ้นรถ”
“นี่ นี่เป็นรถที่ส่งพวกเรากลับบ้านหรือ? นี่มันหรูหราเกินไป”
กู้เจี้ยนหมิน กระซิบถาม
“ไม่มีอะไรหรูหราหรอก มันเป็นรถธรรมดาทั่วไป”
กู้หยุนหลันมองไปที่หลี่โม่ จากนั้นก็กล่าวกับพ่อแม่ว่า “พ่อกับแม่ รีบขึ้นรถเถอะ กลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
กู้เจี้ยนหมินกับหวังฟางได้สติขึ้นมา จึงขึ้นรถพร้อมกัน
พวกเขาขึ้นรถทีละคน หลังจากที่หลี่โม่ขึ้นรถแล้ว ลู่เจี้ยนปินก็ปิดประตูและโบกมือลาหลี่โม่
หวังฟางจ้องไปที่หลี่โม่ และถามว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน คนคนนั้นเป็นใครกันแน่?”
“ผมก็ไม่ค่อยรู้นัก ดูเหมือนว่าจะเป็นเจ้าของการประมูล เป็นคนใหญ่คนโตในเมืองจินไห่ อาจจะเป็นเพราะว่าผมโชคดีเกินไป ทำให้เขารู้สึกประหลาด”
“ฮึ่ม! โชคดีเหี้ยอะไร คราวหน้าถ้าแกยังกล้าก่อความเดือดร้อนอีก ฉันจะไล่แกออกจากบ้าน แกควรภาวนาไม่ให้พวกมันมาที่บ้านของพวกเรา ถ้าพวกมันมาล้างแค้น ฉันจะไล่แกออกจากบ้านทันที”
หลี่โม่ยิ้มแต่ไม่ตอบ กู้หยุนหลันกล่าวคำอ่อนโยนหลายประโยคกับหวังฟาง จึงทำให้หวังฟางหายโกรธ
……
ณ.โรงพยาบาลที่หนึ่งจินไห่
จางจงหยางกับเฝิงจื่อฉายและคนอื่น ๆ นอนรักษาตัวอยู่ในห้องพักผู้ป่วยนอกเหมือน เพราะพวกเขาบาดเจ็บจากการแทง3ครั้ง 6รู(แทงทะลุต้นขา3ครั้ง) เหมือนกันทั้งหมด
จางจงหยางมองเฝิงจื่อฉายที่ถูกส่งตัวมาที่ห้องพักผู้ป่วย ที่ตนเองพักรักษาตัวอยู่ด้วยความประหลาดใจ และมองไปที่บาดแผลของเฝิงจื่อฉาย รู้สึกว่าบาดแผลนั้นคุ้นมาก
“เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับคุณ ทำไมถึงได้บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้!”
เฝิงจื่อฉายร้องไห้ แล้วมองจางจงหยางน้ำตานองหน้า รู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างมาก
“แพ้การพนัน คนแซ่ลู่กับคนแซ่ฉู่สองคนนั้นช่วยไอ้เศษสวะ พวกเราถูกบังคับให้คุกเข่าก้มกราบสามครั้ง และถูกแทง3ครั้ง 6รู(แทงทะลุต้นขา3ครั้ง)”
จางจงหยางสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวด้วยความสงสัยว่า “พวกคุณแพ้ได้อย่างไร? หรือว่าพวกคุณประมูลหินธรรมชาติที่ดีที่สุดไม่ได้?”
“พวกเราประมูลหินธรรมชาติที่ดีที่สุดได้แล้ว ไอ้เศษสวะประมูลหินธรรมชาติที่แย่ที่สุด ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายบอกว่าเป็นแค่ก้อนหิน แต่หลังจากตัดออก กลับเป็นหยกสีเขียวมรกต!”
เฝิงจื่อฉายกัดฟันพูด สีหน้าท่าทางของจางจงหยางเปลี่ยนเป็นหลากหลายอารมณ์ ความประหลาดใจ ความสงสัย ความตกใจ และอารมณ์อื่นๆ ปะปนกัน
“มันเป็นไปได้ยังไง”
ความคิดแรกที่จางจงหยางได้สติกลับคืนมาคือเรื่องนี้ไม่โปร่งใส
เฝิงจื่อฉายเช็ดน้ำตา กล่าวด้วยความโกรธว่า “ไม่พูดเรื่องพวกนี้ล่ะ เฮียหยางผมจะแก้แค้น แค้นนี้ยังไงก็ต้องชำระ”
จางจงหยางครุ่นคิดครู่หนึ่ง นับตั้งแต่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล จางจงหยางก็คิดหาวิธีล้างแค้น ตอนนี้เขามีแผนอยู่ในใจแล้ว
“เหอลี่ฉุนและคนอื่น ๆก็ถูกแทง3ครั้ง 6รู(แทงทะลุต้นขา3ครั้ง)หรือ?”
“ใช่ พร้อมกับผม พวกเราไม่สามารถลงมือเองได้ ไอ้คนแซ่ลู่มันให้บอดี้การ์ดลงมือ”
“ฮึ่ม ๆ”
จางจงหยางฮึ่มสองครั้ง “ต่อไปคนแซ่ลู่ต้องคุกเข่าให้ฉัน ต่อไปเมืองจินไห่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาอีก ตอนนี้พูดเรื่องใกล้ตัวก่อน คุณให้เหอลี่ฉุนและคนอื่นๆ ติดต่อครอบครัวของพวกเขา และให้ครอบครัวของพวกเขาร่วมมือกันจัดการกับตระกูลกู้ในเมืองฮ่าน”
“จัดการกับตระกูลกู้? คือครอบครัวของไอ้เขยแต่งเข้าเศษสวะ?”
เฝิงจื่อฉายถามพลางหรี่ตา
“ใช่ ด้วยอำนาจของครอบครัวพวกเขา จะบดขยี้ตระกูลกู้ในเชิงธุรกิจได้อย่างไม่มีปัญหา ฉันติดต่อเจ้าพ่อในเมืองเมืองเอก ขอยืมคนยืมอำนาจ เพื่อกำจัดฉู่จงเทียน เมื่อถึงเวลาตระกูลกู้และกองกำลังใต้ดินในเมืองฮ่านก็ตกอยู่ในมือพวกเรา จะทำให้ไอ้ไร้ประโยชน์ขายหน้าเป็นเรื่องที่ง่ายดาย”
ดวงตาของเฝิงจื่อฉาย เป็นประกาย และเขากล่าวอย่างตื่นเต้น “เป็นความคิดที่ดี ลงมือพร้อมกันสองทาง คราวนี้ไอ้ไร้ประโยชน์จะต้องคุกเข่าให้พวกเราอย่างแน่นอน แต่เฮียหยางคุณจะบากหน้าไปพึ่งพาอาศัยคนนั้นที่เมืองเอกจริงหรือ?”
“บากหน้าไปพึ่งพาอาศัย? ไม่! เพียงแค่ยืมอำนาจเขาเท่านั้น ต่อไปไม่แน่ผมอาจจะยึดและเข้าแทนที่ ถึงตอนนั้นผมก็มีเขตอิทธิพลในเมืองเอก”
ในใจของจางจงหยางเต็มไปด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ และได้จินตนาการถึงการทำลายฉู่จงเทียน จากนั้นก็ครอบครองเมืองฮ่าน แล้วรวบรวมพลังอำนาจทั้งหมดที่อยู่ในมือ สร้างเขตอิทธิพลในเมืองเอก
หัวใจของเฝิงจื่อฉายเต็มไปด้วยเลือดเดือดพล่าน นี่ไม่ใช่แค่การแก้แค้น หากจัดการได้ดีสามารถทำเงินได้มากมาย ถือเป็นธุรกิจที่ดี
“ด้วยแผนการอันชาญฉลาดของเฮียหยางทำให้ผมรู้สึกหมดห่วง ผมจะไปคุยกับพวกเขาตอนนี้เลย ให้เหอลี่ฉุนและคนอื่นๆ แจ้งให้ครอบครัวทราบ ผมจะทำการไกล่เกลี่ยอยู่ตรงกลาง สามารถรวมพลังอำนาจของทุกครอบครัวเข้าด้วยกันได้แน่นอน”
เฝิงจื่อฉายพูดพลางใช้สมองคิดอย่างรวดเร็ว ครุ่นคิดว่าจะใช้วิธีการไหนกดขี่ตระกูลกู้ดี
“ผมได้ตรวจสอบข้อมูลของตระกูลกู้แล้ว พวกเขาทำธุรกิจด้านเวชภัณฑ์ ลูกค้าหลักของพวกเขาอยู่ในเมืองฮ่าน ถ้าคิดจะลงมือโดยตรงจากธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตามเมื่อเร็ว ๆ ตระกูลกู้ได้ทำเรื่องโอเวอร์ ผมคิดว่าอัตราส่วนหนี้สินของพวกเขาค่อนข้างสูง”
หลังจากที่จางจงหยางพูดจบ เขาก็หยิบเอกสารออกมาจากหัวเตียง และยื่นให้เฝิงจื่อฉาย
เฝิงจื่อฉายพลิกดูข้อมูลสักครู่ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อัตราส่วนหนี้สินไม่เพียงสูงเท่านั้น แต่มันสูงจนไร้เหตุผล กำลังเข้าใกล้อัตราส่วนหนี้สิน 90% แล้ว ตอนนี้แค่ระงับสินเชื่อ ตระกูลกู้ก็ล้มละลายได้ทุกเวลา”
“ครอบครัวพวกเหอลี่ฉุนล้วนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พวกเขามีการติดต่อกับธนาคารมากที่สุด มันไม่ยากเกินไป ที่จะหาใครสักคนจากธนาคารมาจัดการกับตระกูลกู้ ผมจะไปหาพวกเขาเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมสามารถจัดการยึดตระกูลกู้ได้ในเวลาไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์!”
“เมื่อผมยึดตระกูลกู้สำเร็จแล้ว ไม่รู้ว่าไอ้เศษสวะเห็นหน้าผมแล้ว มันจะทำหน้าอย่างไร!”
ยิ่งพูดเฝิงจื่อฉายยิ่งได้ใจ ทำราวกับว่าแผนการได้ประสบความสำเร็จไปแล้ว
“รีบไปจัดการ ดีที่สุดหากสามารถระงับสินเชื่อกู้ยืมของตระกูลกู้ในวันพรุ่งนี้ได้”