ฉิงจี้เย่มองหลี่โม่ จากนั้นก็มองไปที่เหอปิง
ควันที่ลอยอยู่ด้านหน้าของเหอปิงบางเบาลง มองใบหน้าของเหอปิงผ่านควัน รู้สึกว่าใบหน้าของเหอปิงเบี้ยวเล็กน้อย
เว่ยหย่ง และคนอื่น ๆมองหลี่โม่ด้วยความโกรธ คิดว่าหลี่โม่กำลังยั่วยุอย่างโจ่งแจ้ง
“แม่งมันหยิ่งยโสมาก พี่ปิง พวกเราจะไม่ทน”
เว่ยหย่งกล่าวด้วยเสียงที่แหบ
ควันบุหรี่สีขาวพ่นออกมาจากรูจมูกทั้งสองข้างของเหอปิง ควันหนาทึบลอยอยู่ตรงหน้า ราวกับว่าเขากำลังล่องลอยอยู่ในแดนสวรรค์
“ไม่รีบ จัดการกับคิงทหารคนนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
เหอปิงสะบัดขี้บุหรี่ และกล่าวอย่างเฉยเมย “เขา! เอาไว้จัดการตอนสุดท้าย”
“เรื่องคิงทหารไม่อะไรต้องกังวล? ตอนนี้มีคิงทหารมากมายเหมือนสุนัข ในจำนวนคิงทหารสิบคนมีแปดคนที่ไร้ความสามารถ”
เว่ยหย่งกล่าวอย่างไม่พอใจ
เมื่อสักครู่หลี่โม่ทำให้เขาเสียหน้า เว่ยหย่งแทบรอไม่ไหวที่จะกู้หน้าคืน แต่ตัวเว่ยหย่งไม่สามารถกู้หน้ากลับคืนมาด้วยตนเองได้ ดังนั้นเขาจึงต้องการให้เหอปิงช่วยกู้หน้าให้ตนเอง
เหอปิงเยาะเย้ย มองไปที่ฉิงจี้เย่ คุณชายใหญ่ฉิง คุณไม่ต้องอุบไว้แล้ว บอกฐานะตัวตนของคิงทหารให้พวกเขาได้รับรู้”
“มันก็ดี”
หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูข้อความแล้วกล่าวว่า “คนที่มาคราวนี้คือเย่จงเทียน คิงทหารแห่งเทียนหนาน เย่จงเทียนอยู่ในกองทัพมานานกว่าสิบปี เขาสร้างความดีความชอบไว้มากมายในสนามรบ การสู้รบที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือที่ภูเขาเหล่าวา”
“การสู้รบที่ภูเขาเหล่าวา เย่จงเทียนนำทีม 15 คน ต่อสู้กับกองกำลังของศัตรูจำนวน 1,500 คน ศัตรูทั้งหมดใช้อาวุธหนัก แต่ก็ไม่สามารถยึดภูเขาเหล่าวาได้”
“หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดผ่านไปสามวันสามคืน ศัตรูถอนกำลังเพราะมีผู้บาดเจ็บมากกว่าครึ่งหนึ่ง ทีมต่อสู้ที่นำโดยเย่จงเทียนมีชีวิตรอดอยู่เพียงสามคนเท่านั้น สองคนได้รับบาดเจ็บสาหัส มีเพียงเย่จงเทียนเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย”
ฉิงจี้เย่เหลือบมองหลี่โม่หลังจากพูดจบ เห็นท่าทางของหลี่โม่นิ่งสงบ ฉิงจี้เย่จึงมองไปที่เหอปิง
เหอปิงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ มือที่ถือบุหรี่สั่นเล็กน้อย แสดงให้เห็นว่าเหอปิงได้เกิดความอ่อนแอขึ้นภายในใจ
เว่ยหย่งและคนอื่น ๆตกตะลึง ฉากการต่อสู้อันดุเดือดสุดจะพรรณนาได้ปรากฏขึ้นในสมองของพวกเขา
“เรื่องนี้ฟังดูเหมือนนิทานปรัมปรา เรื่องราวที่ภูเขาเหล่าวามีหลายเวอร์ชัน ว่ากันว่าเพราะเกิดปัญหาภายใน จึงทำให้การสู้รบครั้งนั้นของเย่จงเทียนกลายเป็นตำนาน”
เว่ยหย่งกล่าว
“อย่างไรก็ตาม การต่อสู้หลังจากนั้นของเย่จงเทียนก็ยอดเยี่ยมมาก สามารถพูดได้ว่าไม่เคยพ่ายแพ้สักครั้ง ที่แย่ที่สุดคือเสมอกัน ความสามารถในการสั่งการของเขาก็ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว”
“ผมคิดว่าเย่จงเทียนไม่ได้เก่งเหมือนในตำนานหรอก ชีวิตของพวกเราไม่สามารถฝากไว้ให้เขาได้ นักรบที่เคยผ่านสนามรบ สิ่งที่ชอบปฏิบัติที่สุดคือความไม่เสมอภาคที่มีต่อกองทัพที่ไม่ใช่สายตรงของตนเอง ถ้าหากพวกเราอยู่ภายใต้การบัญชาการของเขา พวกเราก็จะกลายเป็นตัวรับกระสุนที่ไม่มีค่าอะไร”
“ผมเข้าใจความหมายของพี่ปิง พี่ปิงกลัวว่าพวกเราจะกลายเป็นตัวรับกระสุนของเย่จงเทียน ดังนั้นต้องจัดการเย่จงเทียนก่อน การจัดการหลี่โม่ยังไม่ต้องรีบ คนแซ่หลี่ดูแล้วไม่เหมือนคนที่จะสั่งการได้”
พวกนักฆ่าเดินไปอยู่ข้างเหอปิงอย่างรวดเร็ว ทุกคนสนับสนุนข้อเสนอของเหอปิงที่จะจัดการเย่จงเทียนก่อน เว่ยหย่งมีความคิดที่อยากจะกู้หน้าของตนเองคืนทันที แต่ไม่มีใครสนับสนุนเขาเลย
เว่ยหย่งจ้องไปที่หลี่โม่อย่างดุเดือด จากนั้นก็ก้มศีรษะและหยิบบุหรี่ออกมาแล้วเริ่มสูบบุหรี่
“พี่ปิง คุณมีความมั่นใจที่จะจัดการกับเย่จงเทียนได้หรือ เขากำลังจะกลายเป็นพระเจ้าในตำนาน”
เว่ยหย่งกระซิบถาม
“พูดยาก ต้องรอให้เจอกันถึงจะรู้”
เหอปิงกล่าวพร้อมกับหลับตา
หลี่โม่นั่งไขว่ห้าง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเล่น รอการมาถึงของคิงทหารเย่จงเทียน
สำหรับเย่จงเทียน หลี่โม่ยังมีความอยากรู้อยากเห็นอยู่เล็กน้อย เพราะว่าคนที่เป็นตำนานมีไม่กี่คนแล้วที่ยังมีชีวิตอยู่
ตึ้ง ๆ ๆ!
เสียงฝีเท้าที่พร้อมเพรียงฟังดูเหมือนกลองในสนามรบ กองทหารชายฉกรรจ์สวมชุดลายพราง ร่างกายของเหล่าทหารฉกรรจ์เปล่งประกายรังสีสังหารได้เดินเข้ามา
ที่ด้านข้างของกองทหารฉกรรจ์ เย่จงเทียนสวมชุดชายหาด สวมรองเท้าเตะ สูบบุหรี่แล้วเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ
ท่ามกลางกองกำลังพลที่ระเบียบเรียบร้อย ทำให้คิงทหารอย่างเย่จงเทียนดูเหมือนจะเป็นเหมือนนักเลงน้อยผู้ทรงอิทธิพล
“โอ้ ทุกคนมาเร็วมาก พวกเราไม่ได้มาสายใช่ไหม”
เย่จงเทียนกล่าวเสียงดังและร่าเริง
ฉิงจี้เย่ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว และวิ่งไปหาเย่จงเทียน
“พี่เย่ คุณมาได้จังหวะพอดี ไม่เร็วและไม่สายสักนาที”
ฉิงจี้เย่กล่าวประจบเล็กน้อย
เขาถูกส่งจากผู้สนับสนุนที่อยู่เบื้องหลัง ทำให้ฉิงจี้เย่ไม่จำเป็นต้องใช้สมองคิด ก็รู้ว่าต้องประจบประแจงเย่จงเทียนให้ดี
เย่จงเทียนตบหน้าของฉิงจี้เย่เบา ๆ กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณคือเสี่ยวฉิงใช่ไหม ไม่เลว พูดเก่งนี่ คนของคุณมาหมดแล้วใช่ไหม พวกเขาไม่พอใจผมใช่ไหม? ”
“เรื่องนี้……ผมจะคุยกับพวกเขาเอง พวกเราจะปฏิบัติตามคำสั่งการของคุณอย่างแน่นอน”
ฉิงจี้เย่กล่าวด้วยความกังวล
นักฆ่าที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขาค่อนข้างดื้อรั้น อีกอย่างเหอปิงได้เปิดเผยต่อสาธารณชนว่าเขาต้องการเป็นคนสั่งการ สักครู่หากเขาไม่สามารถทำให้เหอปิงสงบได้…… ฉิงจี้เย่คิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งปวดหัวมากขึ้นเท่านั้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นหลี่โม่กำลังเฝ้ามองเย่จงเทียนด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้ฉิงจี้เย่รู้สึกเริ่มปวดหัวขึ้นได้ทันที
เหอปิงและคนอื่น ๆมองเย่จงเทียนด้วยสายตาที่เย็นขา ถ้าหากความเห็นไม่ตรงกันก็สามารถปะทะกันได้ทันที
เย่จงเทียนเพิกเฉยต่อเหอปิงและคนอื่น ๆ แต่เดินไปหาหลี่โม่ด้วยรอยยิ้ม
“มองดูคุณเป็นคนใจดี ผมคิดว่าพวกเรามีวาสนาต่อกัน ดังนั้นผมจะนั่งกับคุณ”
เย่จงเทียนกล่าวกับหลี่โม่
“การพบกันถือเป็นวาสนา ทหารรับจ้างที่คุณพามาด้วยไม่เลวนี่”
หลี่โม่กล่าวด้วยเสียงราบเรียบ
ทหารรับจ้างคนหนึ่งดึงเก้าอี้แบบพกพาที่เขาถืออยู่ วางไว้ข้างหลี่โม่ จากนั้นเย่จงเทียนก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างโอหัง
“พวกเขาดีกว่าทหารรับจ้างทั่วไป แต่พวกเขาถือว่ายังมือใหม่ อึ่ม….คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเป็นมือใหม่กว่า เมื่อสักครู่พวกเขาทำให้คุณลำบากใจหรือเปล่า? ผมจะช่วยคุณสั่งสอนพวกเขาเอง”
เย่จงเทียนทำเหมือนกับรู้จักหลี่โม่มาเป็นเวลานาน
หลี่โม่หัวเราะในขณะที่ฟัง “พวกเขาเป็นมือใหม่ที่อ่อนหัด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาไม่รู้จักข้อบกพร่องของตัวเอง แล้วคุณล่ะรู้จักข้อบกพร่องของตัวเองหรือไม่”
ปากที่คาบบุหรี่สั่นเล็กน้อย เย่จงเทียนเอียงศีรษะเหลือบมองหลี่โม่ “โอ้ ๆ ดูเหมือนว่าคุณจะบ้าคลั่งกว่าพวกเขา คราวนี้ผมดูผิดพลาดไปใช่ไหม”
“ฮ่า ๆ ๆ ถ้าคุณดูผิดพลาด คงจะไม่ใช่คิงทหารแห่งเทียนหนานแล้ว อย่าใช้กลยุทธ์สามสิบหกกับผม เพราะผมเรียนตำรายุทธพิชัยสงครามของซุนปิ้ง”
เมื่อเห็นท่าทางที่หลี่โม่หัวเราะ สีหน้าของเย่จงเทียนก็เคร่งขรึมทันที “ไอ้หนู แกคิดจะเป็นบรรพบุรุษของฉันหรือ?”
“ตำรายุทธพิชัยสงครามซุนจื่อก็คือบรรพบุรุษของกลยุทธ์สามสิบหกของตำรายุทธพิชัยสงครามของซุนปิ้ง คุณมารำลึกถึงบรรพบุรุษสักดี ๆ”
ฟังการพูดคุยระหว่างหลี่โม่กับเย่จงเทียน ทำให้ฉิงจี้เย่ปิดหน้าอย่างช่วยไม่ได้ รู้สึกว่าเป็นตนเองนี่ยากจริง ๆ นี่กำลังจะเกิดปะทะกันภายในแล้ว