บทที่ 34 สิ่งที่พูด
ได้ยินคำพูดของหลี่โม่ คนในบ้านทั้งสาม ล้วนแต่จ้องมองเขาอย่างแปลกประหลาด
นี่หลี่โม่เป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม
ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าพูดแบบนี้ออกมา!
หวังฟางโมโหขึ้นทันที ลุกขึ้นเลิกคิ้วชี้ไปที่หลี่โม่แล้วดุด่าว่า “เซอร์ไพรส์อะไร ทำไมลูกสาวฉันต้องฟังแกแล้วลองไปตามที่แกบอกด้วย แกมันขยะ ความคิดมั่วซั่ว ไสหัวไป อย่ามาขวางหูขวางตา!”
หลี่โม่ถอนหายใจอย่างหมดหนทาง สีหน้าค่อนข้างย่ำแย่
แม่ยายดูถูกตน เป็นเรื่องที่เปลี่ยนไม่ได้เลย
สี่ปีมานี่ ในสายตาของหวังฟาง หลี่โม่เป็นแค่หนูข้างถนน เป็นขยะไร้ค่าที่คนทั่วไปรังเกียจ
ตอนนี้คุณชายตระกูลหลี่ผู้ลึกลับต้องการสร้างบริษัทวิจัยทางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองฮ่าน เป็นเค้กที่หอมหวานในสายตาของทุกคน
ตราบเท่าที่เราได้รับความร่วมมือกับหยุนจงหลันกรุ๊ป ต่อให้สูญเสียบริษัทรุงคางไปแล้วทำไม
นายท่านใหญ่ตระกูลกู้จะเห็นหลานสาวตัวเองอยู่ในสายตาอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น ครอบครัวของกู้ยุนหลัน ก็สามารถยืดอกต่อหน้าญาติพี่น้องตระกูลกู้
แต่ว่าความร่วมมือนี้ มันเจรจาไม่ง่ายเลย
กู้หยุนหลันรู้ว่ามันยาก
หวังฟางก็รู้ว่ายาก
ทว่าต่อให้เป็นไปไม่ได้ มันก็ไม่ใช่เวลาที่หลี่โม่คนนี้จะมาแส่ปากออกความคิดมั่วซั่ว
“เลิกถูได้แล้ว เห็นแกแล้วอารมณ์เสีย ไอ้ขยะไม่ได้เรื่อง!”
ในใจหวังฟางแห้งแล้งมาก โดยเฉพาะเรื่องงานเลี้ยงอาหารค่ำของตระกูลเมื่อคืน มันน่าอายเหลือเกิน
ตอนนี้ใจเธอรู้สึกแย่มาก จึงอยากระบายปัญหาใส่หลี่โม่
กู้หยุนหลันลุกขึ้น มองไปยังหลี่โม่ที่โดนลูกหลง ก็พลันส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง ก่อนจะตรงเข้าห้องนอนไป
หลี่โม่มองไปยังประตูห้องนอนที่ปิดลง แล้วขลุกอยู่กับการถูพื้นอีกครั้ง
เกือบครึ่งชั่วโมงต่อมา หลี่โม่ก็หาข้ออ้างออกไปข้างนอก ตลอดทางตรงไปยังบริษัทรุงคาง
ความร่วมมือของบริษัทรุงคาง เป็นไปไม่ได้ที่จะตกอยู่ในมือสารเลวกู้ซิงเว๋ย
หลี่โม่กำลังจะก้าวเข้าบริษัทรุงคาง ปรากฏว่าด้านหน้ามีกลิ่นหอมฟุ้งมาเตะจมูก ก่อนจะตามด้วยเสียงหวานเสียงหนึ่ง
ร่างระหงถูกหลี่โม่ชนจนล้มลงกับพื้น
“แกเดินยังไงเนี่ย ไม่มีตาหรือไง!”
ร่างระหงนี้ ด้านบนสวมเสื้อคอวีสีขาว ส่วนล่างเป็นกระโปรงสั้นสีแดงปิดก้นแค่คืบ ขาเรียวตรงห่อด้วยถุงน่องสีดำบาง เท้าเหยียบอยู่บนรองเท้าส้นสูงปรี๊ดสีดำ
แฟชั่นสาวชั้นสูงสุดเซ็กซี่!
โดยรอบยิ่งให้ความสนใจ ก้นผึ้งเอวบาง ผอมเพรียวอวบอิ่ม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งริมฝีปากสีแดงที่แสนดึงดูดเป็นพิเศษ ทำให้ผู้ชายต้องมัวเมาในพริบตา
หลี่โม่เองก็ไม่ได้ตั้งใจ รีบดึงขึ้นมาและพูดขอโทษว่า “ขอโทษๆ คุณไม่เป็นไรนะ”
เพี๊ยะ!
อีกฝ่ายปัดมือของหลี่โม่ออกอย่างแรง ลุกขึ้นยืนเองด้วยเท้ากะเผลก
หญิงสาวร้องโอดโอยพลางประคองเอวจับสะโพก ถอดแว่นกันแดดขนาดใหญ่จากใบหน้าด้วยความโมโห ชี้ไปที่หลี่โม่และตะคอกใส่เขา “มึงตาบอดหรือไงไอ้โง่!”
ปรากฏว่า
เมื่อทั้งสองคนได้เห็นหน้ากัน มันก็พลันเลวร้าย
“หลี่โม่เหรอ”
หญิงสาวตะโกน สีหน้าพลันแปลกใจมาก สายตายังคงโหดร้ายและเยาะเย้ย
“ฟางถิงเหรอ”
หลี่โม่เองก็เพิ่งได้สติ
อ่าฮะ!
ผู้หญิงคนนี้คือฟางถิงจริงๆ
“เหอะ! ฉันก็คิดว่าใคร คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเป็นแกไอ้เศษสวะ!”
ฟางถิงสีหน้าไม่พอใจมาก ตบปัดๆ ฝุ่นที่สะโพกตัวเอง หน้าตาบอกบุญไม่รับ
หลี่โม่ได้แต่หัวเราะกับตัวเอง ยืนอยู่ฝั่งหนึ่งอย่างตะขิดตะขวง
“โอเคหลี่โม่ ครั้งที่แล้วที่ร้านสปาฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับแกเลย วันนี้มาเจอแกอีกครั้ง แกคงจะไม่ได้ติดตามฉันหรอกใช่ไหม” ฟางถิงมองหลี่โม่หัวจดเท้าขึ้นลงอยู่หลายครั้งอย่างเย่อหยิ่ง
“เปล่า ผมแค่มาดูที่นี่” หลี่โม่ตอบ
“ดูเหรอ ดูอะไร”
ใบหน้าสวยของฟางถิงยุ่งเหยิงก่อนจะตามด้วยนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วอ้าปากกว้างดูถูก “ฉันรู้ละ ครั้งก่อนแกเล่นละครว่าเป็นเจ้านายใหม่ คงจะไม่ได้ถูกไล่ออกแล้วมาสมัครเป็นรปภ.ที่นี่หรอกนะ”
เมื่อพูดจบ เธอก็มองหลี่โม่ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย ท่าทีหยิ่งผยองจนเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะสายตาและท่าทาง ทำให้หลี่โม่เห็นแล้วรู้สึกไม่ดี
“เปล่า ผมมาหาหรุง…”
หลี่โม่เพิ่งอยากอธิบาย ฟางถิงก็มองเขาอย่างเหยียดหยามและตัดบทด้วยน้ำเสียงไม่ดี “เอาเถอะ รีบไสหัวกลับไปเลย อย่ามาทำเรื่องน่าละอาย ฉันเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์คนใหม่ของบริษัทนี้ มีฉันอยู่ที่นี่ แกหยุดคิดจะสมัครงานบริษัทนี้ได้เลย”
หืม
หลี่โม่งุนงงเล็กน้อย
ฟางถิงเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทรุงคางงั้นเหรอ
“เพราะอะไร” หลี่โม่ถามกลับ
ฟางถิงหัวเราะฮ่าฮ่า สองมือกอดอกพูดอย่างดูถูก “ก็เพราะว่าฉันดูถูกแก แกมันก็แค่เศษสวะ ยังอยากมาสมัครเป็นรปภ.ของบริษัทรุงคาง ใครให้ความกล้ากับแก เหลียงจิ้งหรูเหรอ”
ฟางถิงสีหน้าเต็มไปด้วยความโหดร้าย
ช่วงนี้มีคนมาสมัครงานกับบริษัทรุงคางตั้งเท่าไร
เศษขยะอย่างหลี่โม่ก็อยากเข้างั้นเหรอ
ฝันไปเถอะ!
หลี่โม่ขมวดคิ้วคม สีหน้าเย็นชาลงเล็กน้อย เขาไม่อยากโต้เถียงกับผู้หญิงที่ดวงตาและท่าทางโอหังอย่างฟางถิง
ดังนั้นเขาจึงหันหลังและคิดจะไป
ทว่าเช่นนี้ทำให้ฟางถิงอารมณ์เสียไปแล้ว
เธอเห็นหลี่โม่ไม่สนใจตัวเอง ก็กระทืบเท้าไปขวางหน้าเขาทันที แล้วด่าใส่หน้าว่า “หลี่โม่ แกหมายความว่ายังไง กล้าดียังไงมาเมินฉัน ฉันขอบอกแกนะ เศษขยะไร้ค่าไม่มีอะไรดีอย่างแกน่ะ ชั่วชีวิตอย่าได้คิดจะเข้าบริษัทรุงคาง ไม่รู้ว่ากู้หยุนหลันนังเด็กบ้านั่นคิดยังไง ไม่อยากเชื่อว่าจะแต่งงานกับแก น่าอายจริง! ฮ่าฮ่า แต่ก็ถือว่าเป็นผลกรรมของเธอนั่นแหละ ใครใช้ให้เธอฉาวโฉ่ในโรงเรียนล่ะ”
“หึ มองออกนานแล้วว่าเธอไม่ใช่ของดี ได้ยินว่าภรรยาของแกกับบริษัทของเราตกลงเรื่องความร่วมมือกันได้ หรือว่ามานอนกับคุณชายหรุงของเรา”
“แกนี่มันเป็นเต่าขนเขียว ถูกภรรยาตัวเองสวมเขาแล้วยังไม่รู้ตัวอีก ยังโง่ดักดานอยู่ในบ้านตระกูลกู้อีกเหรอ”
ฟางถิงพูดมากในหนึ่งลมหายใจ ทุกถ้อยคำล้วนแล้วแต่ดูถูกเหยียดหยาม
ในสายตาของเธอ กู้หยุนหลันทำอะไรก็ล้วนแต่เป็นเรื่องไร้ยางอาย
นี่คือความอิจฉาริษยาของผู้หญิง!
หลี่โม่สีหน้าไม่พอใจขึ้นมาฉับพลัน เขากระชากน้ำเสียงใส่ว่า “พอได้แล้ว! ฟางถิง ฉันขอเตือนเธอ หยุนหลันเป็นภรรยาของฉัน ถ้ามาดูถูกเธอแบบนี้อีก ฉันจะไม่เกรงใจเธอแน่!”
โดยฉับพลัน
ฟางถิงผงะไป มองหลี่โม่อย่างเหลือเชื่อ
จากนั้นเธอก็โกรธจัด หน้าตามีแต่ความเยาะเย้ยหลี่โม่ “แกพูดอะไร คิดจะไม่เกรงใจฉันงั้นเหรอ”
หลี่โม่ไม่ได้พูดอะไร กำหมัดแน่น และสายตาสื่ออารมณ์ของตัวเอง
เพี๊ยะ!
ฟางถิงตบเข้าที่ใบหน้าหลี่โม่ ชี้จมูกเขาพลางตะโกนใส่ว่า “ไอ้ขยะ! เศษสวะอย่างแก คิดจะไม่เกรงใจฉันเหรอ ฉันเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของบริษัทรุงคาง กับสถานะและตัวตน แกจะทำอะไรฉันได้”
“ทำไม คิดว่าตัวเองเป็นลูกเขยตระกูลกู้แล้วสามารถหยิ่งยโสได้เหรอ แกมันก็แค่ตระกูลกู้ เป็นสุนัขที่กู้หยุนหลันเลี้ยง ยังนับตัวเองว่าเป็นคนได้งั้นเหรอ”
ฟางถิงด่าอย่างผู้หญิงปากร้าย หยาบคายมาก
หลี่โม่สีหน้าเปลี่ยนในฉับพลัน โดนตบทั้งที่ไม่ผิด ไฟโกรธยิ่งสุมทรวง
เขาพูดว่า “เป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์แล้วยังไง เชื่อไหม ฉันไล่เธอออกได้เพียงแค่พูดคำเดียว!”
ฟางถิงหัวเราะ หัวเราะจนเกือบตาย
หลี่โม่นี่โคตรโง่ ไม่อยากเชื่อว่าพูดคำโอหังแบบนี้ออกมาได้
พูดคำเดียวไล่ตนออกงั้นเหรอ
ฟางถิงเตะเข้าที่หัวเข่าของหลี่โม่และด่าว่า “ไอ้ขี้แพ้ยังจะมาตอแหล! แกไล่ฉันออกได้เหรอ หรือว่าแกพูดคำเดียว ประธานหรุงของเราต้องเชื่อฟังแกด้วยความเคารพนบนอบงั้นเหรอ”
“ก็ไม่แน่”
หลี่โม่หัวเราะอย่างเย็นชา
พรืด!
ในทันทีที่ฟางถิงทนไม่ไหว ปิดปากส่งเสียงหัวเราะออกมา
จากนั้นเธอก็เยาะเย้ยถากถางว่า “แกทำได้ดีมากหลี่โม่ พูดไร้ยางอายแบบนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย”
หลี่โม่ขี้เกียจพูดกับเธอ หยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาหรุงปินด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หรุงปิน ลงมาเดี๋ยวนี้!”
หลังจากวางสายไปแล้ว พบว่าฟางถิงมองตัวเองด้วยความชื่นชมพร้อมกับยกนิ้วให้
“ฮ่าๆๆ หลี่โม่ แกเยี่ยมมาก แสดงละครเต็มรูปแบบขนาดนี้เลยเหรอ วันนี้ฉันจะดูซิว่าประธานหรุงของเราจะลงมาไหม”
ฟางถิงโคตรคิดไม่ถึง ว่าหลี่โม่ไอ้เศษสวะนี่ ไม่อยากเชื่อว่าจะเล่นกลได้ถึงระดับนี้
เพื่อแกล้งทำเป็นว่าตัวเองไม่เสียหน้างั้นเหรอ
กลัวว่ามันจะโคตรน่าตลก
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
เวลานี้ เสียงชายวัยกลางคนคนหนึ่งดังขึ้น
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัทรุงคางพาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเล็กๆ หลายคนเข้ามาด้วยว่องไว
เห็นฟางถิงต่อหน้า หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยรู้สึกใจกระปรี้กระเปร่า
นี่คือผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์คนใหม่ไม่ใช่หรือ
“อ้าว ผู้จัดการฟาง คุณมาแล้วเหรอครับ แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น ต้องการความช่วยเหลือไหมครับ”
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยจ้าวกางก็คือสุนัขสอพลอ
ฟางถิงยังเด็กและสะสวย จึงเริ่มประจบประแจงเธอ
ผู้ชายน่ะเหรอ มันก็แค่เรื่องนั้นนั่นแหละ
โดยทันทีที่ฟางถิงเหยียดหนิ้วหยกเขียวมรกต ชี้ไปที่หลี่โม่และพูดอย่างร้ายกาจว่า “เขาชนฉันแล้วไม่ยอมขอโทษ!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็เป็นเรื่อง
จ้าวกางมองไปยังหลี่โม่ และกวาดตามองอยู่หลายรอบ ผู้ชายในชุดธรรมดา ถึงขั้นค่อนข้างหน้าโง่
ดังนั้นเขาก็เข้าใจในทันที ชี้หลี่โม่และตะคอกว่า “แกทำอะไร ยังไม่ขอโทษผู้จัดการของเราอีก!”