เฉาเสว่เฟยวางโทรศัพท์ มองหน้าพ่อและแม่สามีในอนาคตที่นั่งอยู่ตรงข้ามอย่างประหม่า
“ฉันได้โทรไปแล้ว วันพรุ่งนี้หยุนหลันจะมางานเลี้ยงแน่นอน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ที่จู่ ๆก็เลื่อนงานหมั้นของพวกเราเข้ามา”
จ้าวเจียหมิงใช้เท้าแตะไปที่เฉาเสว่เฟยเบา ๆ “เสว่เฟยคุณอย่าถามเลย นี่คือฤกษ์ที่คนที่บ้านจ้างซินแสดูให้”
ความสงสัยแวบเข้ามาในดวงตาของเฉาเสว่เฟย แต่ว่าคู่หมั้นของเธอพูดขนาดนี้แล้ว ทำให้เฉาเสว่เฟยไม่อาจถามต่อไปได้
“เสว่เฟยคุณโทรหาคนสนิทของคุณต่อเถอะ เชิญคนที่สนิทในเมืองฮ่านมาให้หมด เลื่อนงานหมั้นเป็นวันพรุ่งนี้มันอาจจะเร่งรีบหน่อย แต่ก็ต้องเชิญคนมาเยอะหน่อยจะได้สนุกครื้นเครงกัน”
เฉาเสว่เฟยพยักหน้า และหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วโทรต่อไป
พ่อแม่ของจ้าวเจียหมิงยืนขึ้น และเดินออกจากห้องไปพร้อม ๆ กัน หลังจากที่ทั้งสองคุยกันไม่กี่ประโยค พ่อของจ้าวเจียหมิงก็ใช้โทรศัพท์มือถือส่งข้อความออกไป
ข้อความสั้นๆ ถูกส่งผ่านทีละคน และในที่สุดก็มาถึงโทรศัพท์มือถือของจางเต๋ออู่
หลังจากอ่านข้อความจางเต๋ออู่ก็ผิวปาก และเลิกคิ้ว “ให้ผู้คนเตรียมตัว เตรียมแผนเพิ่มอีกสองสามแผน คราวนี้ต้องฆ่าหลี่โม่ให้ตาย!”
“ครับ”
ลูกน้องของจางเต๋ออู่เริ่มดำเนินการ จัดเตรียมทุกสิ่งที่จำเป็นสำหรับงานหมั้น และเตรียมการขั้นสุดท้ายสำหรับแผนของวันพรุ่งนี้
……
ตอนเที่ยงของวันถัดมา
ซุ้มประตูสีแดงถูกสร้างขึ้นที่ทางเข้าของร้านอาหารทะเลอวี้กั่ง มีรูปถ่ายขนาดใหญ่ของเฉาเสว่เฟยและจ้าวเจียหมิงแขวนอยู่ และบนหน้าจอ LED ที่ทางเข้าก็มีข้อความฉลองการหมั้นของพวกเขา
แขกหลายคนได้ไปลงทะเบียนอย่างสุภาพ ที่แผนกต้อนรับเพื่อเข้าร่วมพิธี จากนั้นจึงเดินไปที่ห้องจัดเลี้ยง
เฉาเสว่เฟยและจ้าวเจียหมิงยืนอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรมเพื่อทักทายแขก เมื่อเห็นว่าคนส่วนใหญ่เป็นคนแปลกหน้าที่พวกเขาไม่รู้จัก เฉาเสว่เฟยก็ยิ่งงงงวยมากขึ้นไปอีก
“เจียหมิง ทำไมไม่เคยเห็นคนพวกนี้มาก่อนเลย นี่เป็นแค่งานหมั้นของพวกเรา ทำไมถึงได้เชิญคนมามากมาย”
“พวกเขาเป็นญาติที่บ้านเกิดของผม ประเพณีของพวกเราก็เป็นแบบนี้ คุณอย่าคิดมากไปเลย ไปต้อนรับแขกให้ดีเถอะ เฮ้ นั่นกู้หยุนหลันหรือเปล่า?”
จ้าวเจียหมิงชี้ไปที่ประตู เห็นกู้หยุนหลันควงแขนเดินเข้ามาพร้อมกับหลี่โม่ จ้าวเจียหมิงเกิดความอิจฉาอยู่ในใจ
ถึงแม้ว่าเฉาเสว่เฟยจะเป็นคนสวย แต่เธอสวยแบบธรรมดา ถ้าเทียบกับความสวยเต็มร้อยอย่างกู้หยุนหลัน นั้นถือว่ายังห่างไกลกันมาก
เห็นหลี่โม่ที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา แต่มาพร้อมกับสาวสวย ทำให้ผู้ชายทุกคนเกิดความอิจฉาริษยาจนตาร้อนผ่าว
กู้หยุนหลันหยิบซองสีแดงที่เตรียมไว้ออกมาแล้วยื่นให้ จากนั้นเขียนชื่อของเธอในสมุดบันทึกชื่อสำหรับแขก
เฉาเสว่เฟยกับจ้าวเจียหมิงต้อนรับและทักทายทั้งสองคน
“หยุนหลัน ในที่สุดคุณก็มาแล้ว ฉันคิดถึงคุณมากเลยน่ะ”
เฉาเสว่เฟยเข้าไปกอดกู้หยุนหลัน
กู้หยุนหลันยิ้มและกล่าวว่า “นานแล้วที่พวกเราไม่ได้เจอกัน วันนี้คุณรู้สึกตื่นเต้นไหมที่ได้เป็นเจ้าสาว?”
“เจ้าสาวที่ไหนล่ะ? ฉันแค่หมั้นเท่านั้น ยังไม่ถึงเวลาที่จะเป็นเจ้าสาว คนนี้คือหลี่โม่ใช่ไหม?”
เฉาเสว่เฟยมองหลี่โม่อย่างสงสัย
เธอเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับความไร้ประโยชน์ของหลี่โม่มามากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เฉาเสว่เฟยได้เห็นหน้าหลี่โม่
“อืม เขาเป็นสามีของฉันชื่อหลี่โม่ จะไม่แนะนำคู่หมั้นของคุณให้รู้จักหน่อยหรือ”
“ฮ่า ๆ คู่หมั้นของฉันชื่อจ้าวเจียหมิง เปิดบริษัทออกแบบตกแต่ง หยุนหลันถ้าต่อไปคุณมีงานออกแบบตกแต่ง ช่วยแนะนำสนับสนุนบริษัทของคู่หมั้นฉันน่ะ”
เฉาเสว่เฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ความสนใจของจ้าวเจียหมิงอยู่ที่ตัวกู้หยุนหลัน เขาถูกรอยยิ้มและทุก ๆอากัปกิริยาของกู้หยุนหลันดึงดูด
หลี่โม่ก้าวไปหนึ่งก้าว เพื่อยืนขวางการมองเห็นของจ้าวเจียหมิง
จ้าวเจียหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่พอใจกับการกระทำของหลี่โม่ แต่ตอนนี้ไม่เหมาะที่จะขัดแย้งกับหลี่โม่ ดังนั้น จ้าวเจียหมิงจึงทำได้เพียงระงับความโกรธอยู่ในใจ
สายตาจ้าวเจียหมิงมองไป เห็นคนสองคนอยู่ไม่ไกล ดวงตาของเขาเป็นประกายทันที
สองคนที่จ้าวเจียหมิงเห็นคือคนที่จางเต๋ออู่ส่งมาวางแผนฆ่าหลี่โม่ แม้ว่าจ้าวเจียหมิงกับทั้งสองจะพบกันครั้งแรก แต่เขาก็รู้ว่าจุดประสงค์ของทั้งสองคือหาเรื่องขัดแย้งกับหลี่โม่
“ผมเห็นคนรู้จักสองคน ผมจะไปทักทายพวกเขาก่อน”
จ้าวเจียหมิงกล่าวประโยคหนึ่ง แล้วเดินไปหาทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว
หลี่โม่เหลือบมองทั้งสองคน แต่ไม่ได้สนใจพวกเขา เขาเอามือไขว้หลังแล้วฟังกู้หยุนหลันกับเฉาเสว่เฟยพูดสนทนากัน
จ้าวเจียหมิงเดินไปอยู่ตรงหน้าสองคนนั้น และกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “พี่ชายหวัง พี่ฮัวไอ้คนที่หยิ่งผยองคนนั้นก็คือหลี่โม่”
“อืม รู้แล้ว พาพวกเราเข้าไปดูหน่อยสิ”
จ้าวเจียหมิงเดินนำพี่ชายหวังกับพี่ฮัว และกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ เสว่เฟยนี่คือพี่ชายหวังกับพี่ฮัว พวกเขาเป็นลูกค้าคนสำคัญของบริษัทของเรา พวกเขามีเส้นสายในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์มากมาย ต่อไปบริษัทของพวกเราก็ต้องพึ่งพาอาศัยให้ชายหวังกับพี่ฮัวช่วยสนับสนุนด้วย”
หลังจากได้ยินการแนะนำของจ้าวเจียหมิงแล้ว เฉาเสว่เฟยไม่กล้าละเลยพวกเขาทั้งสอง เธอจึงยื่นมือไปจับมือกับพวกเขาด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณพี่ชายหวัง ขอบคุณพี่ฮัวที่มาเป็นเกียรติในงานหมั้นของพวกเรา”
“เกรงใจไปแล้ว ทุกคนมีผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่รู้ว่าสองคนนี้เป็นใคร?”
พี่ชายหวังเหล่มองหลี่โม่ จากนั้นก็มองไปที่กู้หยุนหลันด้วยสายตาที่เร่าร้อน ในดวงตาปรากฏความราคะที่ไม่สามารถปกปิดได้
พี่ฮัวก็จ้องมองกู้หยุนหลันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยราคะเช่นกัน สายตาของเขามองสำรวจจากบนลงล่าง และจากล่างขึ้นบน สแกนร่างของกู้หยุนหลันราวกับว่าต้องการมองทะลุผ่านเสื้อผ้าของกู้หยุนหลัน
กู้หยุนหลันรู้สึกรังเกียจสายตาของทั้งสองคน จึงได้ก้าวถอยหลังและยืนอยู่ข้างหลังหลี่โม่
จ้าวเจียหมิงยิ้มเยาะที่มุมปาก แนะนำด้วยรอยยิ้มว่า “สาวสวยคนนี้คือกู้หยุนหลัน เป็นเพื่อนร่วมชั้นของคู่หมั้นผม เป็นหญิงแกร่งของตระกูลกู้ ส่วนคนนี้คือหลี่โม่สามีของกู้หยุนหลัน เป็นคนไร้ประโยชน์หมายเลขหนึ่งในตำนานของเมืองฮ่าน”
สีหน้าของเฉาเสว่เฟยเปลี่ยนทันที เธอมองไปที่จ้าวเจียหมิงด้วยสายตาที่ตำหนิ “เจียหมิง ทำไมคุณถึงพูดอย่างนั้น”
“ผมไม่ได้พูดโกหกสักหน่อย นี่คือเรื่องที่พวกเราทุกคนในเมืองฮ่านรู้”
จ้าวเจียหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม และไม่รู้สึกว่าตนเองทำอะไรผิด
เมื่อรู้ว่ามีคนจะจัดการหลี่โม่ และรู้ว่าคนที่ต้องจัดการกับหลี่โม่นั้นเป็นคนที่มีอำนาจไม่น้อย ทั้งหมดนี้ทำให้จ้าวเจียหมิงรู้สึกไม่เกรงกลัวอะไร
เฉาเสว่เฟยกระทืบเท้าอย่างแรง ก้มศีรษะลงและเดินไปหากู้หยุนหลัน “หยุนหลัน คุณอย่าโกรธเลยน่ะ ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้จ้าวเจียหมิงถึงเป็นแบบนี้ได้”
“ไม่เป็นไร พวกคุณคุยกันต่อเถอะ พวกเราจะเข้าไปข้างในก่อน”
กู้หยุนหลันฝืนยิ้มและกล่าว
พี่ชายหวังขวางทางไว้ และเอื้อมมือไปหากู้หยุนหลันแล้วกล่าวว่า “คุณกู้ ไม่ต้องรีบหรอก พวกเรายังไม่ได้ทำความรู้จักกันเลย อย่างน้อยเราต้องจับมือและจูบปากทักทายกันก่อน ฮ่า ๆ ๆ”
หลี่โม่มองพี่ชายหวังด้วยสายตาเย็นชา “คุณอยากหาเรื่องใช่ไหม?”
“ฮ่า ๆ ใช่พวกเราอยากหาเรื่องแหละ คนไร้ประโยชน์อย่างแกจะทำอะไรได้”
พี่ฮัวที่อยู่ด้านข้างพูดสนับสนุน
กู้หยุนหลันดึงหลี่โม่ และกระซิบว่า “นี่คืองานหมั้นของเฉาเสว่เฟย อย่าทำให้เกิดเรื่องเลย”
เฉาเสว่เฟยวิตกกังวลจนน้ำตาคลอเบ้า “เจียหมิง ช่วยเกลี้ยกล่อมเพื่อนของคุณไม่ให้ทำแบบนี้ได้ไหม”
จ้าวเจียหมิงดึงเฉาเสว่เฟยออกมา แล้วกระซิบว่า “สองคนนี้เป็นลูกค้าของครอบครัวเรา พวกเราไม่สามารถล่วงเกินพวกเขาได้”