หลี่โม่เองก็ไม่รู้ว่าตนเองแข็งแกร่งแค่ไหน
แม้ว่าสำนักหลงเหมินได้รวบรวมหนังสือฝึกบูโดเกือบทั้งหมดในโลก และมีปรมาจารย์แห่งบู๊จำนวนมากที่สุดในโลก คำถามที่ว่ามีพลังระดับที่สูงกว่าดำรงอยู่หรือไม่ ยังไม่เคยมีการตัดสิน
ปรมาจารย์แห่งบู๊หลายคนสามารถสัมผัสได้ถึงความสอดคล้องกันของสวรรค์กับมนุษย์ รู้สึกว่าควรมีระดับพลังที่คล้ายกับพลังของภูมิฤๅษีในตำนาน แต่ไม่มีปรมาจารย์แห่งบู๊ของสำนักหลงเหมินคนใดสามารถฝ่าฟันไปถึงระดับพลังนั้น
ดังนั้นหลี่โม่จึงไม่กล้าพูดว่าตนเองแข็งแกร่งแค่ไหน มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีผู้ที่แข็งแกร่งอยู่ เพียงแต่ว่าพวกเขายังไม่ปรากฏตัวเท่านั้นเอง
จางเจียต้องไม่พอใจกับคำตอบของหลี่โม่ หลี่โม่แข็งแกร่งมากจนสามารถฆ่าจอห์นที่มีเส้นเลือดคิงคอง แต่เขากลับบอกว่าตนเองเป็นเพียงส่วนหนึ่งของคนที่แข็งแกร่งเท่านั้น ซึ่งการพูดอย่างนี้มันเสแสร้งเกินไปแล้ว!
เดิมเรื่องนี้ควรจะเป็นจางเจียต้องเองที่ต้องเสแสร้งมากกว่า!
แต่ว่าตอนนี้กลับถูกหลี่โม่นำมาใช้ มันทำให้จางเจียต้องรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
เขาจ้องหลี่โม่อย่างดุร้าย จางเจียต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และตัดสินใจใช้สามสิบหกกลยุทธ์ รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง หนีคือสุดยอดกลยุทธ์ หลังจากที่ตนเองแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เขาก็จะกลับมาประลองกับหลี่โม่!
จากนั้นจางเจียต้องก้าวถอยหลัง เตรียมทุบหน้าต่างที่อยู่ข้างหลังเพื่อหลบหนี แต่หลี่โม่ได้เคลื่อนไหวแล้ว
ถ้าบอกว่าจางเจียต้องเร็วเหมือนสายลม หลี่โม่ก็เร็วเหมือนสายฟ้า
เพียงชั่วพริบตา หลี่โม่ก็ได้ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าจางเจียต้องแล้ว ความเร็วที่น่ากลัวทำให้เลือดในร่างกายของจางเจียต้องเกือบจะแข็งตัว
ก่อนที่ความคิดที่ประหลาดใจของจางเจียต้องจะปรากฏขึ้นสมอง มือของหลี่โม่ก็ได้จับคอของจางเจียต้องไว้แล้ว
เขารู้สึกหายใจไม่ออก ตอนนี้สิ่งที่จางเจียต้องทำได้คือต่อสู้ดิ้นรน เหวี่ยงแขนออกอย่างดุเดือด และทุบหน้าอกของหลี่โม่
หลี่โม่ยิ้มเยาะเย้ย จับแขนของจางเจียต้องแล้วใช้แรงเหวี่ยงเขาขึ้นไปข้างบน
โครม!
ร่างจางเจียต้องกระแทกกับฝ้าเพดาน ทำให้ฝ้าเพดานทรุดและมีฝุ่นกระจายลงมา เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทำให้รูม่านตาของจางเจียต้องยิ่งแดงขึ้นไปอีก
จางเจียต้องที่โกรธจัดทำให้กล้ามเนื้อทั่วร่างกายของเขาปูดขึ้น เลือดของเขาไหลเร็วขึ้น และความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แค่เขาบิดเอวในอากาศ ร่างของจางเจียต้องก็ลอยออกไประยะทางหนึ่ง จากนั้นก็ร่อนลงมาทางด้านหลังหลี่โม่อย่างมั่นคง
“แก ทำให้ฉันโกรธสำเร็จ!”
จางเจียต้องกล่าวด้วยความโกรธแค้น
หลี่โม่หันไปมองจางเจียต้อง ส่ายศีรษะและยิ้มเย้ยหยัน “นี่คือท่าไม้ตายของแกหรือ? นี่ถือเป็นการกลายร่างครั้งที่สอง? รู้สึกว่ามันแปลกประหลาดไปนิด”
“นี่เป็นเทคโนโลยีชั้นสูง มีฉันเพียงคนเดียวที่ประสบความสำเร็จในการดัดแปลงพันธุกรรม ให้แกเปิดหูเปิดตาว่าฉันเก่งแค่ไหน!”
จางเจียต้องแสดงอารมณ์โกรธอย่างดุร้ายบนใบหน้า แต่ในใจกำลังคิดถึงเส้นทางหลบหนี แม้ว่าจะกลายร่างหลังจากความโกรธที่รุนแรงแล้วทำให้พลังเพิ่มขึ้น แต่ว่าจางเจียต้องยังคงรู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลี่โม่
อาจเป็นเพราะหลี่โม่ทำให้จางเจียต้องรู้สึกกลัว จึงทำให้จางเจียต้องรู้สึกว่าตนเองต้องหลบหนีเท่านั้นถึงจะพ้นเงื้อมมือปีศาจของหลี่โม่ได้
อู๋ผิงผิงและคนอื่นๆ อึ้งจนพูดไม่ออก ฉากที่พวกเขาเห็นในตอนนี้ เหมือนกับฉากร้อนแรงในภาพยนตร์ สิ่งเหล่านี้ทำให้พวกเขารู้สึกไม่ใช่เรื่องจริง ราวกับว่าพวกเขาได้เข้าสู่โลกแห่งภาพยนตร์
ในโลกแห่งความเป็นจริงจะมีคนที่แข็งแกร่งทรงพลังเช่นนี้หรือ?
ถ้าเป็นเช่นนั้น โลกความเป็นจริงคงพังพินาศไปนานแล้ว นี่ต้องเป็นความฝันแน่!
อู๋ผิงผิงสะกดจิตตนเอง มิเช่นนั้นจะทำให้ตนเองไม่เชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นภาพลวงตา เธอกลัวว่าจิตวิญญาณของตนเองจะพังทลายลง
หลี่โม่สนใจเทคโนโลยีชั้นสูงที่จางเจียต้องพูดถึงเป็นอย่างมาก ไม่กดดันจางเจียต้องต่อไป แต่พูดคุยกับจางเจียต้องด้วยน้ำเสียงที่ปกติ
“เมื่อพูดถึงการดัดแปลงพันธุกรรม ผมเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ดูเหมือนว่าการดัดแปลงพันธุกรรมไม่เคยประสบความสำเร็จ ไม่คิดว่าวันนี้จะได้เห็นการทดลองที่ประสบความสำเร็จ มันรู้สึกน่าสนใจ”
จางเจียต้องโกรธจนหายใจไม่ทัน ฉันเป็นรุ่นแรกที่ประสบความสำเร็จในการดัดแปลงพันธุกรรม แต่แกกลับพูดเหมือนกับว่าฉันเป็นเหมือนสัตว์ที่อยู่ในสวนสัตว์ ที่แกคิดจะมาเที่ยวชมหรือ!
“ฉันไม่ใช่หนูทดลอง! ฉันเป็นคนรุ่นแรกของการดัดแปลงพันธุกรรมที่ประสบความสำเร็จ แกไม่เข้าใจปัญหาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในนั้น ต่างคนต่างอยู่ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกัน ถ้าแกทำร้ายฉัน แกจะถูกตามไล่ฆ่าอย่างไม่สิ้นสุด ไม่เพียงแต่แก แต่ยังรวมถึงครอบครัวของแกและครอบครัวของกู้หยุนหลันด้วย!”
เมื่อเผชิญกับการข่มขู่ของจางเจียต้อง หลี่โม่ยังคงนิ่งเฉย
“สิ่งที่คุณพูดมันไม่มีผลกระทบอะไรกับผมเลย ถ้าพวกเขามาจริงก็ต้องตายหมด แกลองเปลี่ยนคำขู่เป็นวิธีอื่น”
จางเจียต้องพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แม่งฉิบหายนี่เป็นการข่มขู่ที่ดีที่สุดแล้ว ทำไมกลับรู้สึกว่าถูกหลี่โม่ข่มขู่อยู่!
จางเจียต้องที่เงียบงันมองไปที่หลี่โม่ด้วยแววตาเปล่งประกาย ครุ่นคิดว่าทำยังไงถึงจะเกลี้ยกล่อมให้หลี่โม่ยอมปล่อยตนเองให้จากไปอย่างปลอดภัย
……
เวลานี้ หลงเทียนสิงได้พาลูกศิษย์จากสถาบันบู๊มาถึงเขตชานเมืองของเมืองฮ่าน หลังจากที่ลูกศิษย์คนหนึ่งรับโทรศัพท์ เขาก็พูดเสียงดังว่า “อาจารย์ พบตำแหน่งของ หลี่โม่อยู่ในรีสอร์ตที่อยู่ไม่ไกล”
“ฮ่า ๆ ๆ ดูเหมือนว่าสวรรค์จะเข้าข้างฉัน สวรรค์ได้กำเนิดให้ฉันจัดการหลี่โม่ ทำให้หลี่โม่บังเอิญมาอยู่ข้าง ๆพวกเรา ระบุตำแหน่งที่แน่นอน หาแผนที่สามมิติเพื่อดู ภูมิประเทศโดยรอบ ทางที่ดีที่สุดคือจับเป็นหลี่โม่!”
“ครับ!”
รถบัสได้ทำการกลับรถและขับมุ่งหน้าไปที่รีสอร์ต หวังฉองลูกศิษย์ของหลงเทียนสิงถือแล็ปท็อปไว้ มองไปที่ภูมิประเทศที่อยู่ใกล้รีสอร์ต
หลังจากดูเสร็จหวังฉองก็หัวเราะขึ้นมา “ภูมิประเทศนั้นเรียบง่ายมาก กลุ่มที่หนึ่งและกลุ่มที่สองให้ไปประจำการอยู่ที่ปีกซ้ายและปีกขวาของบ้านพักตากอากาศ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนหลบหนีผ่านทางหน้าต่าง ส่วนที่เหลือก็สามารถโจมตีจากประตูหน้าได้โดยตรง”
“พวกเขามาที่นี่เพื่อพักผ่อนเที่ยวเล่น คิดว่าพวกเขาคงไม่พกอาวุธใดๆมาด้วย ดังนั้นพวกเราจึงค่อนข้างได้เปรียบ การที่จะจับเป็นอีกฝ่ายน่าจะเป็นเรื่องง่าย ๆ พวกเราตั้งใจแน่วแน่แล้วไปตรวจเช็ดอุปกรณ์อาวุธกันเถอะ”
มีเสียงคลิก และลูกศิษย์สถาบันบู๊เริ่มตรวจสอบอาวุธปืน ในขณะเดียวกันปืนก็ถูกบรรจุกระสุน เพื่อเตรียมพร้อมก่อนการต่อสู้
หลงเทียนสิงหยิบสนับมือหนึ่งคู่สวมไว้ที่นิ้วมือ รอยยิ้มที่ตื่นเต้นปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา
ขอแค่จับหลี่โม่ได้ ก็สามารถประจบท่านแปดได้ ก็จะทำให้สามารถไปถึงจุดสูงสุดของชีวิตได้ ในที่สุดฉันหลงเทียนสิงก็มีโอกาสเป็นลูกศิษย์ของสำนักหลงเหมินแล้ว!
หลงเทียนสิงคำรามอยู่ในใจ รู้สึกว่าในที่สุดโชคชะตาก็เข้าข้างตนเองอีกครั้ง
รถบัสผ่านประตูของรีสอร์ต ลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งก็เข้าไปควบคุมพนักงานของรีสอร์ตได้อย่างรวดเร็ว
ลูกศิษย์ที่เหลือคนอื่น ๆ เดินตามหลงเทียนสิงไปบ้านพักตากอากาศที่อยู่ตรงกลางของรีสอร์ต
เมื่อเขาอยู่ห่างจากบ้านพักตากอากาศ 100 เมตร หลงเทียนสิงเหลือบมองศพของคาร์ลที่อยู่นอกประตูบ้านพักตากอากาศ
ร่างที่นอนแนบนิ่ง เลือดสีแดงสดกระจายอยู่บนพื้น และกลิ่นเลือดที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ ล้วนแสดงให้เห็นว่าที่นี่มีการฆาตกรรม
“คำเตือน! เตรียมต่อสู้ มีคนลงมือก่อนแล้ว แม่งฉิบหาย หวังว่าหลี่โม่จะยังไม่ตาย!”