ทำไมครัฟฟ์ถึงได้สนับสนุนหลี่โม่ คนที่อยู่ที่นี่ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ แม้แต่กู้หยุนหลันเองก็คิดไม่ออกเช่นกัน
เป็นเพราะครัฟฟ์ต้องการได้รับความไว้วางใจจากตนเองและหลี่โม่หรือ?
แต่ความไว้วางใจของตนเองกับหลี่โม่มีประโยชน์อะไร?
กู้หยุนหลันรู้สึกว่าอย่างน้อยความไว้วางใจของตนเองนั้นไม่มีประโยชน์ ครัฟฟ์อาจจะกำลังพยายามทำให้ได้รับความไว้วางใจจากหลี่โม่อยู่
แต่ทำไมครัฟฟ์ถึงต้องการความไว้วางใจจากหลี่โม่?
กู้หยุนหลันกำลังคิดเรื่องนี้โดยที่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
หม่าเจียเฉิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ รู้สึกว่าครัฟฟ์ไม่ให้เกียรติตนเอง ยังไงตนเองก็เป็นถึงคุณชายใหญ่ที่มีชื่อเสียงของเมืองเอก แต่ในสายตาของครัฟฟ์ตนเองด้อยกว่าหลี่โม่ไอ้ยาจกที่เกาะเมียกิน สิ่งนี้ทำให้หม่าเจียเฉิงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
“ครัฟฟ์ เดิมทีผมอยากจะคุยเรื่องการร่วมธุรกิจกับคุณ แต่ไม่คิดว่าคุณจะไม่ทำตามกติก คุณควรพิจารณาสถานการณ์ให้ดี ถ้าคุณไม่ให้เกียรติผม สินค้าของบริษัทคุณจะไม่สามารถขายในเมืองเอกได้แม้แต่ชิ้นเดียว!”
ที่หม่าเจียเฉิงมีความมั่นใจเช่นนี้เป็นเพราะว่า บริษัทฉางเซิ่งผูกขาดในอุตสาหกรรมยาในตัวเมือง และแผ่ขยายไปยังเมืองใกล้เคียง บริษัทยาในและต่างประเทศหลายแห่งมีการร่วมธุรกิจอย่างแน่นแฟ้นกับบริษัทฉางเซิ่ง
ครัฟฟ์ส่ายศีรษะอย่างไม่แยแส ในใจของเขามีเป้าหมายเดียว นั่นก็คือทำภารกิจของท่านแปดให้สำเร็จ
“ขอโทษด้วย เรื่องนี้ผมไม่ต้องคิดไตร่ตรองเลย ตอนนี้ให้พวกคุณขอโทษคุณหลี่และคุณกู้ แล้วออกไปจากงานเลี้ยงในคืนนี้ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ”
ครัฟฟ์มีท่าทางจริงจังหนักแน่น หลังจากพูดเขาโบกมือ บอดี้การ์ดเปิดสวิตช์กระบองไฟฟ้า มีเสียงไฟซ็อตที่กระบองไฟฟ้า ฟังแล้วค่อนข้างน่ากลัว
หม่าเจียเฉิงระเบิดความโกรธออกมา เขาใช้นิ้วชี้ตนเอง แล้วกล่าวว่า “กูถูกข่มขู่มากไปแล้ว ถ้าแกมีความสามารถลองเข้ามาแตะต้องกูดูสิ ถ้ากูขยับแม้แต่คิ้ว แม่งกูจะเรียกแกว่าปู่เลย”
พวกลูกเศรษฐีที่อยู่ข้างหลังหม่าเจียเฉิงโห่ร้องขึ้นมา ทุกคนต่างแสดงความไม่พอใจ
“ถ้าพวกแกกล้าก็ลองเข้ามาแตะต้องพวกเรา ถ้าแตะต้องพวกเราแล้วก็คอยดูว่าพวกแกจะสามารถออกจากเมืองฮ่านได้ไหม!”
“แม่งคนต่างชาตินี่มันโง่มาก ไม่เข้าใจสถานการณ์เลย เพื่อไอ้ยาจกขยะคนเดียว มาเป็นศัตรูกับพวกเรา ช่างไม่เจียมตัว”
“นี่มันศตวรรษไหนแล้ว คิดว่าเป็นชาวต่างชาติแล้วมันเจ๋งหรือ ฉันเคยเล่นกับผู้หญิงต่างชาติมาหลายคน แม่งพวกเธอเรียกฉันว่าพ่อ วันนี้ฉันจะจัดการไอ้แก่สารเลวคนนี้”
พวกลูกเศรษฐีไม่มีความกลัว รู้สึกว่าครัฟฟ์แค่ข่มขู่เท่านั้น ไม่ลงมือจริงหรอก
ครัฟฟ์มองไปที่หม่าเจียเฉิงและคนอื่นๆ ด้วยสายตาที่เย็นชา และโบกแขนของเขาเบาๆ “จับพวกเขา และตีพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะขอโทษคุณหลี่กับคุณกู้”
บอดี้การ์ดก้าวไปข้างหน้าทันที โบกสะบัดกระบองไฟฟ้าในมืออย่างพร้อมเพรียง และใช้กระบองไฟฟ้าทุบตีหม่าเจียเฉิงและคนอื่นๆ
ก่อนที่หม่าเจียเฉิงจะได้สติเขาก็ถูกกระบองไฟฟ้าตีไปหนึ่งครั้ง กระแสไฟฟ้าอันทรงพลังพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาทันที ทำให้หม่าเจียเฉิงสั่นสะท้านไปทั้งตัว และความเจ็บปวดรุนแรงก็พุ่งเข้ามาในจิตใจ
“โอ๊ย! แม่งฉิบหาย!”
ขณะที่หม่าเจียเฉิงกรีดร้อง ก็ถูกบอดี้การ์ดเตะลงไปที่พื้น กระบองไฟฟ้าอีกอันก็ช็อตไปบนร่างของหม่าเจียเฉิง หม่าเจียเฉิงสั่นไปทั้งตัว แล้วน้ำลายฟูมปาก
ลูกเศรษฐีจากเมืองเอกสิบกว่าคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบอดี้การ์ดมืออาชีพ หลังจากต้านทานได้ไม่ถึงครึ่งนาที พวกเขาถูกบอดี้การ์ดของครัฟฟ์ทำร้ายจนลงไปกองกับพื้น
บอดี้การ์ดของครัฟฟ์ไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย พวกเขาทุบตีลูกเศรษฐีที่นอนอยู่บนพื้นอย่างรุนแรง ทำให้พวกลูกเศรษฐีร้องคร่ําครวญอย่างอนาถ
“ขอโทษคุณหลี่กับคุณกู้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกแก มิเช่นนั้น ก็รอถูกพวกเราทุบตีจนพิการเถอะ”
หัวหน้าบอดี้การ์ดกล่าวอย่างจริงจัง
หม่าเจียเฉิง และคนอื่นๆ ถูกทุบตีจนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เหมือนชีวิตพังทลายลงไปนานแล้ว และไม่สามารถทนต่อการทุบตีที่รุนแรงเช่นนี้ได้
“ผม ผมขอโทษ อย่าตีผมอีกเลย ผมขอโทษพวกคุณ หลี่โม่กับกู้หยุนหลัน ผมผิดไปแล้ว คุณรีบบอกพวกเขาว่าอย่าทุบตีผมอีกเลย”
มีลูกเศรษฐีคนหนึ่งที่ทนความเจ็บปวดและคำข่มขู่ไม่ไหว ร้องขอความเมตตา จากนั้นจึงมีลูกเศรษฐีมากมายร้องขอความเมตตาตามกัน
ในที่สุดหม่าเจียเฉิงก็ทรุดตัวลง กัดฟันและกล่าวอ้อนวอนขอความเมตตา
“ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ หลี่… คุณหลี่ คุณกู้ ผมขอโทษสำหรับอากัปกิริยาเมื่อสักครู่ของผม ผมหยาบคายเกินไป ขอโทษพวกคุณด้วย”
เมื่อเห็นหม่าเจียเฉิงและคนอื่น ๆ ขอโทษอย่างน่าสังเวช หวงจื่อเซวียนแอบระเริงอยู่ในใจ รู้สึกว่าเมื่อสักครู่ตนเองไม่แข็งข้อหลี่โม่ เป็นความโชคดีในความโชคร้าย มิฉะนั้น ตนเองจะต้องอนาถเหมือนหม่าเจียเฉิงในตอนนี้
พวกเซเลบริตี้หนุ่มสาวต่างประหลาดใจอย่างมาก หลังจากประหลาดใจแล้วสายตาที่มองไปที่หลี่โม่เปลี่ยนไป พวกเขาทั้งหมดมองหลี่โม่ด้วยสายตาที่มองคนใหญ่คนโต และรู้สึกว่าฐานะตัวตนของหลี่โม่ต้องไม่ธรรมดา
ครัฟฟ์มองหม่าเจียเฉิงและคนอื่นๆ อย่างดูถูก จากนั้นก็เดินไปหาหลี่โม่แล้วพูดว่า “คุณหลี่ คุณกู้ พวกคุณพอใจกับคำขอโทษของพวกเขาไหม? ถ้าพวกคุณยังไม่พอใจ ผมจะให้พวกเขาคุกเข่าขอโทษตามธรรมเนียมของพวกคุณ”
หัวใจของหม่าเจียเฉิงเหมือนสลายกลายเป็นผงธุลี รู้สึกว่าถ้าตนเองคุกเข่าให้หลี่โม่ ให้ตนเองตายเสียดีกว่า ถูกทุบตีขนาดนี้มันก็เสียหน้ามากพอแล้ว ถ้าให้คุกเข่าอีกก็เสียหน้าจนไม่มีอะไรเหลือแล้ว
แม่งฉิบหาย!
ถึงตอนนี้ให้กูคุกเข่ากูก็จะทน รอพวกกลุ่มโจรมาถึง จะให้กลุ่มโจรล้างที่นี่ด้วยเลือด ให้หลี่โม่กับครัฟฟ์ต้องตายอย่างทรมาน และจับตัวกู้หยุนหลันกลับไปเป็นทาส!
หลี่โม่เหลือบมองหม่าเจียเฉิงที่อยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากคับขัน และโบกมือ “ปล่อยพวกเขาไปเถอะ เห็นหน้าพวกเขาแล้วทำให้เสียอารมณ์”
“ผมคิดว่าพระเจ้าจะสรรเสริญคุณ ความใจกว้างของคุณทำให้ผมชื่นชมจริงๆ”
ครัฟฟ์พูดประจบหลี่โม่ จากนั้นบอดี้การ์ดก็ขับไล่หม่าเจียเฉิงและคนอื่นๆ ออกไป
หม่าเจียเฉิงและคนอื่นๆ จากไปเหมือนหมาจนตรอก ในใจเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
หลังจากที่หม่าเจียเฉิงจากไป พวกเซเลบริตี้หนุ่มสาวที่ฉลาดบางคนมาขอชนแก้วกับหลี่โม่ โดยหวังว่าจะได้รู้จักกับชายหนุ่มผู้ลึกลับและทรงพลังคนนี้
“สวัสดี คุณหลี่ ฉันเป็นอาจารย์อยู่ที่โรงเรียนสอนดนตรี ฉันอยากรู้จักคุณหลี่”
“ฉันชื่อสวีลี่หัวประธานมูลนิธิอ้ายซิน ฉันตื่นเต้นมากที่ได้พบคุณหลี่ในวันนี้ หวังว่าพวกเราจะมีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้นในอนาคต”
หลี่โม่มองดูผู้คนรอบๆตนเอง เขารู้สึกปวดหัวเล็กน้อย ไม่มีความคิดที่จะสื่อสารกับคนพวกนี้
ครัฟฟ์ดูออกว่าหลี่โม่ไม่ต้องการสื่อสารกับคนเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงหยุดคนเหล่านี้แทนหลี่โม่ โดยพาหลี่โม่ไปที่ห้องจัดเลี้ยง และพูดคุยกับหลี่โม่อย่างประจบสอพลอ
“ดูเหมือนคุณหลี่จะไม่ชอบผูกมิตรกับพวกเซเลบริตี้แต่จริงๆ แล้วคนเหล่านี้ไม่มีอะไรจะผูกมิตรด้วย พวกเขาล้วนแต่เข้าหาเพื่อหวังกำไรเท่านั้น”
“ครัฟฟ์คุณได้ล่วงเกินหม่าเจี่ยเฉิง คุณไม่กังวลแม้สักนิดเลยหรือ”
หลี่โม่ตอบไม่ตรงคำถาม
ครัฟฟ์ยิ้มและยักไหล่ “ทำไมผมต้องกังวล พวกเขาเป็นแค่ลูกเศรษฐี”
“พวกเขาไม่ยอมจบแน่นอน” หลี่โม่กล่าวอย่างราบเรียบ