หวางจงเสวียนตกตกลึงและชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “เรียกผมเหรอครับ?”
“คุณชื่อหวางจงเสวียนไหมล่ะ? ถ้าใช่ก็เรียกคุณ”
หวังต้าหย่งพูดอย่างเฉยเมย
“ผมเองครับ ผมเองครับ”
หวางจงเสวียนรีบก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างรวดเร็ว จากนั้นหยุดลงแล้วรีบจัดระเบียบเสื้อผ้าของเขาและหันไปพูดกับหวางจงเหิงว่า “เป็นยังไงบ้าง ดูดียัง? ไม่เรียบร้อยตรงไหนมั้ย เจอกันครั้งแรกต้องสร้างความประทับใจให้ท่านประธานนะ”
“เรียบร้อยแล้ว อย่าตื่นเต้นสิครับพี่ใหญ่ เหมือนจะห้องสาวๆ ยังไงไม่รู้” หวางจงเหิงพูดติดตลก
“นายไม่เข้าใจหรอก”
เมื่อพูดจบหวางจงเสวียนก็เดินตรงไปที่ประตูออฟฟิศของประธานบริษัท
หวางจงเหิงกับหวางจงเฉิงที่เดินตามข้างหลังก็ถูกหวังต้าหย่งห้ามเอาไว้ “ท่านประธานเรียกหวางจงเสวียนคนเดียว คนอื่นห้ามเข้าไปด้วย”
“เรามาด้วยกันนะ หวางจงเสวียนเป็นพี่ชายผม พี่ชายแท้ๆ ของผมนะ ผมก็ควรเข้าไปด้วยสิ”
หวางจงเหิงพูดอย่างไม่พอใจ
หวางจงเสวียนหันกลับมาแล้วยกมือห้ามหวางจงเหิงไว้ “พวกนายไม่ต้องเข้าไป รอข้างนอกนี่แหละ”
หวางจงเหิงขมวดคิ้วอย่างไม่เต็มใจและได้แต่เฝ้ามองหวางจงเสวียนเดินเข้าไปในออฟฟิศของประธานบริษัท
เมื่อเดินเข้าไปด้านในหวางจงเสวียนก็ต้องตกตะลึงกับของตกแต่งที่หรูหราภายในห้อง ซึ่งของทั้งหมดในห้องก็ล้วนเป็นวัสดุนำเข้าระดับไฮเอนด์ หวางจงเสวียนพอประมาณได้ว่าของตกแต่งทุกๆ ชิ้นที่วางอยู่ในทุกตารางเมตรต่างก็มีมูลค่าหลักหมื่นขึ้นไป
และเมื่อหวางจงเสวียนเห็นโต๊ะที่ทำจากไม้จันทน์แดงเขาก็ถึงกับเบิกตากว้างทันที
สายตาของหวางจงเสวียนได้แต่จับจ้องไปที่เก้าอี้ผู้บริหารที่อยู่ด้านหลังโต๊ะไม้จันทน์สีแดงนั้น ซึ่งในขณะนี้หวางจงเสวียนเห็นเพียงด้านหลังศีรษะของหลี่โม่และมันก็ทำให้เขารู้สึกประหม่ามาก
นี่มันหมายความว่ายังไง ทำไมถึงหันหลังให้เรา หรือว่าคุณหลี่เศรษฐีผู้ลึกลับคนนี้ไม่พอใจเราจริงๆ ?
หวางจงเสวียนยิ่งคิดก็ยิ่งกังวล และร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นเล็กน้อย
“สะ สวัสดีครับ ท่านประธานหลี่ ผมหวางจงเสวียนเป็นผู้ร่วมโครงการก่อสร้างกับบริษัทของท่านประธานครับ”
หวางจงเสวียนแนะนำตัวอย่างติดๆ ขัดๆ
หลี่โม่ได้แต่เล่นเกมในโทรศัพท์โดยที่ไม่ได้สนใจคำพูดของหวางจงเสวียนเลยแม้แต่นิด
เมื่อเห็นว่าหลี่โม่ไม่มีการตอบสนองใดๆ หัวใจของหวางจงเสวียนก็เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
“ท่าน ท่านประธานหลี่ครับ”
“รอเดี๋ยวสิ ไม่เห็นผมเล่นเกมอยู่เหรอ”
เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากคุณหลี่ หวางจงเสวียนก็รู้สึกโล่งใจและยืนรอหลี่โม่เล่นเกมอย่างเรียบร้อย
หลี่โม่เล่นไปอีกสักพักใหญ่ จากนั้นถึงวางโทรศัพท์ลง “คุณมาที่นี่ต้องการอะไร”
“คือว่าผมอยากได้กำหนดการวันเริ่มงานของโครงการก่อสร้างตามสัญญาครับ ทางผมจะยื้อเวลาต่อไปอีกไม่ได้แล้วจริงๆ ครับ ถ้าเรายังไม่ได้เริ่มงาน ทั้งทีมงานก่อสร้างและอุปกรณ์ที่เราเตรียมไว้ก็คงต้องยกเลิกไปหมดเพราะผมไม่มีปัญญาจ่ายแล้วครับ หลี่โม่น่าจะบอกเรื่องนี้ให้ท่านฟังแล้วใช่ไหมครับ”
หลังจากหวางจงเสวียนพูดจบเขาก็เอะใจทันทีว่าทำไมไม่เห็นหลี่โม่อยู่ในนี้!
เขาพยายามมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นหลี่โม่อยู่ในห้องนี้เลย ซึ่งก็ทำให้เขาเกิดความคิดบ้าๆ ในใจ
หลี่โม่ คุณหลี่
หวางจงเสวียนคิดในใจและสายตาที่มองไปด้านหลังของหลี่โม่ก็ยิ่งตกตะลึงมากกว่าเดิม หลี่โม่คงไม่ใช่คุณหลี่นะ!
ก่อนที่หลี่โม่จะเข้ามาในห้องนี้หวางจงเสวียนก็มั่นใจแล้วว่าในห้องนี้ไม่มีใคร แต่หลังจากหลี่โม่เข้ามาแล้วผู้บริหารของหยุนจงหลันกรุ๊ปก็ปรากฏตัวทันที!
หวางจงเสวียนถึงกับใจสั่นอย่างรุนแรงเมื่อคิดว่าเขาเข้าใจข้อเท็จจริงอะไรบางอย่าง ถ้าหลี่โม่เป็นผู้บริหารของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปจริงๆ สงสัยงานนี้คงต้องหมดกันแน่
“ท่าน ท่านรู้จักหลี่โม่ไหมครับ? เขาเพิ่งเข้ามาในห้องนี้ แต่ แต่เขาไปไหนแล้วครับ ทำไมผมไม่เห็นเขาเลย”
หวางจงเสวียนถามอย่างอ่อนแรงและเริ่มพูดติดอ่างเพราะความกลัวในใจ
“คุณลองทายดูสิว่าเขาหายไปไหนแล้ว”
หลี่โม่ยิ้มพูด
ซึ่งหลี่โม่ไม่ได้ดัดเสียง แต่พูดด้วยน้ำเสียงปกติของเขาเลย และเมื่อหวางจงเสวียนได้ยินเสียงพูดอย่างชัดเจนของหลี่โม่เขาก็รู้สึกคุ้นเคยกับเสียงนี้มาก และนี่ก็ยิ่งทำให้ความกลัวในใจเขาชัดเจนมากขึ้น
แต่แล้วหลี่โม่จะเป็นผู้บริหารที่อยู่เบื้องหลังของบริษัทหยุนจงหลันกรุ๊ปได้ไง!
ไหนบอกว่าเขาก็แค่ไอ้กระจอกที่คอยเกาะคนอื่นกินไม่ใช่เหรอ!
คนกระจอกที่คอยเกาะคนอื่นกินจะเอาเงินสองพันล้านมาจากไหน!
คนที่มีเงินสองพันล้านมันถือว่าเป็นเศรษฐีระดับต้นๆ ของเมืองฮ่านแล้วนะ แล้วเขาคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่กลับเป็นไอ้กระจอกที่เขาว่ากัน!
ความคิดบ้าๆ ผุดขึ้นในหัวของหวางจงเสวียนอย่างไม่หยุด และมันก็ทำให้เขาตกตะลึงจนขยับตัวไม่ได้
หลี่โม่ค่อยๆ หันเก้าอี้ผู้บริหารกลับมาแล้วมองไปที่หวางจงเสวียนด้วยรอยยิ้ม “เป็นไง เซอร์ไพรซ์ไหม”
“เซอร์ไพรซ์? เหอะๆ ผม ผมตกใจจนขาสั่นไปหมดแล้ว”
หวางจงเสวียนรู้สึกอ่อนแรงจนนั่งลงกับพื้นและเหงื่อแตกไปทั้งตัว
“คุณเป็นผู้บริหารของหยุนจงหลันกรุ๊ปได้ไง ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ คุณมีอำนาจขนาดนี้แล้วทำไมต้องยอมให้คนอื่นคอยกลั่นแกล้งรังแก คุณทำเพื่ออะไร หรือว่าคุณกับผู้บริหารหยุนจงหลันกรุ๊ปตั้งใจแกล้งผม”
หวางจงเสวียนยังคงไม่ปักใจเชื่อข้อเท็จจริงที่อยู่ตรงหน้า แม้หลี่โม่จะนั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารก็ถาม แต่เขาก็ไม่ยอมเชื่อว่าทุกอย่างนี้เป็นความจริง
“ทำไมงั้นเหรอ ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายให้คุณฟังหรอก และคุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ด้วย สิ่งที่คุณควรรู้ก็คือผมมีอำนาจมากพอที่จะกวาดล้างตระกูลหวางของคุณทั้งตระกูลให้หายสาบสูญ”
หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา
หวางจงเสวียนถึงกับใจหายและเขาก็สัมผัสถึงความน่ากลัวจากคำพูดของหลี่โม่ได้
กวาดล้าง ตระกูลหวาง
คำพูดนี้ดังก้องอยู่ในหูของหวางจงเสวียนอย่างไม่หยุด เขารู้สึกว่าหลี่โม่สามารถทำได้อย่างที่พูด และเขาก็รู้ว่านี่เป็นคำเตือนและเป็นคำข่มขู่อย่างเด็ดขาดของหลี่โม่ที่มีต่อเขาด้วย
“เงียบทำไม”
หลี่โม่ยิ้มพูด
หวางจงเสวียนรีบตั้งสติแล้วพูดอย่างรวดเร็ว “น้องเขย……พี่”
“ไม่ต้องนับญาติอะไรตอนนี้หรอก เพราะหยุนหลันผมถึงไม่ถือสาตระกูลหวางของพวกคุณ มันก็ถือว่าบุญมากแค่ไหนแล้ว คุณคิดว่าพวกคุณมีคุณสมบัติมากพอที่จะได้โปรแจคนี้ไปทำเหรอ? บริษัทสิบอันดับแรกในประเทศต่างก็สนใจโครงการนี้ แล้วคุณคิดว่าโอกาสมันหลุดไปถึงมือคุณได้ยังไง” หลี่โม่พูดอย่างเฉยเมย
หยดเหงื่อไหลผ่านหน้าผากของหวางจงเสวียนอย่างไม่หยุด ต่อให้เป็นคนโง่ก็สามารถเข้าใจในสิ่งที่หลี่โม่พูด
“ครับ ผมเข้าใจแล้วครับ ผมรู้ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะบุญคุณของคุณ และครอบครัวตระกูลหวางของเราก็ไม่เคยเห็นคุณค่านี้เลย”
หวางจงเสวียนพูดด้วยความเคารพนับถือ
คนที่สามารถทุ่มเงินสองพันล้านแล้วเปิดบริษัทเพื่อมาแก้เบื่อ ซึ่งหลี่โม่ในขณะนี้สำคัญมากกว่าสิ่งใดในหัวใจของหวางจงเสวียน เขาเป็นที่พึ่งที่ดีที่สุด เป็นต้นขาทองคำที่ยืนอยู่ตรงหน้ามาตลอด แต่น่าเสียดายที่ตระกูลหวางกลับไม่รู้อะไรเลย
เมื่อนึกถึงสิ่งที่ครอบครัวตระกูลหวางทำกับหลี่โม่ในงานเลี้ยงวันเกิดของคุณปู่หวางหวางจงเสวียนก็รู้สึกผิดและรู้สึกละอายใจมาก ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าการที่ได้รับโอกาสในโครงการนี้ก็เป็นหนึ่งในของขวัญวันเกิดที่หลี่โม่มอบให้กับคุณปู่หวาง
หวางจงเสวียนกัดฟัดและพูดว่า “น้องเขย พี่ขอตบหน้าตัวเองเพื่อเป็นการไถ่โทษนะ”