งานเลี้ยงมื้อค่ำเริ่มในเวลายี่สิบนาฬิกาตรง
ขณะที่กู้หยุนหลันกับหลี่โม่กำลังจะเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ทว่ากู้เจี้ยนเจียงกลับขวางทั้งสองคนไว้
“หยุนหลัน ซินแสจางเพิ่งสั่งมาว่าอยากให้คนไปที่ศูนย์กลางสถานที่ก่อสร้างก่อสร้างเพื่อรับดินคืน เห็นว่าอยากเช็คสถานการณ์กัดเซาะของหยินซากับดินหลังช่วงหลังที่หยินรุนแรงขึ้นในช่วงดึก ๆ ฉันคิดว่าจะให้หลี่โม่ไปดูสักหน่อย”
เหตุผลของอีกฝ่ายทำให้กู้หยุนหลันไร้หนทางปฏิเสธ เธอจึงทำได้เพียงยื่นกุญแจรถให้หลี่โม่
“งั้นคุณก็ไปดูเถอะ รีบไปรีบกลับล่ะ”
“โอเค เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา”
หลี่โม่หยิบกุญแจรถพร้อมกับหันหลังเดินจากไป กู้เจี้ยนเจียงกระตุกยิ้มเมื่อพบว่าแผนการสมรู้ร่วมคิดนี้ประสบผลสำเร็จ
“หยุนหลัน เราเข้าไปข้างในกันดีกว่า ซินแสจางให้ความสำคัญกับคุณมาก คืนนี้เธอต้องคอยเป็นเพื่อนคุยเขานะ” กู้เจี้ยนเจียงเตือน
กู้หยุนหลันพยักหน้าพลางเดินเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงพร้อมกับกู้เจี้ยนเจียง
ซินแสจางนั่งอยู่ที่ตำแหน่งประธานของโต๊ะ กู้เจี้ยนกั๋วนั่งอยู่ทางด้านขวาของซินแสจาง ส่วนตำแหน่งซ้ายมือนั้นเว้นว่างเอาไว้ เมื่อกู้เจี้ยนกั๋วเห็นเธอเดินเข้ามาก็รีบกวักมือเรียกทันที
“หยุนหลันรีบมานั่งเป็นเพื่อนซินแสจางสิ”
กู้หยุนหลันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกัดฟันเดินเข้าไปนั่งลงที่เก้าอี้ด้านซ้ายมือของซินแสจาง
เขามองเธอพร้อมยิ้มจนตาหยี “คุณกู้มาแล้ว เมื่อครู่ได้ฟังเรื่องของคุณไปไม่น้อย คิดไม่ถึงเลยว่าคุณกู้จะเก่งขนาดนี้ ฉันชื่นชมคุณมากจริง ๆ ”
“ซินแสจางพูดเกินไปแล้ว ฉันไม่ได้เก่งอะไรหรอก ทุกอย่างเป็นเพราะมีลุงใหญ่คอยชี้แนะทั้งนั้น” เธอตอบกลับอย่างสุภาพ
กู้เจี้ยนกั๋วหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาเตรียมจะดื่ม เขากังวลว่ากู้หยุนหลันตัดบทสนทนาลงอย่างน่ากระอักกระอ่วน
“ฉันขอเป็นตัวแทนของทางตระกูลกู้ในการขอบคุณที่คุณเดินทางมาไกลเพื่อช่วยพวกเราแก้ปัญหา แก้วนี้ขอดื่มเพื่อเคารพคุณ”
ซินแสจางยกแก้วเหล้าขึ้นมาตอบรับ กู้เจี้ยนกั๋วดื่มเหล้าจนหมดแก้วในขณะที่ซินแสจางทำเพียงแค่แตะริมฝีปากไปที่ปากแก้วเบา ๆ เท่านั้น ท่าทางเสแสร้งแบบนั้นมันเพียงพอแล้วสำหรับการไว้หน้ากู้เจี้ยนกั๋ว
ฝ่ายกู้เจี้ยนกั๋วเองก็ไม่ได้โกรธเคือง เขายิ้มพลางหันไปพูดกับกู้หยุนหลัน “หยุนหลัน เธอเองก็ดื่มให้ซินแสจางหน่อยสิ ต่อไปเรามีเรื่องต้องรบกวนให้เขาช่วยเหลืออีกมาก”
เธอถอนหายใจอยู่ภายในใจก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นมา “ฉันดื่มให้คุณ”
“ฮ่า ๆ พูดได้ดี พูดได้ดี”
หลังจากที่ซินแสจางชนแก้วกับกู้หยุนหลัน เขาก็ดื่มเหล้าจนหมดแก้ว
กู้เจี้ยนกั๋วเลิกคิ้วมอง มีหลายสิ่งที่เผยออกมาทัศนคติการดื่มของซินแสจาง
รึว่าซินแสจางจะสนใจกู้หยุนหลัน?
ถ้าเป็นอย่างนั้นจะมีวิธีมอมเหล้ากู้หยุนหลันเพื่อส่งเธอไปถึงเตียงของซินแสจางหรือไม่?
“ซินแสจางเห็นแก่หน้าตระกูลกู้ของพวกเรามากเหลือเกิน หยุนหลัน หนูยังไม่รีบคีบกับข้าวให้ซินแสจางอีก อย่าให้เขาดื่มแต่เหล้าโดยไม่กินกับแกล้มสิ” กู้เจี้ยนกั๋วยิ้ม
กู้หยุนหลันเริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย เธอหยิบตะเกียบส่วนรวมขึ้นมาเพื่อคีบกับข้าวให้ซินแสจาง
ซินแสจางชื่นชมการขยิบตาของกู้เจี้ยนกั๋วในใจ รอจนข่าวการเสียชีวิตของหลี่โม่ถูกส่งมา เกรงว่าในคืนนี้กู้หยุนหลันจะตกเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์ เมื่อคิดได้อย่างนี้ในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความสุข แววตาลามกของซินแสจางล่องลอยไปหากู้หยุนหลันอย่างอดไม่ได้
หญิงสาวสัมผัสได้ถึงแววตาแปลก ๆ จากซินแสจาง เธอนึกถึงคำพูดของหลี่โม่ที่กล่าวว่าอีกฝ่ายเป็นคนหลอกลวง มุมมองที่เธอมีต่อซินแสจางก็เริ่มสั่นคลอน
……
หลี่โม่ขับรถไปถึงสถานที่ก่อสร้างก่อสร้าง มีคนงานเฝ้าประตูอยู่ไม่กี่คนที่โรงเก็บของตรงทางเข้าสถานที่ก่อสร้าง พนักงานและอุปกรณ์ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าไปข้างใน ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้ซินแสจางบอกว่าบริเวณนี้เป็นจุดอัปมงคลมาก ประธานหวังเลยพาลูกกลับหมดเหลือเพียงสุนัขเฝ้ายามเท่านั้น หลี่โม่ทักทายคนงานที่อยู่เวรและเดินไปที่ศูนย์กลางสถานที่ก่อสร้างก่อสร้าง
เมื่อหมิงเต๋อที่ซุ่มอยู่ในความมืดเห็นหลี่โม่เดินลึกเข้าไปในสถานที่ก่อสร้าง เขาจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อส่งข้อความเตือนให้พรรคพวกรู้ตัว
การลอบทำร้ายหลี่โม่ในครั้งนี้หมิงเต๋อจัดเตรียมคนฝีมือดีถึงหกคน ส่วนตัวเขานั้นรออยู่ด้านนอกประตูเพื่อแกล้งแต่งเป็นผีหลอกพวกคนงานที่อยู่เวรเฝ้ายาม สร้างสถานการณ์ภูตผีออกอาละวาด
หลี่โม่เดินช้า ๆ ไปที่ศูนย์กลางไซน์งานก่อสร้าง เขากวาดสายตามองทั่วบริเวณก่อนจะแสยะยิ้มเย็นชา
“ออกมาให้หมด แผนผีหลอกใช้ไม่ได้ผลกับฉันหรอก ซินแสจางส่งพวกแกมาใช่ไหม วิธีโคตรเด็ก”
ขณะที่หลี่โม่พูด เขาก็หยิบบุหรี่หนึ่งมวนมาคาบไว้ในปาก
กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหกคนพากันเลิ่กลั่กเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่โม่
หมอนี่มันรู้ตัวได้อย่างไร? รึว่าพวกเขาทำพลาดไป?
พวกเขาสบตากันทว่าไม่มีใครลงมือ รอจนหลี่โม่เป็นฝ่ายริเริ่มเดินเข้ามาเอง
เมื่อเห็นว่าชายทั้งหกคนยังเงียบ เขาก็พ่นควันบุหรี่ออกมาก่อนจะใช้เท้าเตะที่ก้อนหินจนมันลอยเข้าไปโดนชายคนหนึ่งที่ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้า
ปึก!
หินที่กระทบลงที่ศีรษะราวกับทะลุไปจนถึงกะโหลก ไม่ต่างจากยิงลูกกระสุนเขาไปกลางสมอง
ชายผู้เคราะห์ร้ายร้องอย่างเจ็บปวด ร่างกายของเขากระตุกอยู่สองสามครั้งก่อนจะแน่นิ่งไปพร้อมกับหมดลมหายใจ
ยอดฝีมืออีกห้าคนที่เห็นการตายอันน่าสลดใจของเพื่อนรวมกลุ่มก็พลันตัวสั่น เพียงก้อนหินที่ถูกหลี่โม่เตะกลับสามารถคร่าชีวิตคนได้ ช่างเป็นวิธีการฆ่าคนที่อยู่เหนือจินตการยอดฝีมืออย่างพวกเขานัก
“มะ..แกฆ่าคนแบบนี้เหรอ มันโหดเกินไปรึเปล่าวะ!”
หนึ่งในนั้นทนไม่ไหวจึงลุกออกจากที่ซ่อนก่อนจะชี้นิ้วมาที่จมูกของหลี่โม่ จากนั้นยอดฝีมือที่สี่คนก็ทยอยลุกขึ้นมายืนล้อมเขาไว้
หลี่โม่กวาดสายตามองชายฉกรรจ์ทั้งห้า ก็จะแสยะยิ้มอย่างเหยียดหยาม
“พวกแกยังมีหน้ามาบอกว่าฉันโหดไปเหรอ ถ้าฉันไม่ลงมือก่อน พวกแกก็คงรุมทำร้ายฉันเพื่อจัดฉากการตายของฉันน่ะสิ”
เมื่อเห็นว่าหลี่โม่พูดถึงแผนของพวกเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง สีหน้าของทั้งห้าคนก็เคร่งเครียด แววตาที่มองคนในกลุ่มแปลกออกไปอย่างสงสัยว่ามีหนอนบ่อนไส้ภายในกลุ่ม
“ใครเป็นคนบอกแก”
“ยังต้องมีคนบอกอีกเหรอ ใช้สมองคิดสักนิดก็เดาได้แล้ว” หลี่โม่พูดอย่างดูถูก
“จะเสียเวลาพล่ามกับมันทำไม ฆ่ามันก่อนแล้วค่อยหาก็ได้ว่าใครมันเป็นหนอนบ่อนไส้!”
“ใช่ ตอนนี้ฆ่ามันก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน!”
ยอดที่มือตั้งท่าเตรียมโจมตี ปลายเท้าหันไปทางหลี่โม่
ชายหนุ่มหยิบก้นบุหรี่ออกจากปาก ก่อนจะดีดไปทางยังทิศทางของยอดที่มือที่อยู่หน้าสุด
ทันทีที่ก้นบุหรี่ที่ยังมีประกายไฟหลงเหลืออยู่ลอยออกมาราวลูกธนูปะทะเข้ากับหมัดของชายคนนั้นดังปึกเสียงหนึ่ง ร่างทั้งร่างของยอดฝีมือคนหน้าสุดก็ชะงักไป เขารู้สึกราวกับว่ามีค้อนเหล็กมาทุบที่หมัดของตนเอง
“แย่แล้ว! มันเป็นยอดฝีมือ ทุกคนระวัง!”
ชายคนนั้นตะโกนออกมาอย่างตกใจ ทว่าคำเตือนนั้นล่าช้าเกินไป
เพียงแค่หลี่โม่สะบัดมือ ยอดฝีมือทั้งสี่คนก็ต่างร้องออกมาอย่างเจ็บปวด พวกเขาต่างถูกหลี่โม่จัดการจนกระเด็นออกไป
“เหอะ ๆ พวกแกนี่มันกระจอกฉิบหาย”