“อะไรนะ”
จางเต๋ออู่เบิกตาโตมอง ผีรองที่อยู่ข้างๆ
ผีรองพยักหน้า แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “เขาตายแล้ว ตายตาไม่หลับด้วย ผมสัมผัสได้ว่าเขาต้องการให้พวกเราแก้แค้น”
จางเต๋ออู่รู้ว่าผู้คุ้มกันทั้งสี่คนมีความลึกลับ แม้ว่ากระแสจิตจะไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ แต่พวกเขามีสิ่งนี้อยู่ในตัวแน่นอน
“พวกแกจะแก้แค้นแทนเขาไหม”
จางเต๋ออู่ถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ผีใหญ่ยังตายเลย จางเต๋ออู่ไม่เชื่อหรอกว่า ผีรองจะสู้กับหลี่โม่ได้
ผีรองส่ายหน้า “เราสี่คนร่วมมือกันอาจจะสู้หลี่โม่ได้ แต่ตอนนี้ ผีใหญ่ตายแล้ว พวกเราไม่สามารถใช้วิธีจู่โจมพร้อมกันได้อีกแล้ว แน่นอนว่าสู้หลี่โม่ไม่ได้”
จางเต๋ออู่รู้สึกเย็นวาบขึ้นในใจ ถ้าขืนยังไปต่อมีหวังตายสถานเดียว
“เลี้ยวรถกลับไป รีบออกจากเมืองฮ่านเดี๋ยวนี้!”
จางเต๋ออู่พูดอย่างตื่นตระหนก
รถเบนซ์รีบกลับหัวรถเลี้ยวไปอีกเลนทันที
จางเต๋ออู่กุมหัวแล้วพูดว่า “พวกแกกะจะแก้แค้นแทนผีใหญ่ไหม”
“แน่นอน ถึงพละกำลังของเราจะไม่สามารถสู้ได้ แต่ยังไงก็ต้องมีคนที่สามารถสสู้กับหลี่โม่ได้”
ผีรองพูดอย่างแน่วแน่
จางเต๋ออู่มีแผนในใจ ขอแค่ ผีรอง เจอผู้ช่วยฝีมือดีก็พอแล้ว
“ได้ พวกแกกลับไปหาติดต่อผู้ช่วย ถ้าต้องการอะไรติดต่อฉันได้ทันที ฉันจะช่วยพวกแกอย่างเต็มที่”
“ขอบคุณครับเจ้านาย”
หลังจากที่ผีรองเอ่ยขอบคุณ เขาก็หยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความ
จางเต๋ออู่ปิดตาลง เขารู้สึกว่าการมาเมืองฮ่านครั้งนี้ช่างโชคร้ายจริงๆ โชคร้ายไปถึงตระกูลด้วย เสียลูกน้องไปกว่าครึ่ง กว่าเขาจะรวบรวมขุมกำลังพวกนี้ขึ้นมาได้ มันไม่ง่ายเลย
“หลี่โม่ ความแค้นในวันนี้ฉันจะเอาคืนอย่างแน่นอน!”
จางเต๋ออู่พูดอย่างเคียดแค้น
ขบวนรถของท่านแปดค่อยๆ หยุดลง ไม่รอให้ผู้ช่วยลงมาเปิดประตูรถให้ ท่านแปดรีบเปิดประตูลงมา ไม่เหลือคราบเขาที่เป็นอยู่ทุกวัน
หลี่โม่สูบบุหรี่โดยยืนพิงอยู่ข้างรถเบนซ์พังๆ ของฉู่จงเทียน เมื่อเห็นท่านแปดวิ่งเข้ามา เขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ไอ้แปด นายมาได้ไง”
“ผมก็รีบมาปกป้องคุณไง แต่ดูเหมือนผมมาช้าไป”
ท่านแปดมองไปรอบๆ
เขาเห็นศพในที่เกิดเหตุ หางตาของท่านแปดก็กระตุกขึ้นมา
เมื่อเห็นศพของ ผีใหญ่ ข้างใต้เท้าของหลี่โม่ แววตาของท่านแปดเริ่มผิดปกติ
“นี่คือผีใหญ่เหรอ”
ท่านแปดถามเสียงเบา
“อืม”
หลี่โม่ส่งเสียงออกมาเบาๆ เพื่อเป็นการตอบคำถามของท่านแปด
“ไอ้พวกไม่รู้ว่าอะไรดีไม่ดี”
ท่านแปดสบถออกมา ดีนะที่เกลี้ยกล่อมจางเต๋ออู่ให้ถอยไปได้ ไม่งั้นถ้าจางเต๋ออู่มาที่นี่ มีแต่ตายกับตายเท่านั้น
“นายรู้ไหมว่าใครเป็นคนบงการพวกมัน”
หลี่โม่พ่นควันบุหรี่ออกมาแล้วถามขึ้น
“เรื่องนี้คุณอย่าถามเซ้าซี้เลยจะดีกว่าครับ เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อน”
ท่านแปดฝืนยิ้มออกมาแล้วเอ่ยขึ้น
“พูดมา”
น้ำเสียงของหลี่โม่แปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือก
คำว่าพูดมาบวกกับน้ำเสียงอันเย็นชา ท่านแปดถึงกับเย็นวาบไปทั้งตัว ราวกับมีภูเขาน้ำแข็งกำลังกดอยู่บนหัว
“เอ่อ จางเต๋ออู่คนดูแลที่อยู่ข้างกายของราชินีของสำนักหลงเหมินครับ จริงๆ แล้วเขาเป็นนายบำเรอของราชินีของสำนักหลงเหมิน เพราะฉะนั้นนายน้อยอย่าไปตามสืบเรื่องนี้เลยครับ”
ท่านแปดพูดเกลี้ยกล่อมเสียงเบา
“นายบำเรอของราชินีของสำนักหลงเหมินงั้นเหรอ งั้นการที่เขามาฆ่าฉัน เป็นความคิดของราชินีของสำนักหลงเหมินหรือเปล่า”
หลี่โม่หรี่ตาลง
“ไม่ใช่ครับๆ ต้องไม่ใช่ความคิดของราชินีของสำนักหลงเหมินแน่นอนครับ เป็นความคิดของ จางเต๋ออู่ว่ากันว่าราชินีของสำนักหลงเหมินแอบมีอะไรกับเขาจนท้อง เขาเลยมีความคิดนี้ขึ้นมา”
ท่านแปดพูดจบก็รู้สึกผิดขึ้นมา รู้สึกผิดที่ตัวเองปากไวพูดอะไรไม่คิดก่อน แถมยังพูดในสถานการณ์ที่ไม่ควรพูดออกมาอีก
“โอ้ๆๆๆ ผมพูดไปอย่างนั้นแหละครับ ได้ยินคนอื่นเขาพูดมา ผมไม่รู้ว่าจริงเท็จยังไง”
ท่านแปดอธิบายออกมาด้วยสีหน้าลำบากใจ
หลี่โม่แสยะยิ้ม “นายเกลี้ยกล่อมให้จางเต๋ออู่กลับไปแล้วสินะ นายคงจะเลือกข้างไม่ถูก เลยกะจะเป็นนกสองหัวใช่หรือเปล่า”
“เอ่อ ใจของผมอยู่ที่นายน้อยนะครับ เพราะราชินีของสำนักหลงเหมินใกล้จะมาถึงแล้ว ถ้าคุณฆ่า จางเต๋ออู่ความสัมพันธ์ของคุณกับราชินีของสำนักหลงเหมินจะพังลง ถอยกันคนละก้าวและเปิดใจให้กว้างไม่ดีเหรอครับ”
ท่านแปดพูดจบก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก รู้สึกว่าตัวเองหาเรื่องใส่ตัว ถ้าไม่มาเมืองฮ่านตั้งแต่แรกก็ไม่ลำบากแล้ว
แต่มาเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้ว ท่านแปดไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้อีก เขาจึงทำได้เพียงเผชิญหน้าถามหลี่โม่ไปตรงๆ
หลี่โม่ตบบ่าของท่านแปด “จะทำให้อะไรต้องคิดให้รอบคอบ เชื่อฟังที่ฉันพูด ต่อไปนายจะได้อยู่เคียงข้างฉัน แต่ถ้านายยังลังเลอยู่แบบนี้ อย่าหาว่าฉันไร้ความเมตตาก็แล้วกัน”
“ครับๆ ต่อไปผมจะทำตามที่นายน้อยพูดทุกอย่าง”
ท่านแปดโค้งตัวลงอย่างไม่รู้ตัว “เชิญขึ้นรถครับ ให้ผมไปส่งคุณนะครับ”
หลี่โม่พยักหน้าแล้วเดินไปที่รถเบนซ์กันกระสุนของท่านแปด
ท่านแปดรีบวิ่งตามไป เขาเปิดประตูให้หลี่โม่ขึ้นรถ
หลังจากที่หลี่โม่เข้ามานั่งในรถ ท่านแปดเข้ามานั่งคนขับ และให้คนขับรถออกรถ
“นายน้อย คุณจะไปที่ไหนต่อครับ”
หลี่โม่หยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความหากู้หยุนหลัน หลังจากที่รู้ว่ากู้หยุนหลันอยู่ที่บริษัท เขาจึงให้ท่านแปดไปส่งที่บริษัท
เมื่อมาถึงบริษัท ท่านแปดโค้งตัวและมองหลี่โม่เดินเข้าไปข้างใน เขาจึงขึ้นรถกลับ
“เวรเอ๊ย นี่มันเรื่องอะไรกัน วันๆ ฉันเหมือนเบ๊ของคนอื่น รีบขับรถกลับคฤหาสน์ ฉันอยากกอดสาวๆ เพื่อระบายอารมณ์สักหน่อย”
ขบวนรถเคลื่อนตัวออกไปยังคฤหาสน์ของท่านแปด
หลี่โม่เดินเข้ามาในห้องทำงานของกู้หยุนหลัน เธอยิ้มหวานให้เขา เธอไม่ได้ถามเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่เธอกลับมา แค่หลี่โม่ปลอดภัย เธอก็สบายใจแล้ว
“เหนื่อยไหม รีบมานั่งพักสิ”
กู้หยุนหลันดันให้หลี่โม่นั่งลง เธอรินน้ำใส่แก้วให้หลี่โม่
หลี่โม่ดื่มน้ำแล้วถามขึ้นว่า “วันนี้ตกใจมากสินะ”
“เรื่องอื่นยังไม่เท่าไร แต่หลังจากที่นายดื่มเหล้าเยอะ ทำให้ฉันกังวลมาก ฉันคิดว่านายสุราเป็นพิษเสียอีก”
“ผมไม่เป็นแบบนั้นหรอก แค่ดื่มมากไปหน่อย ตอนเผาผลาญแอลกอฮอล์เลยต้องใช้พลังงานเยอะ”
กู้หยุนหลันจ้องหลี่โม่อย่างงอนๆ “ต่อไปห้ามไปแข่งดื่มเหล้ากับใครอีก ได้ยินหรือยัง”
“รับทราบครับ เอาตามที่คุณภรรยาสั่งมา ต่อไปจะไม่แข่งดื่มเหล้าอีกแล้ว”
หลี่โม่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ตาทึ่ม นายพักผ่อนเถอะ ฉันขอทำงานก่อน อีกสองวันก็จะเริ่มดำเนินการแล้ว ถึงตอนนั้นจะต้องไปดูงานที่ไซต์งานบ่อยๆ นายต้องวิ่งวุ่นเป็นเพื่อนฉันด้วย”
หลี่โม่พยักหน้า เขาลูบคางแล้วพูดว่า “เลือกบริษัทก่อสร้างแล้วหรือยัง ต้องหาบริษัทที่เป็นการเป็นงานนะ คุณจะได้ไม่เหนื่อย”
“ลุงเป็นคนตัดสินใจเรื่องบริษัทก่อสร้าง ฉันพูดอะไรมากไม่ได้ เอาตามที่เขาเลือกก็แล้วกัน”