จักรพรรดิมังกร – ตอนที่ 388 ทำอะไรต้องไว้หน้า

การที่รอดพ้นจากความตาย เป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนดีใจมาก

เมื่อต้องเผชิญกับกระสุนมากมายของหน่วยลับเมื่อครู่ ฉู่จงเทียนกับลูกน้องต่างคิดว่าตัวเองต้องตายแน่

แต่หลี่โม่ใช้ภาพตรงหน้าบอกพวกเขาว่าอะไรเรียกว่าฮีโร่

เมื่อพวกลูกน้องของฉู่จงเทียนเห็นหลี่โม่เดินมา ต่างพากันโค้งให้หลี่โม่อย่างนอบน้อม เพื่อแสดงความขอบคุณจากใจ

กู้หยุนหลันวิ่งเข้ามากอดหลี่โม่เอาไว้แน่น เธอเขย่งเท้าประทับจูบลงบนริมฝีปากของเขา

ชีวิตที่เหลือทำให้กู้หยุนหลันไม่เขินอายอีกต่อไป เธอคิดเพียงว่าตัวเองกับหลี่โม่มีชีวิตรอดก็ดีแล้ว

ผ่านไปครู่หนึ่งทั้งสองจึงผละออกจากกัน กู้หยุนหลันเห็นคนที่อยู่รอบๆ ยิ้มกว้าง จู่ๆ แก้มทั้งสองข้างของเธอร้อนผ่าว เธอรีบก้มหน้าลงอย่างเขินอาย

ลูกน้องของฉู่เทียนจงประคองเขาเดินเข้ามา “คุณหลี่ผู้ยิ่งใหญ่ ตอนแรกผมจะมาช่วยคุณ คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายก็ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากคุณ”

“ยังไงก็ต้องขอบคุณนาย ถ้าเมื่อกี้พวกนายไม่สกัดรถบรรทุกเอาไว้ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

ฉู่จงเทียนกับคนอื่นๆ พากันถอนหายใจออกมา คิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ยังรู้สึกกลัว แต่ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกครั้ง ฉู่จงเทียนกับคนอื่นๆ ก็เลือกทำเหมือนเดิม

“พวกนายพากู้ยุนหลันกลับไปก่อน พวกมันกำลังจะมาอีก ฉันยังต้องสู้ต่อ”

“หา? ยังจะมาอีกเหรอ งั้นผมกับลูกน้องจะช่วยคุณ”

ฉู่จงเทียนพูดอย่างแน่วแน่

“พวกนายดูแลหยุนหลันให้ดีก็ช่วยฉันมากแล้ว รีบไปเถอะ มีเวลาไม่มากแล้ว”

กู้หยุนหลันจับแขนของหลี่โม่เอาไว้แน่น “ไปด้วยกันได้ไหม นายอยู่นี่มันอันตราย”

“ถ้าไปก็ง่ายสิ ถ้าไม่สั่งสอนพวกมัน ก็จะอันตรายไปเรื่อยๆ ต้องสั่งสอนให้พวกมันกลัวและไม่กล้ามาทำอะไรผมอีก”

กู้หยุนหลันรู้ว่าหลี่โม่พูดถูก เธอพูดอย่างกังวลและอาลัยอาวรณ์ “นายต้องระวังตัวให้ดีนะ”

“ได้ พวกนายรีบขึ้นรถไปเร็ว”

หลี่โม่ดันกู้หยุนหลันขึ้นรถ ฉู่จงเทียนกับคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันขึ้นรถ ทุกคนขับรถขนสินค้าออกไป

หลี่โม่ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ข้างถนน เขามองไปที่อาหารทะเลอวี้กั่ง

รถฮอนด้าขับเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นหลี่โม่ยืนอยู่ริมถนน ผีใหญ่แสยะยิ้มออกมา เขาเหยียบคันเร่งอย่างแรงเพื่อที่จะพุ่งชนหลี่โม่

หลี่โม่ยิ้มบางๆ ขณะที่รถฮอนด้าอยู่ห่างจากเขาประมาณสิบเมตร หลี่โม่ถึงขยับตัวหลบรถฮอนด้าคันนั้น

ตู้ม!

รถฮอนด้าชนเข้ากับพุ่มไม้ริมถนน ผีใหญ่ดึงเข็มขัดออก เขาถีบประตูรถแล้วเดินลงมา

เขามองหลี่โม่ด้วยสายตาเย็นชา ผีใหญ่โยกคอไปมา เสียงกระดูกดังขึ้นมา

หลี่โม่หรี่ตาลงแล้วมองผีใหญ่อย่างประเมิน ในหัวของเขามีภาพลอยขึ้นมามากมาย

“ที่แท้ก็ไอ้พวกเวรนี้นี่เอง”

“หึหึ รนหาที่ตาย!”

ผีใหญ่ไม่พอใจที่โดนเรียกว่าไอ้พวกเวร ถึงแม้พวกเขาจะโดนเรียกว่าพวกเวรมาตลอด แต่พวกเขาไม่ได้คิดแบบนั้น

สำหรับ ผีใหญ่ พวกเขาเป็นคนที่มีความสามารถ โดยสามารถยืมอำนาจในโลกใบนี้มาใช้เล็กน้อย

“เห็นว่าพวกแกมีกันสี่คน แล้วอีกสามคนล่ะ คนที่ได้ฉายาว่ากองทัพก่วยเสิน อย่างพวกแก กลายเป็นสุนัขรับใช้ของคนอื่นแล้วเหรอ”

ตำนานของ กองทัพก่วยเสินมีต้นกำเนิดมาจากปรมาจารย์เต๋าแดนสวรรค์ตั้งแต่ปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ปรมาจารย์เต๋าแดนสวรรค์ที่ชื่อว่าจางเต้าหลิงเป็นผู้ก่อตั้ง กองทัพก่วยเสิน ต่อมาลูกหลานของจางเต้าหลิงที่ชื่อว่าจางลู่ยอมแพ้ให้กับเฉาเชา ทำให้ กองทัพก่วยเสิน ถูกยุบเพื่อประชาชน ตำนานก็จบลงแค่ตรงนี้

“ฉันไม่ได้เป็นสุนัขรับใช้!”

ผีใหญ่มองหลี่โม่อย่างโมโห เขาโกรธจนตัวสั่น

ถึงปากบอกว่าไม่ใช่ลูกน้องใคร แต่ผีใหญ่รู้อยู่แก่ใจดีว่าสิ่งที่ตัวเองทำเรียกว่าสุนัขรับใช้

“เหอะๆ แต่ดูจากสภาพของแกก็รู้แล้วนะ ไม่รู้ว่าเจ้านายของแกคือใคร ฉันอยากรู้ว่าใครมันอยากทำร้ายฉัน” หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“รอให้แกเป็นศพก่อน แล้วฉันจะบอกแกเอง”

ผีใหญ่ ดึงมีดสั้นออกมาจากข้างหลังสองอัน

หลี่โม่ยิ้มแล้วโยนปืนลงพื้น เจอกับคนอย่าง ผีใหญ่ ปืนก็แค่ของเล่นเท่านั้น มันไม่มีประโยชน์อะไรแม้แต่น้อย

“เข้ามาสิ”

หลี่โม่กวักนิ้วเรียกผีใหญ่

ผีใหญ่ หรี่ตาลง เขาจ้องหลี่โม่เขม็งแล้วค่อยๆ เข้ามาประชิดตัวหลี่โม่

ระยะทางเพียงสิบกว่าเมตร แต่ผีใหญ่กลับใช้เวลาเดินถึงสองนาที เพราะในเวลาสองนาที ผีใหญ่ กำลังหาจุดอ่อนของหลี่โม่ แต่ทว่าหลี่โม่กลับไม่มีจุดอ่อนอะไรที่เผยให้เห็นเลย

เมื่ออยู่ห่างจากหลี่โม่เพียงสามเมตร ผีใหญ่ใช้แรงที่ทั้งสองเท้าและพุ่งเข้าไปหาหลี่โม่ มีดสั้นในมือของเขาเล็งไปที่คอและหัวใจของหลี่โม่

ครั้งนี้ผีใหญ่ใช้แรงมหาศาล ระยะห่างเพียงสามเมตรแค่พริบตาเดียวก็จะถึงแล้ว ประกายของมีดสว่างวาบอยู่ตรงคอกับตำแหน่งหัวใจของหลี่โม่

ผีใหญ่ แสยะยิ้มออกมา

สำเร็จแน่ๆ

การโจมตีอย่างรวดเร็ว เขาใช้แรงอันมหาศาลอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ ขณะที่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้ตั้งตัว นี่คือหนึ่งในเทคนิคของผีใหญ่

เหมือนมีดสั้นทั้งสองกำลังจะแทงไปตรงลำคอและหัวใจของหลี่โม่ แต่ทว่า ผีใหญ่ กลับไม่ได้รู้สึกถึงแรงที่เสียบเข้าไปในเนื้อ เขาตกใจเป็นอย่างมาก

เป็นไปไม่ได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้

เขาเบิกตาโตเหมือนเห็นผี ตัวของหลี่โม่ตรงหน้าเป็นเหมือนภาพลวงตา แต่ตัวจริงๆ ของหลี่โม่กลับถอยไปข้างหลังแล้ว

ทำไมถึงเร็วขนาดนี้!

ทำไมยังมีคนที่มีความสามารถเหนือกว่าตัวเอง

ผีใหญ่รู้สึกกลัว เขารู้สึกว่าหนึ่งในความแข็งแกร่งของเขาถูกหลี่โม่กดเอาไว้

หลี่โม่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เร็วจนกลายเป็นเงาหลายเงา เหมือนกับหลี่โม่สามารถแยกร่างหลายร่าง บนท้องฟ้ามีร่างของหลี่โม่เต็มไปหมด

“เหอะๆ แกมีความสามารถแค่นี้เหรอ ถ้าเป็นแบบนี้ แกก็ตายซะเถอะ”

เสียงของหลี่โม่ดังไปทั่ว มันเหมือนกับเสียงที่มาจากทุกทิศทาง

ความเร็วที่สุดบนโลกใบนี้ ความเร็วของหลี่โม่ถือว่าอยู่ในจุดสูงสุด

“เป็นไปได้ไง แกกินเหล้าดีกรีสูงไปเยอะขนาดนั้น แกต้องสุราเป็นพิษสิ ถึงแกจะไม่มีอาการนี้ แต่ในร่างกายของแกก็น่าจะมีแอลกอฮอล์สะสมอยู่เยอะ มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้!”

ผีใหญ่ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรหลี่โม่ดื่มไปเยอะขนาดนั้น แต่เขายังเหมือนคนปกติ

“เหอะๆ แกจะพูดคำว่าเป็นไปไม่ได้ทำไมเยอะแยะ ความสามารถในการเผาผลาญแอลกอฮอล์ของฉัน มันอยู่เหนือกว่าสิ่งที่แกคิด”

หลี่โม่พูดพลางสะบัดแขนหมัดพุ่งไปที่แก้มของผีใหญ่

ผีใหญ่ ตกใจและคิดจะหลบ แต่ทว่าความเร็วของเขาต่างกับหลี่โม่มาก ตอนที่เขากำลังจะหลบ หมัดของหลี่โม่ก็พุ่งเข้าไปแล้ว

พลั่ก!

หมัดของหลี่โม่กระแทกเข้าไปที่สันจมูกของผีใหญ่อย่างแรง ผีใหญ่รู้สึกแสบและชาที่จมูก

จากนั้นก็ตามมาด้วยความเจ็บ สันจมูกของ ผีใหญ่โดนหลี่โม่ต่อยจนยุบลงไป เลือดกำเดาไหลทะลักออกมา

“ให้ตายเถอะ! แกไม่เคยได้ยินเหรอว่าจะต่อยคนให้ไว้หน้าเอาไว้ โอ๊ย จมูกฉัน!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset