เมื่อเห็นท่าทางจำใจของครัฟฟ์ ฉินเจี้ยนจังดีใจจนแทบจะกระโดดโลดเต้น คราวนี้ถือว่าสามารถผ่านสถานการณ์คับขันไปได้แล้ว
ถ้ากลุ่มทนายความของแอ็งกร์ไม่มา ฉินเจี้ยนจังรู้สึกว่าตนเองอยู่ยงคงกระพันในประเทศจีน
“ฮ่าๆๆ ดูเหมือนว่าดวงของพวกคุณจะไม่ค่อยดีนัก กลุ่มทนายความของทนายความแอ็งกร์ไม่มาช่วยพวกคุณ ก็ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะสามารถชนะผมได้อีกแล้ว พวกคุณเตรียมตัวพ่ายแพ้และล้มละลายเถอะ”
สีหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วเปลี่ยนเป็นขาวซีดเผือด รู้สึกว่านี่คือจังหวะที่ตระกูลกู้กำลังจะจบสิ้นแล้ว
“นี่มันเป็นเพราะอะไร? ทำไมพวกคุณต้องพุ่งเป้ามาที่ตระกูลกู้ของพวกเราด้วย พวกเราไปล่วงเกินใครไว้!”
กู้เจี้ยนกั๋วอดไม่ได้ที่จะถาม
“ในพวกคุณมีใครไปล่วงเกินคนอื่นไว้ตนเองก็รู้อยู่แก่ใจแล้ว ผมไม่อยากจะพูด ขอให้พวกคุณสนุกเป็นครั้งสุดท้ายกับเวลาที่เหลือเถอะ งานแถลงข่าวสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”
ฉินเจี้ยนจังกล่าวอย่างมีชัย ราวกับขุนพลที่ชนะการต่อสู้ เขาอกผายไหล่ผึ่งแล้วหันหลัง เตรียมพาลูกน้องกลับไปรายงานข่าวดีให้กับหม่าเต๋อฝู
กู้หยุนหลันมองหลี่โม่ ริมฝีปากของเธอขยับเล็กน้อย พยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับหลี่โม่ แต่ในที่สุดเธอก็ไม่พูดออกมา
หลี่โม่เข้าใจความคิดของกู้หยุนหลัน เขาจับมือกู้หยุนหลันและตบเบา ๆ ส่งสัญญาณให้กู้หยุนหลันว่าไม่ต้องวิตกกังวล
“บอกให้คุณไปได้แล้วเหรอ?”
หลี่โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ฉินเจี้ยนจังหยุดฝีเท้า และมองหลี่โม่ด้วยความสงสัย “ทำไม? คุณจะทำร้ายผมจริง ๆหรือ? ”
“ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก เพียงแค่จะพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับข้อกำหนดทางกฎหมายบางประการ”
หลี่โม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่า ๆ”
ฉินเจี้ยนจังหัวเราะอย่างเหยียดหยาม “คุณ ต้องการจะคุยกับผม ฐานะตัวตนของคุณคืออะไร คุณเข้าใจกฎหมายหรือไม่ คุณเป็นเศษสวะของคุณต่อไปเถอะ อย่ามาตีฝีปากกับผม มิเช่นนั้นผมจะทำให้คุณรู้สึกสงสัยกับชีวิต”
กู้ซิงเว๋ยเบ้ปาก รู้สึกดูถูกเหยียดหยามหลี่โม่ที่เขาไม่กล้าทำอะไรฉินเจี้ยนจัง กลับอยากหารือเรื่องกฎหมายกับฉินเจี้ยนจังแทน
“เศษสวะอย่างแกรู้กฎหมายตั้งแต่เมื่อไหร่? แม่ง เรื่องที่แกเก่งที่สุดคือเรื่องการต่อสู้ไม่ใช่หรือ ถ้าแกทำให้ไอ้ทนายขยะคนนี้รับรู้ถึงความเจ็บปวด มันคงไม่กล้าฟ้องพวกเราอย่างแน่นอน”
กู้ซิงเว๋ยกล่าวด้วยความโมโห
หลี่โม่ไม่สนใจกู้ซิงเว๋ย แต่มองตรงไปที่ฉินเจี้ยนจัง “คุณกำลังวางแผนที่จะใช้มาตราที่ 39 บทที่ 5 ของกฎหมายการแพทย์ บทความที่ 41 ถูกต้องหรือไม่”
ฉินเจี้ยนจังหน้าเปลี่ยนสีทันที และมองหลี่โม่อย่างแปลกใจ ไม่คาดคิดว่าหลี่โม่จะพูดแผนที่เขาวางไว้ในใจ
หลังจากศึกษาเนื้อหาทั้งหมดแล้ว การฟ้องร้องของฉินเจี้ยนจัง ส่วนใหญ่เกี่ยวกับสองอนุประโยคนั้นเป็นพื้นฐานหลัก
“ดูเหมือนว่าผมพูดถูก แต่คุณได้ให้ความสนใจกับการอธิบายเพิ่มเติมล่าสุดของมาตรา 39 และมาตรฐานการใช้งานจริงของมาตรา 41 ? หากคุณไม่ได้สังเกตสองประเด็นนี้ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณเป็นทนายความที่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร”
หลี่โม่กล่าวอย่างสงบ แต่กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ ฟังด้วยความสับสน แม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจคำพูดทุกประโยคที่หลี่โม่พูด แต่ถ้าเอามารวมกันแล้วพวกเข้าไม่เข้าใจความหมายของมันเลย
แต่เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่เปลี่ยนไปของฉินเจี้ยนจัง ทุกคนรู้ว่าคำพูดของหลี่โม่มีผล
หลังจากประหลาดใจก็เกิดความตื่นตระหนก กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ มองหลี่โม่ด้วยความตื่นตระหนก ราวกับว่าพวกเขาได้เห็นสัตว์ประหลาดยุคก่อนประวัติศาสตร์
หลี่โม่ที่เป็นเหมือนคนไร้ประโยชน์ในสายตาของทุกคน กำลังพูดถึงกฎหมายกับทนายความชั้นนำในเวลานี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลกประหลาด และแปลกประหลาดมาก ๆ
กู้หยุนหลันมองหลี่โม่ด้วยความปีติยินดี ไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อใดก็ตามที่กู้หยุนหลันพบกับอันตราย หลี่โม่เป็นคนแรกที่เธอนึกถึง
ขณะนี้หลี่โม่ได้ทำให้กู้หยุนหลันมีความรู้สึกปลอดภัยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ราวกับว่าหลี่โม่เป็นภูเขาที่สูงที่สุดในโลก ที่สามารถทนต่อลมพายุได้ทั้งหมด
ครัฟฟ์กล่าวอย่างโอเวอร์ว่า “โอ้ พระเจ้าของผม คิดว่าพระเจ้าจะต้องยกย่องคุณหลี่ คิดไม่ถึงว่าคุณหลี่จะเป็นคนที่โดดเด่นเรื่องกฎหมาย มันทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจจริงๆ”
น้ำเสียงที่โอเวอร์ดังก้องกังวานในห้องประชุม ทำให้ฉินเจี้ยนจังที่กำลังครุ่นคิดได้สติกลับคืนมา
อธิบายเพิ่มเติมล่าสุด?
มาตรฐานการใช้งานจริง?
พวกนั้นมันคืออะไร!
ในใจของฉินเจี้ยนจังรู้สึกสับสน คิดไม่ออกว่าสิ่งที่หลี่โม่พูดคืออะไร
ลูกน้องทนายได้เปิดโทรศัพท์มือถือแล้วค้นหาข้อมูล จากนั้นไม่นานเขาก็มอบโทรศัพท์ให้ฉินเจี้ยนจังด้วยใบหน้าขมขื่น
“นี่เป็นคำอธิบายเพิ่มเติมล่าสุดและมาตรฐานการใช้งานจริงที่เผยแพร่เมื่อคืนนี้ เมื่อคืนพวกเรายุ่งมากจนลืมอ่านจุดนี้”
ฉินเจี้ยนจังรับบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเนื้อหาบนหน้าจอ ทำให้ฉินเจี้ยนจังรู้สึกราวกับว่าถูกฟ้าผ่า
“แม่งฉิบหาย! ทำไมเมื่อคืนพวกคุณถึงไม่ใส่ใจ! การเตรียมการทั้งคืนสูญเปล่าแล้ว!”
ฉินเจี้ยนจังคำรามด้วยความโกรธ
เมื่อเห็นท่าทางที่หลี่โม่ยิ้ม ฉินเจี้ยนจังก็ขว้างโทรศัพท์อย่างโกรธเคือง “คุณ รู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร หรือว่าคุณรู้เรื่องที่พวกเราพุ่งเป้ามาที่คุณตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว! ”
“ฮ่า ๆ กลับไปบอกนายจ้างของคุณ ถ้ามีอะไรก็แสดงมันออกมาให้หมด อย่าใช้วิธีที่น่าขยะแขยงเช่นนี้ ไม่งั้นผมจะให้เขาตายอย่างขยะแขยง”
หลี่โม่กล่าวด้วยใบหน้าเย็นชา
ฉินเจี้ยนจังรู้สึกใจห่อเหี่ยวทันที ก้าวถอยหลังแล้วกล่าวว่า “ผมจะนำคำพูดของคุณไปแจ้งให้นายจ้างทราบ แต่ผมแนะนำให้คุณไปขอโทษนายจ้างของผมให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้คนอื่นต้องเดือดร้อน”
“กลับ!”
ฉินเจี้ยนจังตะโกนประโยคหนึ่ง และเดินออกไปพร้อมกับลูกน้องทนายด้วยความอับอาย
กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่นๆ ใช้สายตาที่โกรธแค้นจ้องมองหลี่โม่ จากคำพูดของฉินเจี้ยนจัง ทำให้รู้ว่าว่าผู้กระทำผิดคือหลี่โม่คนไร้ประโยชน์คนนี้
แม้ว่าพฤติกรรมที่หลี่โม่แสดงเมื่อครู่จะทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก และทำให้ของฉินเจี้ยนจังตกใจจนถอยหนี แต่เรื่องพวกนี้มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไป สิ่งสำคัญคือการหาว่าหลี่โม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาอะไรขึ้น
ปัง!
กู้เจี้ยนกั๋วตบโต๊ะอย่างแรง และตะโกนด้วยความโกรธ “หลี่โม่! แกไอ้คนไร้ประโยชน์ได้ก่อปัญหาอะไรขึ้นอีก! แม่ง ถึงขนาดให้ทนายความเก็บรวบรวมข้อมูลผู้ป่วย คนที่แกล่วงเกินกำลังจะทำให้ตระกูลกู้ของพวกเราต้องตาย!”
“มีผมอยู่ ตระกูลกู้ของพวกคุณจะเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ”
หลี่โม่พูดอย่างใจเย็น ราวกับว่ากำลังพูดเรื่องความเป็นจริง
“ถุย!”
“กู้ซิงเว๋ยถ่มน้ำลาย มองหลี่โม่อย่างดูถูก “แม่ง แกนี่ช่างโอ้อวดนัก แกคิดว่าตนเองเป็นใคร แม่งยังบอกว่าถ้ามีแกอยู่! มีแกอยู่ดันแต่จะทำให้พวกเราตระกูลกู้เจอแต่เรื่องหายนะ! แกดูเรื่องที่แกทำสิ คราวนี้แกได้ไปล่วงเกินใครล่ะ!”
หลี่โม่ถอนหายใจ และกล่าวว่า “พวกคุณไม่จำเป็นต้องรู้มาก รู้แค่ว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรกับพวกคุณ พวกคุณประชุมกันต่อเถอะ”
“แกบอกว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไร ก็จะไม่เกิดหรือ? แกคิดว่าตนเองคือราชาแห่งสวรรค์ แกต้องอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเราฟังอย่างชัดเจน มิฉะนั้น แกก็ไสหัวออกไปจากตระกูลกู้” กู้เจี้ยนเจียงกล่าวด้วยความโมโห
ขณะนี้กู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ รู้สึกไม่ปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง พวกเขารู้สึกว่าถ้าไม่ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง คืนนี้พวกเขานอนไม่หลับแน่นอน
“พวกคุณแน่ใจนะว่าอยากฟัง?”
หลี่โม่เหลือบมองทุกคนในตระกูลกู้ และกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “หลังจากฟังจบ เกรงว่าพวกคุณจะกลัวจนฉี่ราด”