สองมือของกู้ซิงเว๋ยถูกมัดแล้วถูกแขวนไว้ที่เวทีมวย มีกลุ่มนักมวยเยาะเย้ยอยู่รอบ ๆ
“พวกคุณ พวกคุณจะทำอะไร อย่าทุบตีผมเลย ผมไม่ใช่คนอึด พวกคุณปล่อยผมไปได้ไหม”
“ปล่อยแก? ฝันไปเถอะ! คู่อริของฉันเป็นคนส่งแกมาใส่ร้ายฉันโดยเฉพาะใช่ไหม! ตอนนี้มือของกูพิการแล้ว ต่อไปคงแข่งขันชกมวยไม่ได้อีกแล้ว!”
พี่ซานเตะเก้าอี้อย่างฉุนเฉียว เก้าอี้ไม้เนื้อแข็งแตกกระจายทันที
เมื่อมองพี่ซานที่โกรธจัด ทำให้วิญญาณของกู้ซิงเว๋ยเกือบหลุดลอยไป
“ไม่ใช่ ไม่ใช่ครับ ผมไม่รู้ว่าคู่อริของคุณคือใคร ผมแค่อยากให้คุณช่วยจัดการไอ้คนไร้ประโยชน์หลี่โม่เท่านั้นเอง”
“คนไร้ประโยชน์เหี้ยอะไร ถ้าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ แกก็เป็นขยะที่ไร้ประโยชน์กว่าเป็นหมื่นเท่า คนที่กูไม่สามารถเอาชนะได้ จะเป็นคนไร้ประโยชน์ได้อย่างไร! พวกเราจัดการเตะต่อยมัน จนกว่ามันจะกระอักเลือด!”
พี่ซานออกคำสั่ง นักมวยก็เอาเป้าล่อชกมัดล้อมรอบร่างกายของกู้ซิงเว๋ยไว้ จากนั้นก็เริ่มใช้หมัดชกร่างกายส่วนบนของกู้ซิงเว๋ย ราวกับว่าพวกเขากำลังชกกระสอบทราย
ตุ๊บ ๆ ๆ
เสียงชกมวยดังเหมือนเสียงถั่วแตก กู้ซิงเว๋ยถูกชกจนร้องโอ๊ย ๆ ยืนหยัดได้ไม่ถึงนาที กู้ซิงเว๋ยก็ถูกชกจนอาเจียนเป็นเลือด
“ปล่อยผมเถอะ ผมไม่ไหวแล้ว ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย”
กู้ซิงเว๋ยอ้อนวอนขอความเมตตาด้วยความอ่อนแรง ใบหน้าขาวซีดเผือด รู้สึกว่าอวัยวะภายในของเขาถูกชกจนแทบจะระเบิด
กู้ซิงเว๋ยรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ตนเองทำลงไปเป็นอย่างมาก อยากที่จะคลานกลับไปให้หลี่โม่ตีดีกว่า ถูกหลี่โม่ตีแค่เสียหน้าเท่านั้น แต่การถูกนักมวยพวกนี้ชกอาจถึงแก่ชีวิตได้
พี่ซานเห็นว่ากู้ซิงเว๋ยถูกชกจนพอประมาณแล้ว จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เอาไปทิ้งขยะ”
“ครับ”
นักมวยลากกู้ซิงเว๋ยออกไป และโยนกู้ซิงเว๋ยลงในกองขยะที่อยู่ไม่ไกล
กู้ซิงเว๋ยนอนอยู่ในกองขยะเหม็นเน่า กู้ซิงเว๋ยเอามือปิดหน้าและร้องไห้อย่างหนัก
อยากจะลุกขึ้นยืน แต่การขยับตัวทำให้เจ็บปวดจนแทบขาดใจ อยากโทรศัพท์ แต่โทรศัพท์ที่หยิบออกมาด้วยความพยายามอย่างมาก ถูกทุบตีจนแตกละเอียด
กู้ซิงเว๋ยที่นอนอยู่บนกองขยะไม่รู้จะทำอย่างได้ ได้แต่หวังว่าจะมีคนเอาขยะมาทิ้งและช่วยเหลือเขาได้
“ไอ้สารเลวหลี่โม่ ทำไมแกถึงเหมือนแมลงสาบที่ตียังไงก็ไม่ตาย ฉันเกลียดแก!”
กู้ซิงเว๋ยกล่าวเบา ๆ เพื่อระบายอารมณ์
หลังจากกล่าวจบ กู้ซิงเว๋ยก็หยุดพูด และมองไปรอบ ๆ อย่างประหม่า กลัวว่าจู่ ๆหลี่โม่จะปรากฏตัวขึ้นข้างๆ
ขณะนี้ หลี่โม่ได้กลายเป็นเงามืดที่น่ากลัวอยู่ในใจของกู้ซิงเว๋ย เหมือนกับราชาปีศาจ ทำให้กู้ซิงเว๋ยรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งเช้าตรู่ พนักงานเก็บกวาดขยะได้สังเกตเห็นกู้ซิงเว๋ยนอนอยู่บนกองขยะ
เวลานั้นกู้ซิงเว๋ยได้หมดสติไปแล้ว พนักงานเก็บกวาดขยะรีบโทรแจ้งเหตุฉุกเฉินอย่างสั่นเทา
ไม่นานรถพยาบาลก็มาถึง เมื่อแพทย์ฉุกเฉินเห็นว่ากู้ซิงเว๋ยยังมีชีวิตอยู่ แพทย์และพยาบาลจึงนำตัวกู้ซิงเว๋ยขึ้นรถพยาบาล
เมื่อรถพยาบาลพากู้ซิงเว๋ยไปถึงโรงพยาบาลแล้ว ขณะที่กู้เจี้ยนกั๋วกำลังเดินอยู่ในสำนักงานอย่างหงุดหงิด
เมื่อคืนกู้ซิงเว๋ยไม่ได้กลับมารายงานความคืบหน้า และไม่สามารถติดต่อได้ ทำให้กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก
หลังจากเฝ้าดูห้องทำงานของกู้หยุนหลันเป็นเวลานาน กู้เจี้ยนกั๋วก็ตัดสินใจถามเกี่ยวกับสถานการณ์
ฟ้ากว้างแผ่นดินใหญ่ก็ไม่ใหญ่เท่าเรื่องของลูกชายตนเอง กู้เจี้ยนกั๋วพร้อมที่จะละทิ้งเกียรติเพื่อลูกชายของตนเอง
เดินไปที่ประตูห้องทำงานของกู้หยุนหลัน กู้เจี้ยนกั๋วเกิดลังเลขึ้นมา ยกมือขึ้น แต่ก็ไม่สามารถเคาะประตูห้องทำงานได้
ขณะที่กู้เจี้ยนกั๋วยืนอยู่ที่ประตูราวกับว่าร่างกายของเขาถูกสาป จู่ ๆประตูสำนักงานก็เปิดออกมา
หลี่โม่จูงมือกู้หยุนหลัน เหมือนกับว่าพวกเขากำลังจะออกไปจากสำนักงาน
ประตูเปิดออกแล้วเห็นกู้เจี้ยนกั๋วยืนอยู่ข้างนอก กู้หยุนหลันส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ “อุ๊ย? ลุงใหญ่มาทำอะไรคะ?”
“โอ้ ๆ ๆ ฉันมาที่นี่เพื่อถามว่ากู้ซิงเว๋ยอยู่กับคุณหรือเปล่า หรือคุณได้พบกับกู้ซิงเว๋ยหรือไม่?”
กู้เจี้ยนกั๋วถามเหมือนวัวสันหลังหวะ
“เมื่อคืนก่อนเที่ยงคืนก็เห็นเขาอยู่ จากนั้นเขาก็ถูกกลุ่มเพื่อนพาไป ผมไม่รู้ว่าพวกเขาไปที่ไหน”
หลี่โม่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เพื่อนของเขา? ไอ้ลูกเวรนี่ไปตะลอนเที่ยวที่ไหน ก็ไม่รู้จักบอกสักคำ”
กู้เจี้ยนกั๋วบ่นพึมพำ จู่ ๆเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมา
กู้เจี้ยนกั๋วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู เป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย
“ฮาโหล ผมคือกู้เจี้ยนกั๋ว คุณคือใคร?”
“เราโทรมาจากโรงพยาบาลจงซิน กู้ซิงเว๋ยเป็นลูกชายของคุณใช่ไหม? ”
“ใช่ครับ เป็นลูกชายของผมเอง ทำไมเขาถึงไปอยู่ที่โรงพยาบาลจงซิน เขาเป็นอะไรครับ? ”
กู้เจี้ยนกั๋วถามด้วยความกังวล
“ภายในมีเลือดออกมาเป็นจำนวนมาก ต้องได้รับการผ่าตัดด่วน คุณต้องมาที่โรงพยาบาลเพื่อเซ็นชื่อก่อนการผ่าตัด คุณรีบมาให้เร็วที่สุด”
“ทำไมถึงมีเลือดออกภายใน? มันไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม”
กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
“ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ ให้คุณมาที่นี่โดยเร็วที่สุด มาพบคุณหมอหวังในบริเวณห้องฉุกเฉิน”
หลังจากที่อีกฝ่ายวางสาย มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มหน้าผากของกู้เจี้ยนกั๋ว
“แก! คือแกใช่ไหม! แกทำอะไรกับลูกชายของฉัน!”
กู้เจี้ยนกั๋วหันคำรามและไปจ้องมองหลี่โม่ด้วยท่าทางที่ดุร้าย
“ผมไม่ได้แตะต้องลูกชายของคุณเลย ถ้าคุณไม่เชื่อ คุณสามารถตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดตรงทางเดินได้ ผมแนะนำให้คุณรีบไปโรงพยาบาลตอนนี้เลย แทนที่จะตะโกนเออะโวยวายใส่ผม”
“แกไอ้เหี้ย ถ้าลูกชายของฉันเป็นอะไรไป แม้ต้องแลกด้วยชีวิตฉันก็จะจัดการแก! ”
กู้เจี้ยนกั๋วกล่าวจบ หันหลังและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“โอ้”
กู้หยุนหลันส่ายศีรษะ แล้วกล่าวอย่างกังวล “นี่มันเรื่องอะไรกัน ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะยังกลับไปไม่ได้ วันนี้ฉันยังต้องอยู่ที่บริษัท จะไม่ให้เกิดเรื่องอะไรอีก”
ถ้ากู้เจี้ยนกั๋วกับกู้ซิงเว๋ยไม่อยู่บริษัททั้งคู่ กู้หยุนหลันก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบจัดการ เรื่องต่าง ๆ ถ้าหากกู้หยุนหลันกลับไปพักผ่อนตอนนี้ ทั้งบริษัทก็จะไม่มีคนดูแลเหมือนเรือขาดหางเสือ
“คุณไม่ได้นอนมาทั้งคืนแล้ว ร่างกายของคุณจะรับไม่ไหวน่ะ”
หลี่โม่เป็นห่วงสุขภาพของกู้หยุนหลัน
กู้หยุนหลันยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ฉันไม่ได้บอบบางขนาดนั้น แค่ไม่ได้นอนคืนเดียว ไม่เป็นไรหรอก คืนนี้ฉันก็นอนหลับให้เพียงพอก็ได้แล้ว คุณกลับไปนอนพักผ่อนที่บ้านเถอะ แล้วค่อยมารับฉันตอนกลางคืน”
หลี่โม่ครุ่นคิดสักครู่ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณจนถึงเที่ยงดีกว่า ผมจะไปซื้ออาหารกลางวันที่มีประโยชน์ให้คุณ เวลาเหนื่อยคุณควรทานอาหารที่มีประโยชน์”
กู้หยุนหลันใช้สองมือกอดหลี่โม่เอาไว้ และพิงในอ้อมแขนของหลี่โม่ “ดีใจที่มีคุณ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเข้างาน คุณกอดฉันนอนสักครู่ได้ไหม”
“ไม่มีปัญหา อ้อมกอดของผมเป็นเตียงที่ดีที่สุดสำหรับคุณ”
หลี่โม่ปิดประตูสำนักงาน ดึงกู้หยุนหลันนั่งลงบนโซฟา และปล่อยให้กู้หยุนหลันนอนพักผ่อนอยู่ในอ้อมแขนของตนเอง
กู้หยุนหลันหลับไปอย่างรวดเร็วในอ้อมแขนของหลี่โม่ หลี่โม่ถอดเสื้อคลุมของตนเองคลุมให้กู้หยุนหลัน จากนั้นก็หลับตาและคิดเกี่ยวกับการร่วมมือกับฉิงจี้เย่
“หวังว่าความสามารถของพวกเขาจะอยู่ในระดับเดียวกัน มิเช่นนั้นถ้าจับท่านแปด มันคงจะยาก”