ตอนเที่ยง ณ.โรงงานร้างในเขตชานเมือง
มีทหารเวรที่อยู่ในที่แจ้งและที่อยู่ในที่ลับมากมายอยู่รอบ ๆโรงงานร้าง มีสายตานับไม่ถ้วนจ้องไปที่การเคลื่อนไหวรอบ ๆโรงงาน
ฉิงจี้เย่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มีคนเป็นสิบที่มีท่าทางประหลาดนั่งอยู่ไม่ไกล
บางคนเฉยเมย บางคนเกียจคร้าน บางคนช่างพูดช่างคุย ดูแล้วรู้สึกแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
“คุณชายฉิง แล้วคิงทหารที่คุณพูดถึงล่ะ เราทุกคนต่างก็เป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียง เคยผ่านงานมาทุกประเภท คุณอย่าเอาผู้นำอ่อนหัดมาสั่งการพวกเรา ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเราไปจัดการเองก็ได้”
นักฆ่าที่โยกตัวตลอดเวลาเหมือนเด็กสมาธิสั้น กล่าวขึ้นมา
“เว่ยหย่ง แม่งฉิบหายทางที่ดีแกควรสนใจฐานะตัวตนของแกก่อน อย่าลืมว่าใครเป็นคนให้งานแก่แก”
บอดี้การ์ดของฉิงจี้เย่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“เฮ้ แกก็เป็นได้แค่หมาตัวหนึ่งที่อยู่ข้างกายคุณชายฉิงเท่านั้น ไม่ว่าจะยังไงฉันก็อาศัยความสามารถของตัวเองในการทำมาหากิน ฉันมีเกียรติมากกว่าหมาอย่างแก”
เว่ยหย่งกล่าวด้วยความเย้ยหยัน
บอดี้การ์ดโมโหจนเหยียดมือออกมาเพื่อจะชักปืน ฉิงจี้เย่ขวางบอดี้การ์ดไว้
“ผมรู้ว่าพวกคุณคิดอย่างไร นี่คือการวางแผนของนายจ้าง ผมก็ไม่มีทางเลือก เมื่อคิงทหารมาถึง คุณสามารถเรียนรู้จากคิงทหาร หากคุณสามารถชนะคิงทหารได้ ภารกิจคราวนี้ให้คุณเป็นคนสั่งการ”
แววตาของนักฆ่าสิบกว่าคนเปล่งประกาย เนื่องจากนักฆ่าพวกนี้ดำเนินชีวิตด้วยความอันตราย ส่วนใหญ่พวกเขาจะทำงานคนเดียว เพราะไม่ไว้ใจคนอื่น กลัวว่าจะเจอเพื่อนร่วมทีมที่โง่เหมือนควาย
ระหว่างนักฆ่าเหล่านี้พวกเขามีความเข้าใจต่อกันบ้างแล้ว เมื่อทำภารกิจร่วมกันจึงไม่ขัดแย้งกันมากนัก แต่สำหรับคิงทหารลึกลับที่เป็นผู้รับผิดชอบสั่งการในภารกิจครั้งนี้ ทำให้พวกเขามีความรู้สึกเหมือนเอาชีวิตไปฝากไว้กับผู้อื่น ดังนั้นพวกเขาจึงมีความต่อต้านเล็กน้อยอยู่ในใจ
“ใครชนะก็จะสามารถสั่งการได้?”
เสียงของหลี่โม่ดังมาจากประตูโรงงาน
ฉิงจี้เย่ยิ้มแล้วมองไปที่หลี่โม่ “แน่นอน”
นักฆ่าสิบกว่าคนต่างมองหลี่โม่ที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยของหลี่โม่ ทำให้นักฆ่าทั้งหมดแสดงแววตาระมัดระวัง
“คุณชายฉิง คนผู้นี้ดูแล้วไม่คุ้นตา มีฐานะความเป็นมาอย่างไร หรือว่าเป็นคิงทหารหมา?
เว่ยหย่งเอียงศีรษะถาม
“นี่คือหลี่โม่ เป็นคนเมืองฮ่าน และเป็นคนที่มีความสามารถมาก ผมต้องการเชิญเขาเข้าร่วมเป็นพันธมิตรพันธมิตรนักฆ่าฟินิกซ์แต่ถูกเขาปฏิเสธ”
ฉิงจี้เย่หรี่ตาแล้วกล่าว
“โอ้ นี่กำลังดูถูกพันธมิตรนักฆ่าฟินิกซ์ของเราใช่ไหม จึงไม่เข้าร่วม ให้เกียรติแต่แกไม่รับเกียรติ” เว่ยหย่งกล่าวอย่างฉุนเฉียว
แม้ว่านักฆ่าคนอื่น ๆจะไม่พูดอะไร แต่การแสดงออกของพวกเขาก็เผยให้เห็นว่าพวกเขาคิดอย่างไร การที่หลี่โม่ปฏิเสธที่จะเข้าร่วม ทำให้พวกเขาคิดว่าหลี่โม่ดูถูกพวกเขา
หลี่โม่ไม่สนใจนักฆ่าพวกนั้น เดินก้าวใหญ่ไปด้านข้างของฉิงจี้เย่ แล้วกล่าวว่า “เก้าอี้ที่ผมนั่งครั้งก่อนล่ะ”
“เอาเก้าอี้มาให้คุณหลี่”
ฉิงจี้เย่กล่าว
บอดี้การ์ดเอาเก้าอี้ที่หลี่โม่นั่งคราวก่อน มาวางไว้ด้านหลังหลี่โม่
หลี่โม่นั่งลงอย่างสง่า กลุ่มนักฆ่ามองหลี่โม่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ เพราะพวกเขารู้สึกว่าหลี่โม่ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้โง่นี้มันมาจากไหนวะ มันเย่อหยิ่งนัก แม่งฉิบหายไม่รู้หรือว่าพวกเราร้ายกาจแค่ไหน”
“มันสมควรตาย ที่กล้าเมินพวกเรา คิดว่าพวกเราเป็นเด็กที่ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คุณชายฉิง คุณไม่มีปัญหาใช่ไหมถ้าพวกเราจะฆ่าใครสักคนเล่นตอนนี้”
นักฆ่าอารมณ์ร้อนหลายคนตะโกน อยากจะฆ่าหลี่โม่เพื่อระบายความโกรธ
ฉิงจี้เย่ยิ้มแล้วมองไปที่หลี่โม่ “คุณหลี่นี่ก็ช่างยั่วยุเก่งจริง ๆ คุณทักทายกับพวกเขาดี ๆไม่ได้หรือ?”
“ก็แค่ไอ้พวกที่เก่งแต่ปาก ทำไมผมต้องทักทายพวกมันด้วย”
หลี่โม่กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
“เชี่ยแม่ง!”
เว่ยหย่งคำราม หยิบมีดสั้นออกจากเสื้อ ตวัดข้อมือ มีดสั้นเปล่งประกายและพุ่งไปที่หลี่โม่
เว่ยหย่งถือเป็นสามอันดับแรกในกลุ่มนักฆ่านี้กลุ่มนี้ เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ ที่ชอบใช้อาวุธปีน แต่เว่ยหย่งชอบใช้อาวุธมีดมากกว่า และชอบใช้อาวุธลับเป็นพิเศษ
ไม่รู้ว่าได้รับอิทธิพลจากมีดบินเซี่ยวลี้หรือเปล่า ทำให้เว่ยหย่งหมั่นฝึกทักษะการใช้มีดสั้นด้วยมือเดียว แทบจะบอกได้ว่าเข้าเป้าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยทั่วไปเมื่อใดที่เขาขว้างมีดสั้นออกไป จะสามารถเห็นเลือดได้เสมอ
คราวนี้เว่ยหย่งรู้สึกว่ามันก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน ขณะที่เขาขว้างมีดสั้นออกไป เว่ยหย่งมีความรู้สึกว่า คราวนี้ต้องโดนหลี่โม่แน่นอน เป็นการให้บทเรียนแก่ผู้หยิ่งยโสคนนี้
ความเร็วของมีดสั้นนั้นเร็วมาก ชั่วพริบตาเดียวมีดสั้นก็อยู่ต่อหน้าหลี่โม่
หลี่โม่มองอย่างสงบและยื่นมือออกไป ใช้นิ้วทั้งสองของเขาค่อยๆ ยื่นออกไปทางแสงที่เปล่งประกาย จากนั้นก็ใช้สองนิ้วหนีบจับมีดสั้นไว้แน่น
เมื่อเห็นว่ามีดสั้นถูกหลี่โม่หนีบจับไว้ เว่ยหย่งจ้องเขม็งไปที่หลี่โม่ราวกับว่าเขากำลังเห็นผี
“แก! เป็นไปได้ยังไง!”
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ทำมาไม่ทำกลับมันเสียมารยาท รับไป!”
หลี่โม่ตวัดข้อมือ มีดสั้นก็พุ่งออกไป เร็วกว่าความเร็วของเว่ยหย่งหลายเท่า
รูม่านตาของเว่ยหย่งหดลง ตอนนี้หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขารู้สึกว่าคราวนี้คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แล้ว
ก่อนที่เว่ยหย่งจะทันได้โต้ตอบ มีดสั้นก็มาถึงตัวแล้ว
เห็นประกายแสงผ่านหนังศีรษะของเว่ยหย่ง และโกนผมของเว่ยหย่งออกเป็นกระจุกใหญ่
“พรึบ”
นักฆ่าทุกคนถอนหายใจ ทุกคนรู้ว่านี่คือความเมตตาของหลี่โม่ มิเช่นนั้นมีดจะปักไปที่คิ้วของเว่ยหย่งแน่นอน
หัวใจของเว่ยหย่งเย็นเฉียบ เขาหันไปมองผนังห้องที่อยู่ไม่ไกลอย่างประหม่า มีดสั้นปักเข้าไปในผนังจนหมด เหลือเพียงหลุมดำเล็ก ๆ ที่ผนังเท่านั้น
ฉิงจี้เย่หรี่ตา เดิมทีเขาคิดว่าหลี่โม่แข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าหลี่โม่จะแข็งแกร่งถึงระดับนี้ ดูตามสถานการณ์เมื่อสักครู่ อย่างน้อยหลี่โม่ก็น่าจะแข็งแรงกว่าเว่ยหย่งไปอีกระดับหนึ่ง
บางทีในนักฆ่าเหล่านี้คงมีแต่เหอปิงซึ่งเป็นไพ่ตายเท่านั้นที่สามารถตอบโต้กับหลี่โม่ได้ ฉิงจี้เย่มองไปที่เหอปิงขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
เหอปิงนั่งบนเก้าอี้อยู่ตรงมุมห้อง คีบบุหรี่ที่รีดด้วยมือและกำลังพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก ควันที่ลอยขึ้นบดบังสีหน้าของเหอปิง ทำให้ฉิงจี้เย่ไม่สามารถตัดสินความคิดตอนนี้ของเหอปิงได้
หลี่โม่เอนหลังพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน “มีใครที่ยังไม่พอใจอีกไหม? ถ้าใครไม่พอใจก็มาประลองกับผม”
พวกนักฆ่าต่างเงียบ เนื่องจากเว่ยหย่งพ่ายแพ้ นักฆ่าที่เหลือรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถเอาชนะหลี่โม่ได้ บางทีอาจมีเพียงเหอปิงเท่านั้นที่สามารถชนะหลี่โม่ได้
แต่ว่าเหอปิงเอาแต่สูบบุหรี่ ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ
เว่ยหย่ง เหลือบมองเหอปิง แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “พี่ปิง คุณจะนั่งดูคนนอกมาทำอะไรตามใจชอบที่นี่หรือ?”
“คนนอกอะไร เป็นคนของคุณชายฉิง ก็คือพวกเดียวกัน ภารกิจคราวนี้อันตรายมาก ผมคิดว่าร่วมมือกันจะดีกว่า และไม่ต่อสู้กันภายใน ผมไม่สนใจสิ่งใดนอกจากอำนาจคำสั่ง”
เหอปิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่คลุมเครือ
หลี่โม่ยิ้ม “อำนาจสั่งการ ผมก็สนใจเหมือนกัน”