“จะมีเรื่องได้อย่างไร อย่าไปฟังเขาพูดเรื่องกรรมตามสนองอะไรนั่น ถ้ากรรมจะตามสนองก็ต้องเป็นกับคนหลอกลวงคนนี้แล้วล่ะ” หลี่โม่พูดพร้อมกับยิ้ม
กู้หยุนหลันพยักหน้ารู้สึกว่าที่หลี่โม่พูดนั้นสมเหตุสมผล จากเรื่องเหล่านั้นที่ซินแสจางได้ทำลงไปถึงแม้กรรมจะตามสนองก็ควรจะตกอยู่กับเขาเอง
กู้เจี้ยนกั๋วล้มเลิกความคิดที่จะกินข้าวเรียบร้อยแล้ว แขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญมาร่วมงานถูกพาตัวไปแล้วและเขาเองก็กลายเป็นตัวตลกแวดวงด้วยเช่นกัน ยังคิดจะกินอีกคงโดนผีเข้าแล้วล่ะ
“แยกย้ายกันเถอะ วันนี้มันทำให้ทุกคนมองเป็นตัวตลกจริงๆ”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง
บรรดาแขกเหรื่อยิ้มพร้อมกับพูดปลอบใจเขาสองสามคำ เมื่อเห็นว่ากู้เจี้ยนกั๋วอารมณ์ไม่ดีจริงๆ แต่ละคนจึงต่างแยกย้ายกันไป
หลี่โม่และกู้หยุนหลันจับมือกันพร้อมเดินออกไป กู้เจี้ยนกั๋วมองเห็นเงาของทั้งสองคนที่จากไปแล้วก็ถ่มน้ำลายลงบนพื้นอย่างรุนแรง
“ถุย!”
แสงชั่วร้ายเป็นประกายวาบเข้ามาในดวงตาของกู้เจี้ยนกั๋ว “นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
“พี่ใหญ่ ผมคิดว่าพวกเราควรหยุดพักกันก่อนเถอะ เรื่องก่อสร้างอาคารทุกอย่างก็มอบให้หยุนหลันจัดการแล้วนี่นา” กู้เจี้ยนเจียงพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย
บนแปลงที่ดินมีคนตายไปแล้วหกคน และซินแสจางพูดว่าที่นั้นเป็นจุดที่อัปมงคล ถึงแม้ว่าซินแสจางจะถูกจับกุมแล้ว แต่ข่าวลือจะไม่หายไปอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่ามีแนวโน้มแย่ลงเรื่อยๆด้วย
การสร้างโรงงานใหม่ต่อโดยไม่ยอมวางมือย่อมที่จะต้องมีปัญหาและเรื่องปวดหัวมากมาย สู้ปล่อยมือเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเสียแต่เนิ่นๆดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้นไม่แน่ว่าจะต้องยุ่งกับการตรวจสอบและลาดตระเวน เพราะสุดท้ายแล้วก็มีคนหกคนเสียชีวิตที่นั่น
กู้เจี้ยนกั๋วหรี่ตาและพยักหน้าเล็กน้อย เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหากู้หยุนหลันแล้วโยนเรื่องที่ตามมาทั้งหมดให้กับกู้หยุนหลัน
กู้หยุนหลันนั่งที่กำลังอุ่นเครื่องรถและนั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับได้วางโทรศัพท์ลงแล้วถอนหายใจอย่างแผ่วเบา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
หลี่โม่ถามด้วยความสงสัย
“คุณลุงโยนเรื่องสร้างโรงงานใหม่ทั้งหมดให้กับฉันค่ะ ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้ว เกรงว่าการเริ่มงานจะต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ถ้าหากว่าล่าช้ามาก ฉันคิดว่าพวกคุณลุงจะพูดอะไรแปลกๆอีก”
หลี่โม่ยิ้มแล้วพูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่ต้องกังวลนะ ผมได้ติดต่อไปแล้ว สถานที่จะไม่ถูกปิด นอกจากนี้ยังติดต่อกับบริษัทวิศวกรรมก่อสร้างเรียบร้อยแล้วด้วย”
“อ๊ะ?”
กู้หยุนหลันประหลาดใจในทันที คิดไม่ถึงเลยว่าหลี่โม่จะทำทุกอย่างล่วงหน้าไว้หมดแล้ว เป็นการวางแผนอย่างยอดเยี่ยมเพื่อชัยชนะอย่างแท้จริง
“เซอร์ไพรส์มากใช่ไหม?”
“เซอร์ไพรส์นิดหน่อยค่ะ คุณติดต่อบริษัทวิศวกรรมก่อสร้างที่ไหนเหรอคะ คุณสมบัติและความแข็งแกร่งเป็นอย่างไรบ้างคะ?”
กู้หยุนหลันฟื้นสถานะหญิงแกร่งกลับคืนมาในชั่วพริบตา
“คือบริษัทวิศวกรรมก่อสร้างคุณตาของคุณ คาดว่าหวังจงเสวียนจะติดต่อคุณในไม่ช้า ถือได้ว่าเงินทองไม่รั่วไหลออกไปข้างนอกไงล่ะ”
กู้หยุนหลันตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยว่าหลี่โม่ยังติดต่อกับคนของตระกูลหวัง
“ทำไมคุณยังคิดที่จะติดต่อกับคนของตระกูลหวังอยู่ล่ะคะ? เรื่องงานเลี้ยงฉลองวันเกิดคุณตาคราวก่อน ทุกคนล้วนแต่รู้สึกไม่พอใจ”
“ทุกอย่างมันเป็นอดีตไปแล้ว หวังจงเสวียนมาขอโทษขอโพยกับผมแล้ว ผมเห็นว่าเขายอมรับความผิดพลาดได้ดีเลยทีเดียว ดังนั้นผมจึงได้ลบความเกลียดชังที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ออกไป ถึงยังไงทั้งหมดก็ล้วนแต่เป็นญาติพี่น้องคุณ ผมก็ต้องรักษาหน้าพวกเขาไว้บ้าง”
กู้หยุนหลันดึงมือของหลี่โม่มาจับไว้แน่น ทั้งสองต่างมองกันและกัน ในดวงตาเต็มไปด้วยความรักอันลึกซึ้ง
……
รถโรลส์-รอยซ์ แฟนทอมกันกระสุนที่สั่งทำเป็นพิเศษกำลังเร่งความเร็วอยู่บนถนน รถรุ่นพิเศษคันนี้มีเพียงคันเดียวบนโลก เจ้าของมันคือราชินีของสำนักหลงเหมิน
ราคาของรถนั้นมากกว่าสิบล้านเหรียญ และรถโรลส์-รอยซ์ แฟนทอมกันกระสุนที่สั่งทำพิเศษนี้มีราคาสูงมากกว่าห้าสิบล้านเหรียญ
เหล็กชนิดพิเศษและกระจกกันกระสุนที่สามารถต้านทานการถูกปืนกลหนักยิง ที่ตัวถังมีการติดตั้งชุดเกราะกันระเบิดเพิ่มเติมเข้าไปสามารถรองรับผลกระทบจากแรงระเบิดได้อย่างสมบูรณ์
ราชินีของสำนักหลงเหมินนั้นกลัวตายอย่างมาก เพื่อป้องกันการลอบสังหารที่อาจจะยังมีอยู่ เธอไม่เสียดายเลยที่จะต้องใช้จ่ายเงินทองอย่างมากเพื่อสร้างเครื่องมือในการเดินทางเหล่านี้
ราชินีของสำนักหลงเหมินแต่งตัวหรูหรานั่งอยู่ในรถ ในมือยกแก้วไวน์แดงขึ้นเขย่าเบาๆ
ถึงแม้ว่าอายุของเธอจะไม่น้อยแล้ว แต่ว่าภายใต้การช่วยเหลือของเทคโนโลยีต่างๆ รวมไปถึงการดูแลอย่างพิถีพิถันทุกรูปแบบ ราชินีของสำนักหลงเหมินจึงดูเหมือนสาวสวยในวัยที่กำลังรุ่งโรจน์อายุสามสิบกว่าปีเท่านั้น
ผิวพรรณที่ขาวผุดผ่องเป็นประกาย สวมชุดที่สั่งทำตามรูปร่างอันสวยงามของราชินีโดยเฉพาะ ราวกับว่ากาลเวลาไม่ได้สร้างความเสียหายใดๆต่อรูปลักษณ์ของเธอเลย ตรงกันข้ามเสน่ห์แบบผู้ใหญ่ยิ่งทำให้คนน้ำลายไหลมากขึ้น
จางเต๋ออู่คุกเข่าพร้อมกับก้มหน้าลงในห้องโดยสารอันกว้างขวาง ในใจรู้สึกเกลียดชังหลี่โม่อย่างมาก
“แก แกจะลอบสังหารหลี่โม่ทำไม!”
ราชินีของสำนักหลงเหมินพูดด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง
“ไม่ใช่เพราะว่าผมต้องการที่จะปูทางให้คุณได้ก้าวขึ้นไปเหรอ หลี่โม่เข้ามาเกะกะขวางทาง ฆ่าเขาให้ตายก็จบเรื่องแล้ว”
จางเต๋ออู่พูดเสียงเบา
“แกอยากจะปูทางให้ฉันขึ้นเป็นผู้นำงั้นเหรอ? แกมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาปูทางให้ฉัน ฉันรู้จักตัวตนของแกดีไอ้จางเต๋ออู่!”
จางเต๋ออู่ก้มหน้าต่ำลงไปยิ่งขึ้น จนหัวแทบจะซุกเข้าไปในหน้าอกของตนเองอยู่แล้ว
ตอนอยู่บนเตียงเรียกว่าที่รักตอนนี้ตะโกนเรียกว่าไอ้จางเต๋ออู่! กูเหลืออดแล้วจริงๆ!
จางเต๋ออู่เดือดดาลอยู่ในใจ เป็นเวลานานแล้วที่ความยำเกรงของจางเต๋ออู่ที่มีต่อราชินีของสำนักหลงเหมินอ่อนแอลงเรื่อยๆ ภายในใจของเขาพองตัวอยู่เงียบๆ
“แกคิดว่าฉันฆ่าหลี่โม่ไม่ได้งั้นเหรอ? แค่ฉันขยับปาก ก็มีคนไปฆ่าหลี่โม่แล้ว!”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมคุณไม่ส่งคนไปล่ะ ในเมื่อไอ้หมอนั่นคือหนามที่แทงตาเรา แล้วลูกหลานของเราจะได้สืบทอดสำนักหลงเหมินในอนาคต!”
จางเต๋ออู่เงยหน้าขึ้นทันทีทันใดแล้วมองตรงไปที่ราชินี
“นั่นคือลูกฉัน ไม่ใช่ของแก เข้าใจไหม?”
รังสีแห่งการฆ่าได้ขึ้นมาในดวงตาของราชินี
จางเต๋ออู่ตัวสั่นเล็กน้อยราวกับได้กลิ่นลมหายใจแห่งความตาย “เข้า เข้าใจแล้ว”
“ในมือของหลี่โม่มีสิ่งที่สำคัญมาก ฉันไม่แน่ใจว่าตาเฒ่าอมตะหลอกฉันหรือเปล่า เพราะฉะนั้นฉันจึงอยากเจอหลี่โม่ เพื่อให้แน่ใจว่าของอยู่กับเขาหรือไม่ ถ้าหากว่าเขาทำลายของสิ่งนั้นไปแล้ว สำนักของหลงเหมินก็อาจจะพังทลายได้!”
จางเต๋ออู่ได้ฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย มีของอะไรที่สามารถทำให้สำนักหลงเหมินพังทลายได้?”
“ของอะไรถึงสำคัญขนาดนั้น? ทำไมผมถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน?”
“ฮึ! แกมันจะรู้อะไร สัญลักษณ์ของสำนักหลงเหมินคือกุญแจไขคลังมหาสมบัติของสำนักหลงเหมิน ผีร้ายตนนั้นบอกว่าอยู่ในมือของหลี่โม่! และไม่รู้ด้วยว่าของสิ่งนั้นตกอยู่ในมือของหลี่โม่ตั้งแต่เมื่อไหร่!”
ยิ่งราชินีของสำนักหลงเหมินพูดมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งเดือดดาล กุญแจลับนั่นเธอละโมบอยากได้มานานแล้ว แต่ไม่เคยเคยเห็นมาก่อนเลย ทุกวันนี้อยากให้คนไปชิงและขโมยมันมา แต่ไม่มีใครเหมาะสมกับเป้าหมายนี้เลย ว่ากันว่าหลี่โม่เองก็ไม่รู้ว่าของสำคัญนั่นคือกุญแจลับ
ราชินีนวดหน้าผากด้วยความรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย หลายวันมานี้คิดวิธีดีๆไม่ออกเลย ไม่รู้ว่าทำยังไงถึงจะสามารถเอากุญแจลับมาได้
“ทำไมฟังแล้วผมรู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อเลย ตาเฒ่าอมตะนั่นอาจจะพูดส่งเดชก็ได้”
จางเต๋ออู่เอ่ยเสียงกระซิบ
“อาจจะเป็นเรื่องมั่วก็ได้ใครจะรู้ล่ะ ตอนนี้เราเชื่อมั่นได้แค่ในสิ่งที่ทำเท่านั้น อย่ากลัวแม้ตอนนี้มันยังไม่เป็นจริง”
ราชินีของสำนักหลงเหมินพูดเสียงเบา
“เฮ้ เจอเขาแล้วคุณอาจจะมั่นใจก็ได้นะ?” จางเต๋ออู่ถาม
“ไม่จำเป็น แค่หวังว่าจะถามอะไรมาได้บ้าง แกบอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าแปด?”
เสียงของราชินีนั้นลังเลเล็กน้อย
“เจ้าแปดน่าจะไปเข้าพวกกับหลี่โม่แล้ว เขาเป็นคนทรยศ”