หวางจงเสวียนกดวางสายแล้วถอนหายใจดังๆ และเริ่มรู้สึกผิดที่พูดจาไม่ดีกับหลี่โม่ตั้งแต่แรกเลย ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาคงเข้าไปในออฟฟิศพร้อมกับหลี่โม่แล้ว
“พี่ใหญ่ ไอ้กระจอกคนนั้นว่ายังไง”
หวางจงเหิงถามอย่างหงุดหงิด
ผั๊วะ!
หวางจงเสวียนตบหน้าหวางจงเหิงด้วยความแรง
“พี่ ตบผมทำไม!”
หวางจงเหิงกุมใบหน้าแล้วมองหวางจงเสวียนอย่างประหลาดใจ
“ทำไมนายถึงโง่ขนาดนี้ หลี่โม่เข้าไปข้างในแล้วนะ! นายยังเรียกมันไอ้กระจอกอยู่ได้ นายต่างหาที่เป็นไอ้กระจอก! ไร้สมองสิ้นดี ความหวังของพวกเราอยู่ที่หลี่โม่คนเดียวแล้วยังไม่รู้ตัวอีก!”
หวางจงเสวียนต่อว่าหวางจงเหิงด้วยความโกรธ
หวางจงเหิงก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งเขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง “ก็ข้างในไม่มีคนอยู่ไม่ใช่เหรอครับ หลี่โม่มันซื้อรปภ. คนนี้เพื่อมาหลอกพวกเราหรือเปล่า”
หวางจงเสวียนผงะไปครู่หนึ่งและนึกถึงคำพูดของซุนฮุ่ยกางก่อนหน้านี้ ซึ่งซุนฮุ่ยกางเคยบอกไว้ว่าประธานบริษัทไม่อยู่ที่นี่
อีกอย่างหวางจงเสวียนก็ได้เคาะประตูไปแล้ว และไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เลย เขายืนยันแล้วว่าไม่มีใครอยู่ข้างในออฟฟิศนี้
หรือว่าหลี่โม่จะซื้อรปภ. คนนี้มาหลอกพวกเราจริงๆ?
หวางจงเสวียนมองไปที่หวังต้าหย่งที่ยืนอยู่หน้าประตูออฟฟิศและเขาก็รู้สึกว่ายิ่งดูก็ยิ่งสงสัย ซึ่งปกติแล้วรปภ. คงไม่มายืนอยู่หน้าออฟฟิศของประธานบริษัทหรอก
“พาพี่ไปหารปภ. ที”
หวางจงเสวียนกระซิบพูด
หวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงก็ช่วยกันพยุงหวางจงเสวียนเดินเข้าไป ซึ่งทำให้หวังต้าหย่งแสดงสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้ง “พวกคุณคิดจะทำอะไร ผมบอกแล้วไงว่าห้ามเข้าไปก่อนจะได้รับอนุญาต”
“เปล่าครับ เราแค่อยากสอบถามหน่อยครับว่าท่านประธานบริษัทของคุณจะเข้ามาเมื่อไหร่ครับ?”
หวางจงเสวียนพยายามฝืนยิ้มถาม
หวังต้าหย่งมองทั้งสามด้วยสายตาเย้ยหยัน เขาคิดในใจว่าท่านประธานเพิ่งเดินเข้าไปข้างใน แต่เขาจะไม่บอกพวกเขาหรอก
“ผมต้องรายงานพวกคุณเหรอว่าท่านประธานของเราจะเข้ามาเมื่อไหร่ พวกคุณคิดว่าพวกคุณเป็นใครใหญ่มาจากไหน”
หวางจงเสวียนหรี่ตาและรู้สึกว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน
“แล้วหลี่โม่ที่เดินเข้าไปข้างในเกี่ยวอะไรกับท่านประธานบริษัทของพวกคุณครับ? เพราะเรามาด้วยกัน หลี่โม่ก็เป็นน้องเขยของผมด้วย ผมจึงอยากสอบถามหน่อยครับ”
หวางจงเสวียนยังคงถามต่อ
หวังต้าหย่งมองไปที่หวางจงเสวียนแล้วพูดอย่างเย้ยหยันอีกครั้ง “สอบถามอะไรของคุณ ผมไม่รู้อะไรเลย คุณอยากทราบก็ไปถามคนอื่น”
หวางจงเสวียนพยักหน้าและยิ้มจางๆ แล้วกระซิบพูด “พาพี่ไปหาประธานซุน”
หวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงก็รีบพาหวางจงเสวียนออกไปอย่างรวดเร็ว
“พี่ ผมว่าแล้วไงว่ามันผิดปกติ ไอ้กระจอกคนนั้นมันเล่ห์เหลี่ยมเยอะจริงๆ ถึงกล้าหลอกพวกเราแบบนี้ เดี๋ยวจะจัดการมันให้เข็ดไปเลย”
หวางจงเหิงพูดอย่างโกรธแค้น
“ไปถามประธานซุนก่อน อย่าเพิ่งตัดสินใคร”
หวางจงเสวียนถูกพากลับไปที่ออฟฟิศของซุนฮุ่ยกางอีกครั้ง ซุนฮุ่ยกางที่เห็นพวกเขาทั้งสามก็เกิดความสงสัยขึ้นมาทันที “พวกคุณคิดจะทำอะไร เป็นมิจฉาชีพเหรอ?”
“ประธานซุนพูดติดตลกไปครับ เราจะมาหลอกใครได้ เมื่อกี้เรารออยู่ที่หน้าประตูออฟฟิศของท่านประธานบริษัทครับ จากนั้นก็มีรปภ. พาคนคนหนึ่งเดินเข้าไปข้างใน ผมพยายามจะเดินตามเข้าไปด้วยแต่ถูกรปภ. ของพวกคุณถีบใส่ผมเต็มๆ เลยครับ”
หวางจงเสวียนเล่าถึงสถานการณ์ก่อนหน้านี้และคิ้วของซุนฮุ่ยกางก็ขมวดขึ้นทันที
“จากนั้นผมนึกขึ้นได้ว่าท่านประธานซุนบอกผมเองว่าประธานบริษัทไม่อยู่ แล้วมีคนเดินเข้าไปได้ไงครับ? อีกอย่างผมรู้จักคนที่เดินเข้าไปด้วยครับ เขาไม่ใช่ประธานบริษัทอย่างแน่นอน ผมก็เลยรู้สึกสงสัยจึงได้มาแจ้งให้ท่านทราบครับ”
ซุนฮุ่ยกางเริ่มสงสัยแล้วว่าต้องมีอะไรผิดปกติอย่างแน่นอน
“รอก่อนนะ ผมลองโทรถามดู”
ซุนฮุ่ยกางกำลังจะยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ แต่เสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะของเขาก็ดังขึ้น เขาจึงรีบรับสายนั้นทันที
“ฮัลโหล ผมซุนฮุ่ยกางครับ”
ซุนฮุ่ยกางรับสายแล้วบอกชื่อตัวเองไป แต่เมื่อได้ยินเสียงในสายนั้นสีหน้าของเขาก็จริงจังและมีมารยาทขึ้นมาทันที
“รับทราบครับ ผมจะจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ”
ซุนฮุ่ยกางวางสายลงและหยิบแฟ้มเอกสารแล้วเดินออกไป “พวกคุณออกไปก่อน ผมต้องเข้าไปรายงานสถานการณ์ของบริษัทกับท่านประธานบริษัท”
“ท่านประธานบริษัทอยู่จริงเหรอครับ?”
หวางจงเสวียนถึงกับตกใจและนึกถึงหลี่โม่ทันที
หลี่โม่มีความสามารถขนาดนั้นจริงๆ เหรอ?
คนกระจอกแบบนี้ไปรู้จักเจ้าของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปได้ยังไงกัน?
หวางจงเสวียนผงะไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีซุนฮุ่ยกางก็เดินไปไกลแล้ว จากนั้นเลขานุการก็เข้ามาพูดกับเขาอย่างสุภาพ “รบกวนสามท่านออกจากออฟฟิศของประธานซุนนะคะ หนูจะล็อกประตูห้องนี้แล้วค่ะ”
หวางจงเสวียนที่เพิ่งตั้งสติได้ก็ตบหน้าผากของตัวเองแรงๆ แล้วพูดว่า “ลืมฝากประธานซุนเลย รีบกลับไปข้างบนกันเร็ว วันนี้เราต้องเจอท่านประธานบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปให้ได้”
จากนั้นหวางจงเสวียนก็ถูกพาขึ้นไปหน้าออฟฟิศของประธานบริษัทอีกครั้ง แต่ซุนฮุ่ยกางก็เข้าไปด้านในแล้ว
“สวัสดีครับท่านประธาน ผมมารายงานสถานการณ์ล่าสุดของบริษัทครับ”
ซุนฮุ่ยกางมองไปที่หลี่โม่แล้วพูดด้วยความเคารพ
“มีอะไรต้องรายงานด้วยล่ะ โครงการก่อสร้างของเรายังไม่ได้เริ่มเลยไม่ใช่เหรอ แล้วเมื่อกี้หวางจงเสวียนเข้าไปหาคุณใช่ไหม”
หลี่โม่เลิกคิ้วแล้วยิ้มถาม
ซุนฮุ่ยกางลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้าตอบ “ใช่ครับ ช่วงนี้เขามาหาผมบ่อยมากเลยครับ เขาต้องการคอนเฟิร์มวันเริ่มงานให้เร็วที่สุดครับ”
“อ้อ เรื่องนี้คุณไม่ต้องยุ่งก่อนนะ ทิ้งเอกสารไว้แล้วคุณก็กลับไปก่อนเลย รอคำสั่งจากผมอีกที” หลี่โม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบเขา
“ครับผม รับทราบครับ”
ซุนฮุ่ยกางวางแฟ้มเอกสารแล้วหันหลังเดินออกไป เขารู้สึกว่าวันนี้หลี่โม่อารมณ์ไม่ค่อยดีมากนัก หรือว่าหวางจงเสวียนเป็นสาเหตุกันแน่?
หลังเดินออกจากประตูออฟฟิศซุนฮุ่ยกางก็เห็นสามพี่น้องของหวางจงเสวียนเดินเข้ามาหาเขาอย่างเร่งรีบ
หวางจงเสวียนรีบดึงแขนของซุนฮุ่ยกางแล้วพูดว่า “ท่านประธานซุนครับ ท่าน ท่านต้องช่วยพวกเรานะครับ ช่วยพาพวกเราเข้าไปหาท่านประธานบริษัททีครับ”
“เหอะ ๆ ผมทำไม่ได้หรอก ไม่เห็นเหรอว่าผมเพิ่งเข้าไปก็ต้องออกมาแล้ว ท่านประธานไม่พอใจในตัวผมมาก เพราะพวกคุณเป็นต้นเหตุ! รอต่อไปละกัน”
หลังจากพูดจบซุนฮุ่ยกางก็สะบัดมือแล้วเตรียมเดินจากไป
แต่หวางจงเสวียนก็ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่างและพยายามดึงแขนของซุนฮุ่ยกางไว้แน่นๆ “ท่านประธานซุนครับ ท่านอย่าเพิ่งไปนะครับ ท่านช่วยบอกผมทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นครับ!”
“คุณมาถามผมแล้วจะให้ผมไปถามใคร! ปล่อยมือผมเดี๋ยวนี้ เพราะพวกคุณแท้ๆ ผมถึงต้องซวยไปด้วย!”
ซุนฮุ่ยกางใส่อารมณ์แล้วสะบัดมือของหวางจงเสวียนด้วยความแรง จากนั้นเดินจากไปอย่างไม่มีเยื่อใย
หวางจงเสวียนได้แต่พิงกำแพงด้วยความสิ้นหวัง เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นหน้าเจ้าของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ป แต่ทำไมถึงทำให้เขาไม่พอใจได้
“พี่ครับ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
หวางจงเหิงถามอย่างสงสัย
“ใครจะไปรู้ เราคงต้องเพิ่งหลี่โม่คนเดียว แต่เราทำให้หลี่โม่ไม่พอใจตั้งแต่แรกแล้ว ทีนี้จะเอายังไงต่อล่ะ” หวางจงเสวียนบ่นพึมพำอย่างสิ้นหวัง
หวางจงเหิงเม้มปากและพยายามจะต่อว่าหลี่โม่แต่ก็ไม่สามารถพูดออกมาจากปากได้
“พี่ใหญ่ครับ พี่โทรหาหลี่โม่อีกครั้งไหมครับ? ถ้าไม่ได้จริงๆ เราก็ขอให้น้าสาวช่วยพูดไงครับ”