กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกหดหู่ใจไปชั่วขณะ ต่อท่าทีของซูเม่าเหวินที่ได้แสดงทุกอย่างออกมา
แต่ก้มหัวให้กับหลี่โม่ เพื่อขอร้องหลี่โม่ กู้เจี้ยนกั๋วไม่สามารถทำได้จริงๆ
แววตาของกู้เจี้ยนกั๋วมองไปยังกู้หยุนหลัน: “หยุนหลัน คุณก็เป็นคนของตระกูลกู้คนหนึ่ง เวลานี้คุณต้องพูดอะไรบ้างจึงจะถูกต้อง”
“ฉันฟังหลี่โม่”
กู้หยุนหลันดึงมือของหลี่โม่แล้วพูด
“ หลี่โม่เป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้านคุณ เขาจะต้องฟังคุณ”
กู้เจี้ยนกั๋วพยายามพูดอธิบาย
“แต่นี่เป็นเรื่องใหญ่ ฉันไม่สามารถตัดสินใจแทนหลี่โม่ได้”
หากเป็นเมื่อก่อนกู้หยุนหลันจะต้องช่วยเหลือตระกูลกู้โดยไม่มีเงื่อนไข แต่หลังผ่านอุปสรรคมามากมาย ได้เห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของ บรรดาญาติๆ ในตระกูลกู้ จิตใจของกู้หยุนหลันได้เยือกเย็นลง
จะทำอย่างไรกู้หยุนหลันไม่ยอมที่จะคิดต่อเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก เพียงแค่หลี่โม่ชอบก็พอแล้ว
กู้เจี้ยนกั๋วมองไปทางหลี่โม่ด้วยสีหน้าอ้อนวอน ภายในใจรู้สึกสับสนมาโดยตลอด
หลี่โม่ยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้ให้ความสนใจต่อความคิดภายในและการแสดงออกของกู้เจี้ยนกั๋ว กู้เจี้ยนกั๋วจะเป็นอย่างไร สำหรับหลี่โม่แล้วไม่ใช่เรื่องสำคัญ
แต่มองจากสถานะของกู้หยุนหลันแล้ว หลี่โม่ไม่ยอมปล่อยให้ตระกูลกู้ล่มสลายลง
“เจ้าบ้านตระกูลซู”
“ไม่กล้ารับ คุณหลี่เรียกฉันว่าเสี่ยวซูก็ได้แล้ว หรือเรียกฉันว่าเม่าเหวิน”
ซูเม่าเหวินพูดด้วยน้าเสียงถ่อมตัวอย่างมาก
ความจริงแล้วคนเก่งอย่างซูเม่าเหวินควรจะใช้ชีวิตสุขสบายหรูหรา ในขณะนี้ถ่อมตัวราวกับเป็นฝุ่นผงตามพื้นดิน เป็นการถ่อมตัวอย่างที่สุดแล้วจริง ๆ
สถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลกู้ เมื่อเทียบกับแรงกดดันของตระกูลซูแล้วก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ซูเม่าเหวินคิดถึงตระกูลซูของตัวเอง เป็นบุคลิกที่ถูกหลี่โม่ทำลาย เหมือนเป็นการทุบกระดูกทั้งร่างกายประมาณนั้น
กู้เจี้ยนกั๋วกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ถึงแม้ว่าจะตกใจอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเห็นความถ่อมตัวของซูเม่าเหวินอย่างนั้นแล้ว ยังคงทำให้กู้เจี้ยนกั๋วตกใจมากขึ้นไปอีก
“คุณอายุปูนนี้แล้ว ผมเรียกคุณว่าเหล่าซูจะดีกว่า”
หลี่โม่ยิ้มแล้วพูดว่า: “ธนาคารได้ระงับเงินกู้ให้กับตระกูลกู้ คุณไปจัดการเรื่องนี้”
ได้ยินคำสั่งของหลี่โม่กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกดีใจยิ่ง อิ่มเอมในใจคิดว่าในที่สุดก็ไม่ต้องก้มหัวให้กับหลี่โม่
“โอเคครับ คุณหลี่ ผมจะประสานงานกับคนของธนาคารทันที”
ซูเม่าเหวินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ต่อสายโทรศัพท์มือถือออกไปหลายสาย ไม่นานโทรศัพท์มือถือของกู้เจี้ยนกั๋วมีเสียงดังขึ้น
กู้เจี้ยนกั๋วรับสายพูดไปสองประโยค ยังมีอีกสายหนึ่งโทรเข้ามา
รับสายหนึ่งต่ออีกสายหนึ่ง มีสายเข้ามาติด ๆกัน กู้เจี้ยนกั๋วแย้มยิ้มออกมาราวกับดอกไม้บาน เป็นพนักงานระดับสูงของธนาคารโทรมาเพื่อขอโทษ
ไม่เพียงแค่ขอโทษ และยังเพิ่มวงเงินเครดิตให้กับตระกูลกู้อีก แน่นอนว่านี่เป็นข่าวดีมากสำหรับสถานะการเงินที่ตึงเครียดของตระกูลกู้
หลี่โม่มองเห็นกู้เจี้ยนกั๋วกำลังอยู่ในความดีใจ ดึงมือกู้หยุนหลันเบา ๆแล้วเดินออกไปข้างนอก ด้วยท่าทางเหมือนดั่งจอมยุทธช่วยคนตกยากและจากไปโดยไม่บอกชื่อเสียงเรียงนาม
กู้เจี้ยนกั๋วที่เพิ่งรับโทรศัพท์จึงไม่ได้สังเกตเห็นหลี่โม่เดินจากไป และซูเหวินปินรีบเดินตามหลี่โม่ออกไปอย่างรวดเร็ว
“คุณหลี่ ท่านต้องการให้ผมทำอะไรอีกหรือไม่ ตระกูลซูของพวกเราแสดงความขอโทษอย่างจริงใจแน่นอน คราวหลังหากคุณหลี่มีอะไรให้ตระกูลซูของพวกเรารับใช้ ก็เอ่ยปากได้ตลอดเวลา”
หลี่โม่พูดตอบเบา ๆว่า: “คุณกลับไปอบรมลูกของคุณให้ดี ๆ ยังมีซูเหวินปินคนนั้น หลังจากนี้ผมไม่อยากพบพวกเขาอีก”
“คุณหลี่วางใจได้ ผมได้ซื้อตั๋วเครื่องบินให้พวกเขาเดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว และไม่ได้ส่งพวกเขาไปสถานที่ดีนัก ส่งพวกเขาไปทำนาที่แอฟริกาแล้ว”
ซูเม่าเหวินพูดจบ แล้วมองไปทางหลี่โม่อย่างระมัดระวัง เหมือนกับรอการพิพากษาขั้นสุดท้าย
“อย่างนั้น คุณก็กลับไปรอก่อนเถอะ”
หลี่โม่พูดตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ขอบคุณ ขอบคุณคุณหลี่ที่ให้อภัย”
ซูเม่าเหวินตื่นเต้นจนแทบจะร้องไห้ออกมา เมื่อครู่แกล้งทำเป็นคนต้อยต่ำ ก็เพื่อคำพูดประโยคนี้ของหลี่โม่
กลับไปรอก็เท่ากับไม่มีเรื่องอะไรแล้ว จากนี้ไปตระกูลซูก็ยังคงเป็นตระกูลซูปกติ แต่ว่าซูเม่าเหวินได้ตัดสินใจว่าจากนี้ไป จะทำงาน ด้วยการให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กน้อยมากขึ้น และต้องควบคุมดูแลคนในบ้านให้ดียิ่งขึ้น
ผมจะไปส่งคุณหลี่และคุณกู้ พวกคุณต้องการไปที่ไหน?”
ซูเม่าเหวินยังคงพูดตอบด้วยท่าทีนอบน้อม
“พวกเราต้องการกลับบ้าน งั้นก็นั่งรถของคุณกลับไปแล้วกัน”
ซูเม่าเหวินวิ่งเหยาะ ๆ สองก้าวไป เปิดประตูรถลีมูซีนของตัวเอง ให้กับหลี่โม่และกู้หยุนหลันด้วยท่าทีนอบน้อม
เชิญให้หลี่โม่และกู้หยุนหลันเข้าไปนั่งในรถ แม้ว่าด้านหลังของรถลีมูซีนจะมีห้องโดยสารที่กว้าง แต่ซูเม่าเหวินรู้ดีว่าไม่ควรเข้าไปนั่งข้างใน จึงนั่งลงไปที่นั่งข้างคนขับ
รถเคลื่อนตัวออกอย่างช้า ๆ ส่งหลี่โม่และกู้หยุนหลันไปยังที่พัก
หลี่โม่ไม่ให้ซูเม่าเหวินไปส่งต่อ จากนั้นจับมือกู้หยุนหลันเดินกลับเข้าไปเอง
ซูเม่าเหวินมองดูด้านหลังของหลี่โม่เดินจากไป ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้วพูดว่า: “ต้องส่งภาพของคุณหลี่ไปให้ทุกคนที่บ้าน คราวหลังเมื่อพบกับคุณหลี่แล้ว ทุกคนต้องต้อนรับคุณหลี่ด้วยความเคารพ เหมือนตัวเองเป็นผู้รับใช้ของคุณหลี่!”
“อะไรนะ?”
ผู้ช่วยที่ยืนอยู่ข้างประตูรถ ส่งเสียงถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ
คนของตระกูลซู มีคนไหนบ้างที่ไม่มีความเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง ให้พวกเขาเป็นคนรับใช้ ผู้ช่วยรู้สึกว่ามีไม่กี่คนในตระกูลซูที่สามารถทำได้
“หากทำไม่ได้ ก็ไปทำนากับซูเหวินปินเสียเถอะ! นำคำพูดของฉันไปบอกพวกเขาอย่าให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว ใครคนไหนกล้าไม่เคารพต่อคุณหลี่ จะไล่ออกไปจากตระกูลซูทันที ต่อไปไม่ว่าจะเป็นหุ้นส่วนหรือทรัพย์สินอะไรก็ไม่ต้องคิด!”
“ขอรับ ท่านผู้นำ”
……
ในห้องประชุมของตระกูลกู้ หลังจากหลี่โม่กลับออกไป กู้ชิงหลินและกู้ซิงเว๋ย เพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมา
กู้ชิงหลินแค่หมดสติเพียงครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจึงแสร้งทำหมดสติ แต่กู้ซิงเว๋ยหมดสติไปจริง ๆ เพิ่งจะฟื้นคืนสติ
สองมือกุมศีรษะไว้ด้วยความเจ็บปวดราวกับมีน้ำไหลเข้าไปในสมอง กู้ซิงเว๋ยพูดด้วยความโกรธว่า: “หลี่โม่ไอ้สวะคนนี้ ฉันควรจะฆ่าเขาให้ตายจริง ๆ”
“คุณ? คุณไม่เห็นท่าทีของเจ้าบ้านตระกูลซูตอนที่พบกับหลี่โม่ว่าเป็นอย่างไร เหมือนสุนัขที่เลียขาท่าทีประจบแจงหลี่โม่ประมาณนั้น คิดไม่ออกเลยว่าเป็นเพราะเหตุใด หรือว่าสมองของเจ้าบ้านตระกูลซูจะผิดปกติไปแล้ว?”
กู้ชิงหลินใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ภายในใจยิ่งเต็มไปด้วยความเดือดดาล
“คุณก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความจริงของหลี่โม่ไอ้สวะนั่น! เบื้องหลังต้องมีปัญหาแน่ ๆ มีปัญหาอย่างแน่นอน!”
กู้ซิงเว๋ยตะคอกด้วยความโกรธ
กู้เจี้ยนเจียงสูบบุหรี่ พ่นควันขาวออกมาเป็นทาง: “อย่าตะโกนแล้ว เรื่องของหลี่โม่ยังต้องค่อย ๆคิดให้ดี เลียบเคียงใช้คำพูดสุภาพกับกู้หยุนหลัน ต้องถามให้ชัดเจนว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่ หลี่โม่ไม่ควรมีความเกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าบ้านตระกูลซู แต่ความจริงพวกเราก็ได้เห็นกับตากันทุกคนแล้ว”
“ยังไงต้องรอบคอบระมัดระวังให้ดี ตอนนี้ปัญหาทางธนาคารได้แก้ไขแล้ว และธนาคารยังเพิ่มวงเงินเครดิตอีก พวกเรายังต้องนำพละกำลังทั้งหมดไว้เพื่อพัฒนากิจการ อย่าปล่อยให้กู้หยุนหลันมีผลงานเกินหน้าเกินตา”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดอย่างช้า ๆ ภายในใจยังคิดเรื่องของหลี่โม่
กู้ซิงเว๋ยขมวดคิ้วจวนจะพันเข้าด้วยกัน ต่อสู้กับหลี่โม่ติดต่อกันหลายครั้ง ภายในใจก็อดที่จะขุ่นเคืองไม่ได้
“ฉันก็จะต้องเสนอโครงการที่ดีออกมา ต้องดีกว่ากู้หยุนหลันอย่างแน่นอน! ฉันไม่เชื่อว่าจะสู้เธอไม่ได้ เอาชนะกู้หยุนหลันแล้ว ค่อยจัดการหลี่โม่ไอ้สวะคนนั้นให้สาสม!”
กู้ซิงเว๋ยพูดเสียงสูง
กู้เจี้ยนกั๋วพยักหน้า: “คุณเตรียมแผนการไว้ดี ครั้งนี้ต้องต่อสู้อย่างสุดกำลัง”