โรงแรมซิสทีนคือโรงแรมที่ซินแสจางพักอยู่
และงานเลี้ยงในช่วงเย็นที่เตรียมจัดให้กับซินแสจางก็ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมนี้
กู้เจี้ยนกั๋วและกู้เจี้ยนเจียงรีบมาที่โรงแรมนี้เพื่อจะมาจัดเตรียมงานก่อนล่วงหน้า เมื่อมาถึงที่โรงแรมก็ได้ทำการจัดเตรียมงานทันที หลังจากจัดเตรียมงานเสร็จ กู้เจี้ยนกั๋วได้ส่งข้อความไปหาหมิงเต๋อ เพื่อนัดหมิงเต๋อออกมาพูดคุย
เพื่อที่จะให้ซินแสจางมีความสุขในงานเลี้ยงคืนนี้ กู้เจี้ยนกั๋วจึงวางแผนสอบถามของที่ซินแสจางชื่นชอบ
หมิงเต๋อรีบเดินเข้าไปในห้องพักของกู้เจี้ยนกั๋วก่อนจะยิ้มและเอ่ยถามออกไป : “พวกคุณทั้งสองนัดฉันมาพบ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรงั้นหรือ”
“หมิงเต๋อเชิญนั่งก่อนเถอะ พวกเราแค่อยากจะถามคุณเกี่ยวกับเรื่องพื้นที่อัปมงคล จริงหรือไม่ที่เขาบอกกันว่ามันช่างน่ากลัว?”
“แน่นอนว่าน่ากลัวอย่างมาก หากว่าเป็นแค่เคราะห์เล็กละก็ ซินแสจางคงจะช่วยพวกคุณกำจัดไปเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าสถานที่ที่พวกคุณก่อสร้างแห่งนี้ มันคือเคราะห์ใหญ่ หากไม่รีบจัดการให้เสร็จสิ้นละก็ เกรงว่าในทุกๆปีจะต้องมีคนตายไม่มากก็น้อยแน่ๆ
คำพูดของหมิงเต๋อทำให้สีหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วและกู้เจี้ยนเจียงเปลี่ยนไปทันที ในหนึ่งปีจะต้องมีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก แบบนี้ใครจะรับไหว
หากเป็นแบบที่พูดละก็ โรงงานก็ไม่ต้องเปิดไปเลย หาเงินได้มากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถปกปิดปัญหาได้แน่
“ยี่สิบล้านไม่มากไปสักนิด ฉันไม่เข้าใจเลยว่าพวกคุณกำลังคิดอะไรอยู่ หรือพวกคุณกำลังคิดว่าสิ่งที่ซินแสจางพูดออกมาไม่ถูกต้อง ? พวกคุณจะสามารถประหยัดเงินยี่สิบล้านได้เลยใช่หรือไม่ ? คนแบบพวกคุณสมองนี่ต้องมีปัญหาแล้วแน่ๆ”
“ฉันจะบอกกับคุณนะ ที่ซินแสจางตัดสินใจอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามวันนั้น เพราะว่าซินแสจางได้คาดการณ์ไว้แล้วว่าภายในสามวันนี้จะต้องมีคนล้มตายแน่นอน คำพูดของฉันให้ทิ้งไว้ที่นี่ ในช่วงสามวันนี้พวกคุณพิสูจน์กันให้ดีเถอะ”
“กู้เจี้ยนกั๋วและกู้เจี้ยนเจียงมีสีหน้าที่ตกใจจนหน้าซีดทันที เรื่องพวกนี้ถ้าอยู่ที่ผู้อื่น เช่นนั้นเท่ากับการฟังนิทาน แต่หากนำมาไว้กับตัวเองนั้น เหมือนกับเรื่องร้ายเรื่องหนึ่ง
“จริงหรือ อีกสามวันจะมีผู้คนล้มตายจริงๆหรือ? ตอนนี้ยังไม่มีการเริ่มทำการใดๆไม่ควรมีใครสมควรตายสิ กู้เจี้ยนเจียงพูดออกมาด้วยปากที่สั่นระริก
“เหอเหอ พวกคุณยังไม่เชื่ออีกอย่างนั้นหรือ หากไม่เชื่อละก็คืนนี้พวกคุณสามารถส่งคนไปดูสถานที่ก่อสร้างได้เลย ทั้งหมดนี้ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงช่วงเวลาที่ดาวหยิบเปล่งประกายที่สุดในเวลาเที่ยงคืนหรอก ตราบใดที่ผู้คนไปยังเขตศูนย์การก่อสร้างหลังเวลาเก้าโมง พวกเขาก็จะตายทั้งหมด”
สายตาที่เปล่งประกายของหมิงเต๋อกลับมืดมนลงทันที
กู้เจี้ยนกั๋วและกู้เจี้ยนเจียงสบตากันชั่วครู่ ในใจของทั้งสองรู้สึกกังวลอย่างมาก นึกคิดในใจว่าหรือจะต้องส่งคนไปทดลองเรื่องนี้แล้วจริงๆ?
“หลี่โม่”
กู้เจี้ยนเจียงเอ่ยออกมาเบาๆ
กู้เจี้ยนกั๋วพยักหน้าเล็กน้อย “คืนนี้ให้คนไร้ประโยชน์คนนี้ไปดูสักรอบ แต่ทว่าจะหาเหตุผลอะไรไปดีละ พวกเราพูดอะไรไปคนไร้ประโยชน์นี่ก็ไม่ฟังเป็นแน่”
“เขาเชื่อฟังคำพูดของกู้หยุนหลันที่สุด เราแค่หาคำพูดดีๆให้กู้หยุนหลันเรียกคนไร้ประโยชน์นั้นไปที่ก่อสร้างก็พอแล้ว” กู้เจี้ยนเจียงพูดออกมาด้วยความเห็นใจ
“ใช่ ถ้าเช่นนั้นเรื่องนี้ก็มอบให้นายจัดการแล้วกันนะ”
กู้เจี้ยนกั๋วนำมือไปตบที่ไหล่ของกู้เจี้ยนเจียงเบาๆ
กู้เจี้ยนเจียงชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้มแบบขมขื่น ตอบรับจัดการเรื่องนี้
หมิงเต๋อได้ฟังบทสนทนาของทั้งคู่ ก็ยกขาทั้งสองข้างขึ้นมาไขว้กันก่อนจะพูดออกไปว่า “พวกคุณจัดการเรื่องนี้ได้อย่างชาญฉลาด ขอเพียงแค่ไอ้บ้านั้นตายไปซะ เท่านี้ท่านซินแสจางจะต้องดีใจอย่างมากเป็นแน่”
“ขอเพียงแค่ท่านซินแสจางมีความสุขก็พอแล้ว หากว่าเจ้าหลี่โม่ไร้ประโยชน์นั้นตายไปแล้วจริงๆ พรุ่งนี้พวกเราจะได้เชิญท่านซินแสจางทำพิธีกำจัดดวงวิญญาณชั่วร้ายออกไปซะ และพวกเราหวังว่ายังต้องขอรับคำชี้แนะจากหมิงเต๋ออีกมากเช่นกัน”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดจบก็หยิบบัตรเอทีเอ็มมอบให้กับหมิงเต๋อ
หมิงเต๋อยิ้มก่อนจะยื่นมือไปรับบัตร “เอาล่ะ ต่อหน้าที่อยู่กับซินแสจางฉันจะช่วยพูดให้พวกคุณเอง ส่วนด้านซินแสจางนั้นไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะดูแลท่านอย่างดีเอง”
หมิงเต๋อพาตัวเองออกไปยังห้องรับรองทันที ไม่ช้าเขาก็กลับมาถึงห้องพักของซินแสจาง
ซินแสจางกำลังนั่งพักผ่อนสายตาอยู่บนโซฟา หมิงเต๋อรีบเข้าไปใกล้ตัวเขาด้วยสีหน้าที่อิ่มเอม “ท่านอาจารย์ ฉันได้ไปบอกพวกเขาแล้ว คืนนี้พวกเขาจะให้เจ้าหลี่โม่ไปที่เขตก่อสร้าง หลังจากนั้นก็จะฆ่าเจ้าหมาบ้านั้นเพื่อล้างแค้นให้กับท่าน
“ทำได้ดี นายไปเลือกนักฆ่าที่มีฝีมือมาสักสองสามคนแล้วฆ่าเขาคืนนี้ซะ เรื่องนี้จะต้องจัดการให้ดีสักหน่อย
ซินแสจางเอ่ยออกมาอย่างไม่ลืมตาแต่อย่างใด
“ท่านวางใจได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทำ พวกเรามีประสบการณ์มามากพอสมควร ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
ซินแสจางพยักหน้า หลังจากนั้นหมิงเต๋อก็รีบออกจากห้องพักซินแสจางและเริ่มหาคนไปจัดการเรื่องที่วางแผนไว้
……
กู้หยุนหลันกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหลังจากดูเอกสารบางอย่างเสร็จ แต่ทว่าอ่านอย่างไรก็ไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะสมองกลับคิดถึงแต่เรื่องที่หลี่โม่ถูกซินแสจางลงโทษ
เรื่องโชคลางพวกนี้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่เชียว ในตอนท้ายท่านซินแสจางกล่าวไว้ว่าหลี่โม่จะต้องประสบกับภัยพิบัติการนองเลือด แล้วถ้าหลี่โม่เป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ ควรจะทำอย่างไรดี?
ยิ่งคิดจิตใจของกู้หยุนหลันก็ยิ่งอึดอัดใจ จนผุดความคิดบ้าๆบางอย่างออกมา หากคืนนี้ให้หลี่โม่ไปขอโทษท่านซินแสจาง หลังจากนั้นก็ให้ท่านอาจารย์ช่วยขจัดเรื่องภัยร้ายที่เกิดการนองเลือดขึ้นกับหลี่โม่ออกไป
หลี่โม่เห็นกู้หยุนหลันมีท่าทีร้อนรนกลัดกลุ้มใจ จึงเดินเข้าไปยืนข้างๆตัวเธอ และนำมือลูบศีรษะกู้หยุนหลันเบาๆ
“อย่าไปคิดเรื่องที่ไม่มีอยู่จริงเลย เรื่องจำพวกนั้นเป็นยุคของความเชื่อโชคลางเท่านั้น แต่ตอนนี้คือยุควิทยาศาสตร์แล้ว เธอยังจะเชื่อคำโกหกพวกนั้นอีกหรือ”
“แต่ว่า แต่ฉันอดไม่ได้ที่จะกังวลยังไงล่ะ หากว่าที่เขาพูดเป็นจริงขึ้นมา เรื่องโชคลางพวกนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ไม่ควรลบหลู่อยู่ดี”
ที่กุ้หยุนหลันคิดแบบนี้ เพราะอยากให้เขาระมัดระวังตัวสักหน่อย
หลี่โม่เห็นว่ากู้หยุนหลันเป็นห่วงตัวเองมาก จึงยิ้มกริ่มออกมาและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอว่า ควรทำอย่างไรดีละ ฉันจะได้ทำตามในสิ่งที่เธอพูด”
“จริงหรือ? คืนนี้นายต้องไปยอมรับผิดกับท่านซินแสจางซะ ยกเหล้าดื่มประมาณนี้เป็นไง?”
กู้หยุนหลันพูดออกมา
หลี่โม่พยักหน้า น้อมรับคำแนะนำอย่างสงบ ขอเพียงแค่ไม่ทำให้กู้หยุนหลันคิดเรื่อยเปื่อย การไปขอโทษซินแสจางก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก
เมื่อเห็นหลี่โม่ตอบรับคำแนะนำ กู้หยุนหลันก็ถอนหายใจอดมาด้วยความโล่งอก และยิ้มออกมาอย่างสบายใจ
“สามีของฉันเยี่ยมที่สุด ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ คืนนี้อย่าได้พูดอะไรไม่ดีอีกนะ”
“ไม่พูดออกมาอีกแล้ว คืนนี้ฉันจะกินแต่ข้าวไม่พูดอะไรแล้ว”
เมื่ออารมณ์ของหยุนหลันกลับมาดีขึ้น หลี่โม่จึงกลับไปนั่งเล่นมือถืออยู่บนเก้าอี้ เขากำลังครุ่นคิดว่าจะให้บทเรียนอะไรแก่ซินแสจางดีและในขณะที่หลี่โม่กำลังคิดอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา
เมื่อเห็นหมายเลขปลายสายเป็นฉู่จงเทียนหลี่โม่ก็กดรับทันที
“คุณหลี่ คนของฝั่งนั้นได้เข้ามาพูดคุยกับฉันเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว วันเวลาของการแข่งขันมวยดำนานาชาติถูกกำหนดไว้แล้วในอีกหนึ่งสัปดาห์ ผู้เล่นตัวจริงในการแข่งขันนี้มีเยอะมากอีกอย่างตามกฎข้อบังคับของทางพวกเขา คุณคือมือสมัครเล่น จะต้องเริ่มตั้งแต่ต้นนั่นคือการแข่งคัดเลือก”
ฉู่จงเทียนพูดออกมาด้วยความระมัดระวัง เมื่อนึกถึงผู้เข้าแข่งขันมวยดำนานาชาติที่มีพละกำลังที่แข็งแกร่ง ฉู่เทียนจงคิดว่าเหมือนครั้งนี้เขาได้ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่เข้าแล้ว
“อ้อ อย่างไรก็ได้ ลูกของคุณทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อฉู่จงเทียนได้ฟังถึงความห่วงใยของหลี่โม่ที่มีต่อลูกชายของเขา ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อยอย่างรู้สึกตื้นตันใจก่อนจะพูดออกไปว่า “ลูกของฉันยังโอเคอยู่ เพียงแต่ถูกกักบริเวณเท่านั้น ต้องรอให้การแข่งขันนี้เริ่มขึ้นก่อน พวกเขาถึงจะปล่อยตัวลูกของฉันออกมา”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี นายอย่าคิดมาก สำหรับฉันแล้วคนพวกนั้นเป็นเพียงแค่พวกไร้ประโยชน์แค่เท่านั้น”