“คุณชายหม่า? มันคือตัวอะไร ยังไม่เคยได้ยิน”
หลี่โม่กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
หวงจื่อเซวียนและคนอื่น ๆ รู้สึกตะลึง ไม่คิดว่าหลี่โม่จะมีท่าทางที่แข็งกร้าวเช่นนี้ ว่าคุณชายหม่าเป็นตัวอะไร
“ฮ่า ๆ ๆ แม่งฉิบหายแกช่างปากแข็งนัก รอฉันเรียกคุณชายหม่ามาจัดการแก”
หวงจื่อเซวียนกล่าวจบก็หันหลังและเดินจากไป
“เฮียเซวียน พวกเราจะไปแบบนี้หรือ?”
คุณชายร่ำรวยคนหนึ่งถามอย่างไม่เต็มใจ
“ถ้าคุณไม่อยากไปคุณก็กลับไปจัดการเขาได้ แม่งฉิบหายคุณคิดว่าคุณเอาชนะเขาได้หรือ คุณไม่เห็นสภาพของหวางชิงชิง ที่ถูกเขาตบหรือ เขาต้องเคยฝึกวิชามาก่อนแน่นอน อีกอย่างคุณชายซูจากเมืองเอกก็พ่ายแพ้ให้กับเขา พวกเราจะต้องมีความระวังรอบคอบถึงจะปลอดภัย ให้คุณชายหม่าออกหน้าจัดการเขาดีกว่า”
หวงจื่อเซวียนรู้สึกขี้ขลาดอยู่ในใจเล็กน้อย ดูเหตุการณ์โดยรวมแล้ว หวงจื่อเซวียนรู้สึกว่าสถานการณ์อาจไม่ง่าย บางครั้งความขี้ขลาดอาจทำให้ชีวิตสดใสขึ้น
ไม่นานหวงจื่อเซวียนก็หาเจอหม่าเจียเฉิง หม่าเจียเฉิงอยู่กับกลุ่มคุณชายร่ำรวยจากเมืองเอก กับกลุ่มเซเลบริตี้สาว
“คุณชายหม่า หลี่โม่มาแล้ว”
หวงจื่อเซวียนกระซิบ
“มาแล้ว? แม่งฉิบหาย มาแล้วก็พามันมาหาผมสิ คุณจะให้ผมดูผลงานของคุณไม่ใช่หรือ คุณจะแสดงผลงานยังไง” หม่าเจียเฉิงนั่งไขว่ห้าง สูบซิการ์ แล้วกล่าวเสียดสี
หวงจื่อเซวียนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเราไม่สะดวกลงมือที่ประตู และนี่คืองานเลี้ยงที่จัดขึ้นโดยนักธุรกิจต่างชาติ เราไม่มีความกล้าที่จะลงมือ คนที่สามารถทำเรื่องกล้าหาญเช่นนี้ได้ ต้องเป็นวีรบุรุษอย่างคุณคนเดียวเท่านั้น”
“ไม่เอาไหน!”
หม่าเจียเฉิงโยนซิการ์ในมือ ยืนขึ้นแล้วกล่าวอย่างเยาะเย้ยว่า “ตามผมไปให้หมด ไปดูเด็กเปรตที่มาจากเมืองฮ่าน”
พวกคุณชายร่ำรวยจากเมืองเอกลุกขึ้นทีล่ะคน และเดินตามหม่าเจียเฉิงออกไป
ทันทีที่เดินไปถึงทางเข้าห้องโถง ก็เจอหลี่โม่กับกู้หยุนหลัน หม่าเจียเฉิงมองสำรวจสองคนสักครู่ แล้วมองกู้หยุนหลันด้วยสายตาคิดไม่ซื่อ
“โอโอ้ คนสวย ไม่คิดว่าในเมืองฮ่านจะมีคนสวยขนาดนี้”
กู้หยุนหลันถอยหลังไปครึ่งก้าว เธอขยับไปหลบข้างหลังหลี่โม่
หวงจื่อเซวียนยิ้มและมองไปที่หลี่โม่ “เมื่อสักครู่แกเก่งนักไม่ใช่หรือ ตอนนี้คุณชายหม่ามาแล้ว แกมีความสามารถอะไรก็แสดงให้คุณชายหม่าดู”
หม่าเจียเฉิงมองหลี่โม่อย่างเหยียดหยาม “แม่งฉิบหายใส่เสื้อผ้าเก่าขนาดนี้แล้วยังกล้ามาที่นี่อีก แกนี่ช่างไร้ค่าจริง ๆ ส่งคนสวยที่อยู่ข้างหลังแกมาให้ฉัน แล้วฉันจะไว้ชีวิตแก”
หลี่โม่ส่ายศีรษะอย่างเย็นชา
พวกคุณชายร่ำรวยที่อยู่ข้างหลังหม่าเจียเฉิงเริ่มส่งเสียงดัง คิดว่าพฤติกรรมของหลี่โม่คือรนหาที่ตาย
“แม่งฉิบหายยังเสแสร้งอีก เห็นเฮียหม่าของพวกเราแล้วยังไม่คุกเข่าอีก นี่จะรอให้ถูกพวกเราฆ่าตายใช่ไหม”
“มันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี ที่ผู้จัดงานได้เชิญคนที่ไร้รสนิยมอย่างไอ้หมอนี้มาด้วย หรือว่าพวกแกขโมยเข้ามาเพื่อกินฟรีดื่มฟรี”
“จะไปพูดกับขยะอย่างมันทำไม เรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาจัดการมันก่อน ถ้าพวกเราลงมือ จะทำให้มือของพวกเราสกปรกได้”
พวกคุณชายร่ำรวยคุยกันเสียงดัง หม่าเจียเฉิงยกมือขึ้นเบา ๆ ทำให้พวกคุณชายร่ำรวยเงียบทันที
กลุ่มเซเลบริตี้หนุ่มสาวมากมายรวมตัวกันเพื่อชมความครึกครื้นอยู่ไม่ไกล หลายคนรู้จักหม่าเจียเฉิง และรู้จักความโหดร้ายของหม่าเจียเฉิง
“นี่คือคุณชายหม่า หนึ่งในสี่คุณชายแห่งเมืองเอกไม่ใช่หรือ คุณชายหม่าชอบเกะกะระรานในเมืองเอก เกรงว่าคราวนี้จะมีคนโชคร้ายแล้วล่ะ”
“ตอนนี้สี่คุณชายแห่งเมืองเอกเหลือแค่สามคนแล้ว เพราะคุณชายซูที่เป็นคนลำดับที่สี่ได้หายตัวไปแล้ว ว่ากันว่าได้ไปล่วงเกินคนจนถูกส่งตัวออกไปจากเมืองเอก”
“พวกคุณคิดว่าคุณชายหม่ามาที่นี่เพื่อแก้แค้นให้คุณชายซูหรือเปล่า ได้ยินมาว่าคุณชายซูเกิดเรื่องที่เมืองฮ่าน”
ขณะที่ทุกคนกำลังกระซิบ คุณชายหม่าก็ก้าวไปข้างหน้า และเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของหลี่โม่
“ขยะอย่างแกวางแผนทำร้ายน้องซูของฉันยังไง เรื่องนี้แกต้องอธิบายให้ฉันฟัง”
คุณชายหม่าจ้องไปที่หลี่โม่และกล่าวอย่างดุร้าย
ตระกูลซูเก็บความจริงของเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แม้แต่หม่าเจียเฉิงก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นคุณชายหม่าจึงสงสัยมากว่าหลี่โม่ทำอะไร ถึงทำให้ตระกูลซูหวาดกลัวและส่งคุณชายซูออกไปจากเมืองเอก
นอกจากนี้หม่าเจียเฉิงได้วิเคราะห์จากข่าวที่ได้รับว่า มีผู้ที่มีอำนาจระดับสูงกดดันตระกูลซู แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่หลี่โม่ซึ่งเป็นลูกเขยของครอบครัวเล็กๆ ในเมืองฮ่าน จะสามารถทำสิ่งนี้ได้
หลี่โม่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แกอยากจะเหมือนเขาใช่ไหม? แกสัมผัสด้วยตัวเองแล้วแกก็จะเข้าใจเอง”
“แม่งฉิบหาย! รนหาที่ตาย!”
หม่าเจียเฉิงยกมือขึ้น เตรียมฟาดไปที่ใบหน้าของหลี่โม่
แต่ยังไม่ทันที่ฝ่ามือของหม่าเจียเฉิงจะถึงตัวหลี่โม่ ก็มีร่างที่แข็งแรงพุ่งไปที่ด้านข้างของหลี่โม่ และคว้าฝ่ามือของหม่าเจียเฉิงไว้
บอดี้การ์ดผมบลอนด์นัยน์ตาสีเขียวที่ดุร้ายคว้าแล้วบิดข้อมือของหม่าเจียเฉิง จากนั้นก็กดตัวหม่าเจียเฉิงลงไปบนพื้น
“โอ๊ย! ฉิบหาย แกคือใคร ไอ้สารเลวปล่อยฉัน!”
หม่าเจียเฉิงร้องด้วยความเจ็บปวด
บอดี้การ์ดไม่สนใจหม่าเจียเฉิง หันมองไปที่หลี่โม่ด้วยรอยยิ้ม “คุณหลี่ ฉันเป็นบอดี้การ์ดที่คุณครัฟฟ์ส่งมา เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของคุณตลอดงาน”
ดวงตาของหวงจื่อเซวียนและคนอื่น ๆ กระตุกอย่างบ้าคลั่ง แม่งฉิบหาย คนอย่างไอ้เศษสวะมีบอดี้การ์ดต่างชาติ แล้วก็ปกป้องคุ้มครองตลอดงาน ไอ้หมอนี่มันเป็นใครกันแน่!
หม่าเจียเฉิงหันไปมองบอดี้การ์ดที่ควบคุมเขาอยู่ และตะโกนว่า “ฉันคือหม่าเจียเฉิง! แกทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ ฉันคือแขกที่พวกคุณเชิญมา ! เอ่อๆ……. ”
ก่อนที่หม่าเจียเฉิงจะตะโกนเสร็จ บอดี้การ์ดก็หยิบของออกมาแล้วยัดเข้าไปในปากของหม่าเจียเฉิง ทำให้หม่าเจียเฉิงได้แต่ส่งเสียงเอ่อๆ
“คุณหลี่ รบกวนถามว่าจะจัดการเขายังไง?”
บอดี้การ์ดถามอย่างจริงจัง
ก่อนหน้านี้ คุณครัฟฟ์สั่งบอดี้การ์ดอย่างเคร่งครัดว่า ให้ทำตามความต้องการของหลี่โม่อย่างเต็มที่ ขอแค่ไม่ใช่การฆ่าคน สิ่งที่หลี่โม่ต้องการให้พวกเขาทำ พวกเขาก็ต้องทำมันให้สำเร็จ
ทุกคนมองไปที่หลี่โม่ด้วยสายตาที่ตกตะลึง
“ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ฉันไม่เคยเห็นเขามาก่อน หรือว่าจะเป็นลูกเศรษฐีหรือเปล่า?”
“ใช่ลูกคนร่ำรวยที่ไหนล่ะ ถ้าเขาเป็นลูกคนร่ำรวยจริงๆ คุณชายหม่าจะพุ่งเข้าไปตรงๆอย่างนี้ได้อย่างไร ไม่ได้ยินเรื่องที่คุณชายหม่าถามเรื่องของคุณชายซูเมื่อสักครู่หรือ คิดว่าคนนี้จะเป็นบุคคลลึกลับที่ทำให้คุณชายซูพ่ายแพ้อย่างราบคาบ”
“บุคคลลึกลับคนนี้มีฐานะตัวตนอะไรกันแน่ ดูเหมือนว่าครั้งนี้ผู้จัดงานอยากจะประจบเขา ยังจัดบอดี้การ์ดให้เขาเป็นพิเศษ ช่างเป็นอภิสิทธิ์ที่น่าทึ่งมาก”
กลุ่มเซเลบริตี้หนุ่มสาวต่างตกตะลึง ยิ่งถกเถียงถึงฐานะตัวตนของหลี่โม่มากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าหลี่โม่ลึกลับจนยากที่จะคาดเดาได้
หน้าของหวงจื่อเซวียนกระตุก อดทนต่อความตื่นตระหนก และกล่าวว่า “หลี่โม่ แกอย่าทำอะไรโดยพลการ ตระกูลของหม่าเจียเฉิงไม่ใช่คนธรรมดา”
หลี่โม่มองไปที่หวงจื่อเซวียน จากนั้นเหลือบไปที่กลุ่มลูกคนร่ำรวยและกล่าวเบา ๆว่า “มันผู้ใดไม่รุกรานฉัน ฉันก็ไม่รุกรานมันผู้ใด แต่ถ้าผู้ใดมารุกรานฉัน แม้อยู่ห่างไกลแค่ไหนฉันก็จะแก้แค้น”
“ฮึก”
ทุกคนหายใจเข้าไปลึก ๆ และตกใจกับคำพูดอันมีพลังของหลี่โม่
หลี่โม่มองไปที่หม่าเจียเฉิงด้วยสายตาเหยียดหยาม และกล่าวเยาะเย้ยว่า “เอาไปก่อน อีกสักครู่ฉันจะคุยกับเขา”