หลี่โม่ส่ายศีรษะ และไม่สนใจสิ่งที่ท่านแปดกล่าว สำหรับหลี่โม่มันเป็นไปไม่ได้ที่จะแบ่งแยกสำนักหลงเหมิน
“ให้โอกาสคุณจงรักภักดีต่อผม หวังว่าคุณจะรักษามันไว้”
หลี่โม่กล่าวอย่างราบเรียบ
“บังอาจ! คุณพูดกับท่านแปดอย่างนี้ได้ยังไง!”
ดวงตาที่ดุร้ายของจู่รื่อจับจ้องไปที่หลี่โม่ หลังของเขาโค้งเล็กน้อยราวกับเสือชีตาห์ที่เตรียมออกล่าเหยื่อ
“ฮ่า ๆ ๆ”
ท่านแปดเงยหน้าขึ้นและหัวเราะ “คำพูดที่โง่เขลาเช่นนี้ออกจากปากคุณได้ยังไง ผมไม่รู้จริง ๆว่าคุณเอาความมั่นใจมาจากไหน หรือว่าคุณเป็นคนไร้ประโยชน์มาหลายปีจนทำให้สมองของคุณมีปัญหาไปแล้ว”
“คนที่สมองมีปัญหาคือคุณ ถ้าคุณไม่แสดงความจงรักภักดีต่อผม ในอนาคตคุณจะเสียใจกับการเลือกในวันนี้”
หลี่โม่กล่าวด้วยความมั่นใจ
ท่านแปดเบ้ปากอย่างดูถูก ส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “คุณมันช่างไร้เดียงสาจริง ๆ คุณดูหนังการ์ตูนมากไปแล้วใช่ไหม ก็เลยคิดว่าตนเองมีอำนาจ คิดว่าเพียงแค่ข่มขู่คนอื่นก็จะทำให้ผู้คนยอมก้มหัวและบูชาคุณ”
“จู่รื่อคุณไปสอนบทเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้มัน และทุบตีจนกว่ามันจะคุกเข่าเรียกพ่อ”
ท่านแปดมองหลี่โม่อย่างเย็นชา สีหน้าของเขาเคร่งขรึมลงเล็กน้อย
จู่รื่อไม่พูดอะไร เขากระโจนออกมาจากหลังท่านแปดทันที ขณะที่เขาอยู่ห่างจากหลี่โม่ 3-5 เมตร จู่รื่อก็กระโดดขึ้นสูง เหยียดแขนของเขาให้ตรงราวกับนกอินทรี และขาที่โค้งงอของเขาเตะมาที่ศีรษะของหลี่โม่
“ข้างนอกสุกใส ข้างในเป็นโพรง”
หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา มือขวาของเขายกขึ้น และหมัดของเขากระแทกเข้ากับเท้าที่กำลังเตะมาของจู่รื่อ
“ฮึ่ม! แรงเตะของผมไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถต้านได้!”
จู่รื่อคำราม ความเร็วในการดิ่งลงก็เร็วขึ้นเล็กน้อย ขาสองครั้งที่เกาะติดกันยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น
การเร่งความเร็วในการดิ่ง ทำให้พลังของขาแข็งแกร่งมากขึ้น การที่จู่รื่อใช้วิธีนี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พื้นกลายเป็นรูขนาดใหญ่
ปัง!
หมัดกระแทกกับเท้า ตอนนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของจู่รื่อหายไป และแทนที่ด้วยความประหลาดใจ
หลี่โม่นิ่งเหมือนภูเขาไท่ซาน ไม่ได้ถูกเตะลงกับพื้นจนกระดูกแตกหักอย่างที่จู่รื่อจินตนาการ
“แก มันเป็นไปได้ยังไง!”
ขณะที่จู่รื่อกำลังตกตะลึง ก็ได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก ตามด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงก็พุ่งเข้ามาในสมองของจู่รื่อ
เขากัดฟันแน่น และพยายามอย่างหนักที่จะไม่ให้ตนเองร้องออกมา
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเหมือนสายฟ้า หลี่โม่ยิ้มที่มุมปาก แล้วใช้แขนขวาทุบไปที่เท้าซ้ายของจู่รื่ออย่างแรง
“โอ๊ย!”
ในท้ายที่สุดจู่รื่อก็ไม่สามารถระงับความเจ็บปวดได้ เขาตกลงมาจากกลางอากาศด้วยพร้อมกับเสียงร้องที่อนาถ และล้มลงต่อหน้าหลี่โม่
“แกทำได้อย่างไร แกมีพลังมหาศาลเช่นนี้ได้อย่างไร!”
จู่รื่อที่นอนอยู่บนพื้นกล่าวถาม
ท่านแปดที่อยู่ไม่ไกลมีสีหน้าที่เคร่งขรึมทันที และความรู้สึกวิตกกังวลก็ปรากฏขึ้นในใจ
ประมาทมาก นี่คือความคิดแรกของท่านแปด เดิมคิดว่าเลือกบอดี้การ์ดที่ทรงพลังสองคนมาด้วยแล้วจะปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าความแข็งแกร่งของหลี่โม่จะอยู่เหนือจินตนาการของตนเอง
หลี่โม่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง?
ถึงแม้ว่าสำนักหลงเหมินจะสืบทอดศิลปะการต่อสู้มากมาย แต่ไม่เคยได้ยินว่าหลี่โม่จะฝึกฝนอะไร
ถ้าเมื่อก่อนหลี่โม่เก่งขนาดนี้ เขาคงไม่ถูกไล่ออกจากสำนักหลงเหมิน แล้วมาอาศัยอยู่ในเมืองฮ่าน
คิ้วของท่านแปดขมวดเป็นปม เนื่องจากเขาบิดสมอง ศีรษะของเขาจึงค่อย ๆ เอียงขึ้น
ท่านแปดเอียงศีรษะมองหลี่โม่ ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน คิดไม่ออกว่าหลี่โม่มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร อาจเป็นเพราะความแข็งแกร่งและทรงพลังของเขา มันคือไม้ตายที่ทำให้หลี่โม่หยิ่งผยองเช่นนี้ ?
ฮั่นซานก้าวไปข้างหน้า และยืนอยู่ข้างหน้าท่านแปดในแนวทแยง ไม่ปิดกั้นการมองเห็นของท่านแปด แต่ยังสามารถปกป้องคุ้มครองท่านแปดจากการทำร้ายของหลี่โม่ได้
หลี่โม่ไม่มีความคิดที่จะทำร้ายท่านแปด แต่ก้มศีรษะยิ้มและมองจู่รื่อ
“แกอยากรู้ไหมว่าทำไม? จริง ๆ แล้วง่ายมาก หลัก ๆคือเพราะพรสวรรค์ ผมมีพรสวรรค์ที่ได้รับจากพระเจ้า แค่ผมอ่านตำราก็เก่งขนาดนี้แล้ว”
จู่รื่อฟังแล้วอยากร้องไห้ แค่อ่านตำราก็เก่งขนาดนี้แล้ว มันไม่สมเหตุสมผลเลย
จู่รื่อต้องขยันหมั่นเพียรฝึกฝนอย่างหนักมาหลายสิบปีถึงจะมีจู่รื่อในวันนี้ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อในสิ่งที่หลี่โม่พูด แม้ว่าจะเป็นคนที่เรียนเก่งและมีความจำเป็นเลิศต้องการบรรลุผลถึงขั้นนี้ ก็ต้องใช้ความพยายามและทุ่มเทมากมาย!
“หลี่โม่ แกคิดว่าจะบังคับให้ฉันยอมจำนนได้ด้วยกำลังงั้นหรือ? ฉันไม่ใช่คนที่กลัวความตาย!”
ท่านแปดกล่าวอย่างมีเหตุผล
ฮั่นซานก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง กล้ามเนื้อของเขาพองตัวขึ้น สีหน้าของเขาเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
“คุณไม่กลัวตายหรือ? มันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี เพราะในบรรดาราชามังกรทั้งแปดคุณมีนิสัยเจ้าเล่ห์ที่สุด แล้วก็กลัวตายที่สุด คุณไม่สมควรที่จะเป็นราชามังกรเลย”
“ดูเหมือนไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว ราชินีของสำนักหลงเหมินกำลังจะมาที่เมืองฮ่านในไม่ช้านี้ คุณควรเตรียมพร้อม ถึงเวลาคุณก็จงคุกเข่าเมื่อเห็นราชินีของสำนักหลงเหมินเถอะ ลาก่อน”
ท่านแปดรู้สึกกลัวหลี่โม่ ทำให้ไม่กล้าอยู่นาน จากนั้นก็หันหลังและเดินมุ่งหน้าไปที่ทางออก
ฮั่นซานก้าวไปข้างหน้า ไม่ได้เดินตามท่านแปด แต่ปกป้องคุ้มครองอยู่ด้านหลังของท่านแปด
หลี่โม่หัวเราะเยาะ และกล่าวอย่างใจเย็นว่า “ผมให้คุณไปได้แล้วหรือ?”
“ผมจะไปหรือไม่ไป มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำพูดคุณ!” ขณะที่ท่านแปดกล่าว ก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเล็กน้อย
ขณะนี้ท่านแปดอยากให้ประตูมาอยู่ตรงหน้า อยากให้ตนเองก้าวแค่ก้าวเดียวก็ผ่านพ้นประตู แต่ว่าข้างในโรงงานค่อนข้างลึก จึงทำให้อยู่ห่างจากประตูไกลพอสมควร
หลี่โม่ลุกขึ้นยืน และไล่ตามไปในทิศทางของท่านแปด
“ท่านแปดรีบไป!”
ฮั่นซานตะโกนเสียงดัง ยกกำปั้นทั้งสองขึ้นและพุ่งเข้าหาหลี่โม่
หลี่โม่เร็วเหมือนสายฟ้า แล้วร่างของหลี่โม่ก็ชนกับร่างของฮั่นซาน ฮั่นซานรู้สึกราวกับว่าถูกรถไฟความเร็วสูงชนอย่างจัง ทำให้เขาพุ่งกลับหัวไปในอากาศ
ฟู่!
เลือดพุ่งออกจากปากของฮั่นซาน และฮั่นซานรู้สึกราวกับว่าอวัยวะภายในของเขาถูกทำลาย ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
“ท่านแปด รีบ รีบหนีไป”
ฮั่นซานใช้แรงที่เหลือทั้งหมดตะโกน แต่เสียงที่เปล่งออกมาจากปากของเขาแผ่วเบาเหมือนเสียงบินของยุง
หลี่โม่ลอยไปหาท่านแปดราวกับสายลม ฝ่ามือของเขายื่นออกไปจับคอของท่านแปดไว้
ท่านแปดรู้สึกเหน็บหนาวไปทั้งตัว ขนทั่วร่างกายของเขาลุกขึ้น และจิตวิญญาณที่ตกตะลึงของเขากำลังจะโบยบิน
เหลียงยู่ปกป้องฉัน! ท่านแปดตะโกนร้องอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจ
ขณะที่ฝ่ามือของหลี่โม่กำลังจะถึงหลังคอของท่านแปด ก็มีเงาสีเทาปรากฏขึ้นทางด้านหลังของท่านแปด
เงาสีเทาชนกับฝ่ามือของหลี่โม่ ทำให้เกิดเสียงดังรุนแรง
กระแสลมรุนแรงพุ่งออกมาจากระหว่างหลี่โม่และเงาสีเทา จากนั้นเงาสีเทาก็หายไปทันที เหลือเพียงเสียงของลมที่บ่งบอกถึงการมีตัวตนอยู่ของเงาสีเทา
กระแสลมทำให้ท่านแปดเซ จากนั้นก็ล้มลงกับพื้น และกลิ้งออกไปไกลทีเดียว
หลี่โม่จับฝ่ามือของท่านแปด แต่ถูกขัดขวางจากเงาสีเทา การปะทะที่รุนแรงกับเงาสีเทา ทำให้แขนของหลี่โม่ชาเล็กน้อย
หลี่โม่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง มองหาเงาสีเทาที่ขัดขวางตนเอง
การตอบสนองดูเหมือนจะหายไปอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้สายตาของหลี่โม่ไม่สามารถสังเกตเห็นอะไรเลย
ท่านแปดหายใจหอบ มองหลี่โม่ที่อยู่ไม่ไกล หัวใจของเขาสั่นเทา เขาแอบขอบคุณเหลียงยู่ที่ปกป้องคุ้มครองตนเอง