ตอนเที่ยง เขตก่อสร้างโรงงานใหม่
หวังจงเสวียนนำกำลังคนและเครื่องมืออุปกรณ์เข้ามาในพื้นที่จนเสียงดังตูมตามและเริ่มเตรียมการก่อสร้าง
เพื่อแสดงถึงความจริงจัง แม้แต่พิธีวางศิลาฤกษ์หวังจงเสวียนก็ได้จัดเตรียมเอาไว้เป็นการเฉพาะ
กู้เจี้ยนกั๋ว กู้เจี้ยนเจียง กู้หยุนหลันและหวังจงเสวียนต่างถือพลั่วเหล็กคนละอัน จนเมื่อมีคนหนึ่งขุดดินด้วยพลั่ว นั่นก็จะมีความหมายว่าสามารถเริ่มต้นการก่อสร้างได้แล้ว
“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว พวกเราเริ่มพิธีวางศิลาฤกษ์กันได้แล้ว”
กู้เจี้ยนกั๋วกล่าวอย่างหมดความอดทน
เรื่องทุกอย่างในวันนี้เป็นผลงานของกู้หยุนหลันทั้งหมด การต้องมาเข้าร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์เฮงซวยนี้ทำให้กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกขายหน้าอยู่ตลอดเวลา
หวังจงเสวียนเหลืองมองไปที่กู้เจี้ยนกั๋ว เมื่อไม่เห็นหลี่โม่โผล่มา หวังจงเสวียนพูดอย่างไม่พอใจว่า “พิธีใหญ่ขนาดนี้ หลี่โม่ต้องมาร่วมด้วยสิ”
“คุณ!”
กู้เจี้ยนกั๋วจ้องเขม็งไปที่หวังจงเสวียน แต่เห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างญาติพี่น้อง กู้เจี้ยนกั๋วจึงไม่ได้โกรธเคือง “หลี่โม่ไม่ใช่คนของบริษัท จะเข้าร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ทำไม เขาไม่มีทั้งสถานะแล้วก็ไม่มีคุณสมบัติด้วย”
หวังจงเสวียนมองไปที่กู้เจี้ยนกั๋วอย่างประหลาดใจและแอบคิดว่าทำไมกู้เจี้ยนกั๋วถึงได้มีท่าทางการแสดงออกเช่นนี้ หรือว่าเขายังไม่รู้ว่าหลี่โม่คือเศรษฐีลึกลับที่ชื่อคุณชายหลี่?”
“คุณมองอะไร หรือคุณคิดว่าฉันพูดผิด”
กู้เจี้ยนกั๋วกล่าวอย่างโกรธเคือง
“ผมแนะนำว่าทางที่ดีที่สุดคุณควรจะสุภาพกับหลี่โม่สักหน่อยนะ ช่างมันเถอะ ไม่พูดแล้ว ลูกพี่ลูกน้องหยุนหลัน คุณโทรหาหลี่โม่หน่อยเถอะ ถือว่าพวกเราฝ่ายก่อสร้างเชิญเขามาเป็นแขกรับเชิญในพิธีวางศิลาฤกษ์”
หวังจงเสวียนคิดว่าตระกูลกู้จะปฏิบัติต่อหลี่โม่อย่างไรนั้นเป็นเรื่องของพวกเขา ส่วนตนเองจะต้องกอดขาของหลี่โม่เอาไว้ ถ้ากอดต้นขาทองคำไว้ไม่อยู่จะต้องถูกสายฟ้าฟาดแน่นอน
กู้หยุนหลันพยักหน้าพร้อมกับหยิบมือถือออกมาแล้วเริ่มติดต่อหลี่โม่
สีหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วเปลี่ยนเป็นสีดำมืด เขาทิ้งพลั่วในมืออย่างรุนแรง “มีเขาไม่มีฉัน! ถ้าเธอเรียกหลี่โม่มา ฉันจะไปทันที!”
“ฉันก็ด้วย กู้หยุนหลัน หวังจงเสวียน พวกคุณเลือกให้หลี่โม่มาร่วมพิธีหรือเลือกพวกเรา!” กู้เจี้ยนเจียงพูดตามมา
กู้หยุนหลันมองดูคนทั้งสองอย่างปวดหัว ในขณะที่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี หลี่โม่เอามือไขว้หลังเดินเข้ามา
“พวกคุณมาทำพิธีวางศิลาฤกษ์ก็พอ ผมจะไม่เข้าร่วมงาน เรื่องที่ต้องลงมือทำก็ยุ่งยากพอแล้ว”
หลี่โม่พูดโดยไม่สนใจแม้แต่น้อย
ใบหน้าของหวังจงเสวียนเต็มไปด้วยรอยยิ้มแล้วโค้งคำนับให้หลี่โม่เล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “อย่างนี้ถึงจะเอาอยู่”
หลี่โม่เหลือบมองด้านข้างไปทางหวังจงเสวียน หวังจงเสวียนไม่กล้าพูดอะไรไปในทันที เขายิ้มแล้วหยิบพลั่วเหล็กขึ้นมาแล้วพูดเสียงดังว่า “เริ่มพิธีวางศิลาฤกษ์!”
เสียงประทัดดังขึ้น กู้เจี้ยนกั๋วรอคนโบกพลั่วเหล็กเป็นสัญญาณให้เกลี่ยดิน
จากนั้นคนงานและเครื่องต่างๆได้ทยอยลงมือทำงาน การก่อสร้างของไซต์งานได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
กู้เจี้ยนกั๋วโยนพลั่วเหล็กทิ้งแล้วพูดพร้อมกับใบหน้าที่มืดมน “พิธีจบแล้ว ฉันยังต้องไปกลับไปจัดการธุรกิจต่อ พี่สาม คุณอยู่ดูแลไซต์งานก่อสร้างกับหยุนหลัน”
กู้เจี้ยนกั๋วมองเห็นหลี่โม่ก็รู้สึกหงุดหงิดแล้ว จึงไม่อยากจะเห็นหน้าหลี่โม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวังจงเสวียนยังเอาใจหลี่โม่ขนาดนี้ ยิ่งทำให้กู้เจี้ยนกั๋วรู้สึกคลื่นไส้
เขากลับไปนั่งบนรถพร้อมกับหลับตาลง เมื่อความโกรธสงบลงแล้ว กู้เจี้ยนกั๋วเปิดโทรศัพท์ของเขาแล้วกดไปที่wechat และดูภาพคุณชายสามหลินเขาเพิ่งเพิ่มเข้าไป
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กู้เจี้ยนกั๋วก็ส่งภาพถ่ายแบบบเคลื่อนไหวได้ของกู้หยุนหลันไปให้
คุณชายสามหลินได้ส่งสัญลักษณ์แสดงอารมณ์หรืออิโมติคอนท่าทางหื่นกามมาหลายอันอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยการซักถามข้อมูลส่วนสูงน้ำหนักและสัดส่วนเป็นต้น
กู้เจี้ยนกั๋วลูบหน้าผากของเขาไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามเหล่านี้อย่างไรดี หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงได้ตัดสินใจสนทนาด้วยเสียงกับคุณชายสามหลิน
การสนทนาด้วยเสียงได้เริ่มต้นขึ้น แล้วคุณชายสามหลินก็เชื่อมต่อคำขอการสนทนาด้วยเสียงอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ สถานการณ์ของแกเป็นยังไงบ้าง ทำงานเป็นแมงดาด้วยงั้นเหรอ ฉันตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้แล้ว แกบอกราคามาเลย”
น้ำเสียงเกียจคร้านของคุณชายสามหลินลอยมาตามลม
แต่เขาไม่ได้มาที่เมืองฮ่านแค่การพูดคุยเจรจาเท่านั้น ตัวคุณชายสามหลินมาเพื่อเที่ยวผู้หญิงด้วย ไม่ต้องรอให้เขามาถึงเมืองฮ่าน แมงดาที่มีชื่อเสียงบางคนของเมืองฮ่านได้ติดต่อคุณชายสามหลินเรียบร้อยแล้ว
พวกเขาได้ส่งภาพถ่ายเซ็กซี่ของนักศึกษาหญิงระดับดาวโรงเรียนให้กับคุณชายสามหลินไปแล้วเป็นกองๆ ภาพถ่ายซ้ำซากแบบเดียวกันทำให้คุณชายสามหลินไม่สนใจแม้แต่น้อย
ในที่สุดขณะที่ได้เห็นภาพถ่ายที่กู้เจี้ยนกั๋วส่งมาให้ ดวงตาของคุณชายสามหลินสว่างวาบ และเกิดความต้องการขึ้นมาโดยสมบูรณ์
“เอ่อ ผมไม่ได้เป็นแมงดาอะไรขนาดนั้นนะ”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยความกระอักกระอ่วนใจ
“ไม่ใช่งั้นเหรอ?”
เสียงของคุณชายสามหลินดังมากยิ่งขึ้น เขาพูดอย่างไม่พอใจว่า “แม่งเอ๊ยแกกล้าหลอกฉัน เชื่อไหมว่าเมื่อไปถึงเมืองฮ่านแล้วฉันจะฆ่าแก!”
“คุณชายสามใจเย็นๆ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น นี่คือหลานสาวของผม ถ้าหากว่าคุณชอบ ผมจับคู่ให้ได้ ได้ยินว่าคุณจะไปร่วมงานเลี้ยงโรงกลั่นไวน์ ถึงตอนนั้นผมจะให้หลานสาวไปด้วย แต่ว่าหลานสาวของผมแต่งงานแล้ว น่ากลัวว่าเธอจะไปกับสามีของเธอ”
“แต่งงานแล้วก็ดีน่ะสิ ฉันชอบเป็นชู้กับเมียคนอื่นมากที่สุด แกไม่พอใจหลานสาวคนนี้สินะแล้วก็ยังไม่พอใจหลานเขยด้วย เพราะว่าหลานสาวของแกสวยขนาดนี้ แกอยากจะให้ฉันทำอะไรก็ได้ ฉันจะทำให้แกสมหวังทุกอย่าง”
คุณชายสามหลินอารมณ์ดีอย่างมาก น้ำเสียงที่พูดมีความสุขไม่น้อย
“ผมหวังเพียงแค่คุณจะสามารถจัดการหลานเขยของผมได้ ไอ้หมอนั่นมันเย่อหยิ่งมาก ต่อต้านผมไปทั่วทุกที่”
“เฮอะๆ พูดได้ดีๆ ฉันจะทรมานหลานเขยของแกอย่างหนักแน่นอน แกวางใจได้เลย พอถึงวันงานฉันจะรออยู่ที่งานเลี้ยง ถ้าหากเธอไม่ปรากฏตัวล่ะก็ ฉันจะฆ่าพวกแกทั้งครอบครัว”
ในใจของกู้เจี้ยนกั๋วตื่นตระหนกและรู้สึกได้ว่าตนเองหุนหันพลันแล่นมาคุยกับคนชั่วร้ายจนตัวเองยากที่รักษาผลประโยชน์เอาไว้ได้ แต่เมื่อเดินมาถึงจุดนี้แล้ว ถึงจะตื่นกลัวแต่ก็ต้องดำเนินการต่อไป
“คุณชายสามวางใจได้ ผมจะจัดการเรื่องนี้อย่างดี ไม่ให้มีข้อผิดพลาดแน่นอน คุณแค่รอสนุกกับมันก็พอ”
“ดี งั้นตกลงตามนี้”
สิ้นสุดการสนทนาด้วยเสียงแล้ว มีเหงื่อเย็นเยียบปะทุออกมาบนหน้าผากของกู้เจี้ยนกั๋ว เขาหลับตาลงแล้วคิดถึงการโผล่มาอย่างฉับพลันของหลี่โม่เมื่อเร็วๆนี้ ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ กู้เจี้ยนกั๋วก็กระสับกระส่ายมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เขามักจะรู้สึกการเปลี่ยนแปลงของหลี่โม่นั้นยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว มันมากจนแทบจะจำเขาไม่ได้เลย
“ไอ้ขยะนั่น มันทำวิธีไหนกันแน่ ถึงเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งอย่างทุกวันนี้ ต่อสู้ได้โดยไม่ต้องพูดก็ทำให้หัวหน้าถงก้มหัวให้ แล้วยังมีฉู่จงเทียนกับคนอื่นๆก่อนหน้านี้อีก หรือว่าเฉียนฝูจะเป็นแบคอัพของเขาจริงๆ?”
“แต่ทั้งหมดนี้มันไม่สำคัญแล้วคุณชายสามหลินน่าจะสั่งสอนวิธีการปฏิบัติตนให้กับเขาได้ ถึงเวลานั้นไม่ต้องพูดถึงเฉียนฝูหรอก ต่อให้เป็นพระเจ้าก็บังเขาเอาไว้ไม่มิด!”
บ่นพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง กู้เจี้ยนกั๋วก็สตาร์ทรถแล้วขับรถออกไปโดยเหยียบคันเร่งอย่างแรง
ในสถานที่ก่อสร้าง หลี่โม่เดินไปรอบๆเป็นเพื่อนกู้หยุนหลัน เมื่อเห็นหวังจงเสวียนจัดเตรียมทุกอย่างได้เหมาะสม กู้หยุนหลันก็เบาใจอย่างมาก
สายตาของกู้เจี้ยนกั๋วเป็นประกายสั่นไหว เขานึกสงสัยว่าต้องพูดอย่างไรถึงจะสามารถทำให้หลี่โม่และกู้หยุนหลันไปร่วมงานเลี้ยงโรงกลั่นไวน์ได้ เดาได้เลยว่าถ้าเขาพูดเองคงจะไม่ดี จะต้องหาใครสักคนที่สามารถพูดให้กู้หยุนหลันวางใจได้ งั้นจะต้องเป็นเพื่อนสนิทของกู้หยุนหลันถึงจะใช้ได้
คนที่เหมาะสมได้ปรากฏขึ้นในหัวของกู้เจี้ยนกั๋ว หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง กู้เจี้ยนกั๋วหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วต่อสาย