กู้หยุนหลันหมดคำจะพูดกับหวังฟาง เธอรู้ว่าหวังฟางเกลียดหลี่โม่เข้ากระดูก จะเกลี้ยกล่อมยังไงก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงยอมแพ้อย่างจนปัญญา
“ไม่คุยกับแม่แล้ว หนูกับเสี่ยวถงไปที่ห้องดีกว่า”
“รีบไปที่ห้องทำไม ฉันว่าเสี่ยวถงกับจงเสวียนน่าจะทำความรู้จักกัน”
หวังฟางพูดอย่างไม่ยอมแพ้
“พี่จงเสวียนไม่เหมาะกับเสี่ยวถงเลย แม่อย่าคิดอะไรไร้สาระ”
“มีอะไรไม่เหมาะสม ขนาดไอ้สวะหลี่โม่ยังแต่งงานกับแกได้เลย จงเสวียนหน้าตาดูมีราศี การงานมั่นคง ต้องเป็นสามีที่ดีของเสี่ยวถงได้แน่ นี่เสี่ยวถง พรุ่งนี้น้านัดให้ดีไหม”
เฉินเสี่ยวถงพูดอย่างกระอักกระอ่วน “คุณน้าคะ ตอนนี้หนูไม่อยากคิดเรื่องแต่งงาน ไม่ต้องรีบค่ะ ค่อยว่ากันตอนที่ฉันเตรียมแต่งงานแล้วกัน”
“งั้นจะรอได้ยังไง โชคชะตาไม่รอคนนะ ถ้าจะอยู่ที่บ้านน้าก็ต้องไปเจอจงเสวียน ไม่งั้นน้าจะไม่พอใจนะ”
หวังฟางพูดหน้าตาย
เฉินเสี่ยวถงอยากจะร้องไห้ออกมา เธอมองกู้หยุนหลันอย่างน่าสงสาร
กู้หยุนหลันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้หนูจะนัดให้เอง ให้พวกเขาเจอหน้ากัน แบบนี้โอเคแล้วใช่ไหม”
หวังฟางพยักหน้าอย่างดีใจ “โอเค เดี๋ยวฉันจะบอกจงเสวียนเอง พรุ่งนี้พวกเธอไปเจอกันนะ”
เมื่อเห็นหวังฟางหยิบมือถือโทรหาจงเสวียน กู้หยุนหลันจึงพาเฉินเสี่ยวถงไปที่ห้องอย่างรวดเร็ว
หลี่โม่ยกน้ำล้างเท้าเข้ามาในห้อง เขาวางกะละมังไว้บนพื้นข้างหน้ากู้หยุนหลัน
“คุณภรรยาจะให้ผมล้างเท้าให้ไหม”
หลี่โม่ยิ้มตาหยีแล้วเอ่ยขึ้น สายตาของเขามองเท้าอันงดงามของกู้หยุนหลันไม่หยุด
กู้หยุนหลันหน้าแดงระเรื่อ เธอผลักหลี่โม่อย่างเขินอาย “ออกไปๆ อย่ามาทำอะไรพิลึก รีบเอาผ้าห่มของนายออกไปเลย”
เฉินเสี่ยวถงมองทั้งสองคนหยอกกันไปมา จากนั้นสายตาของเธอไปหยุดลงที่เท้าของกู้หยุนหลัน เธอคิดว่าหลี่โม่เป็นกลุ่มคนที่ชื่นชอบเท้าหรือเปล่า
เท้าของเธอก็ไม่ได้ด้อยนะ ทั้งขาวนุ่มและดูดี หาโอกาสยั่วหลี่โม่สักหน่อยดีไหมนะ
กู้หยุนหลันเหลือบมองเฉินเสี่ยวถง เมื่อเห็นว่าเธอกำลังเหม่อและสีหน้าเขินอาย กู้หยุนหลันจึงดันหลี่โม่ออกจากห้องทันที จากนั้นจึงเอาผ้าห่มและหมอนยัดใส่มือเขา
แกรก
ประตูห้องของกู้หยุนหลันถูกล็อกเรียบร้อย หลี่โม่มองประตูและถอนหายใจออกมาเบาๆ เขากอดผ้าห่มและเดินไปนอนที่โซฟาอย่างเหนื่อยใจ
หลังจากที่จางเต๋ออู่ได้ฟังลูกน้องรายงาน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหงุดหงิด
สาวงามที่เขาเฝ้าฟูมฟักมาหลายปีและกำลังจะใช้งานกลับตกไปอยู่ในมือของหลี่โม่ ทำให้จางเต๋ออู่โมโหมาก
ถ้าฆ่าหลี่โม่ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว ราชินีของสำนักหลงเหมินคงไม่เจอเฉินเสี่ยวถง
จางเต๋ออู่ฝืนยิ้มแล้วส่ายหน้าไปมา เขาสลัดความคิดในหัวออกไป จะคิดอะไรตอนนี้มันก็สายไปแล้ว ราชินีของสำนักหลงเหมินควบคุมเขามากขึ้น จางเต๋ออู่จึงไม่กล้าคิดทำอะไรนอกเหนือจากนี้
จะพูดว่าไม่คิดก็ไม่ได้ จางเต๋ออู่กำลังสะกดกลั้นความคิดนั้นเอาไว้ในใจ
ต้องจัดการหลี่โม่ก่อน ช่วยเหลือราชินีของสำนักหลงเหมินควบคุมสำนักหลงเหมิน หลังจากนั้นค่อยหาโอกาสหลอกล่อราชินีของสำนักหลงเหมิน สุดท้ายเธอก็จะเป็นของจางเต๋ออู่คนนี้! เมื่อถึงตอนนั้นเขาพูดอะไรก็ต้องทำอย่างนั้น ไม่ใช่ทาสเหมือนตอนนี้!
ความร้ายกาจฉายออกมาทางแววตาของเขา จางเต๋ออู่ก้มหน้าและหลับตาลงเพื่อซ่อนความโหดร้ายในใจของเขา
เมื่อเดินเข้ามาในห้อง จางเต๋ออู่ยิ้มออกมา “ราชินีของสำนักหลงเหมิน เฉินเสี่ยวถงเข้าไปอยู่ข้างกายหลี่โม่ได้แล้วครับ วันนี้หลี่โม่พาเธอกลับไปที่บ้าน คาดว่าคืนนี้จะได้รับข่าวดี แต่เกิดเรื่องขึ้นกับลุงฝู เขาโดนลูกน้องของคุณชายสามหลินทำร้ายจนบาดเจ็บ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาลครับ”
“ลุงฝูจะอยู่หรือตายไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญคือเฉินเสี่ยวถงต้องหากุญแจลับให้เจอ ถ้าเธอให้ไม่เจอ ก็จัดการคนในบ้านของเธอให้ราบคาบ”
จางเต๋ออู่ก้มหน้าและฝืนยิ้ม “แต่ไม่มีข่าวเกี่ยวกับกุญแจลับเลยครับ ไม่รู้ว่ากุญแจลับคืออะไรกันแน่……”
“อะไร นี่นายกำลังพูดแทนเฉินเสี่ยวถงเหรอ สงสารนังผู้หญิงคนนั้นหรือไง”
ราชินีของสำนักหลงเหมินพูดอย่างเย็นชา
“บ่าวไม่กล้าครับ ผมแค่กลัวว่าเธอจะมีอุปสรรค เข้าไปแทรกระหว่างหลี่โม่ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ”
“เรื่องนี้นายไม่ต้องพูด มานวดเท้าให้ฉัน”
แววตาของราชินีของสำนักหลงเหมินเย็นชา
“ครับ”
จางเต๋ออู่นั่งลงข้างเตียง เขายกเท้าของราชินีของสำนักหลงเหมินขึ้นมานวดอย่างตั้งใจ เธอหลับตาอย่างสบายใจ เธอพูดขึ้นว่า “มีข่าวเรื่องแข่งมวยดำบ้างไหม”
“มีครับ ฉู่จงเทียนกำลังจัดการเรื่องสนามแข่ง ตอนนี้ใกล้จะเสร็จแล้วครับ สนามแข่งอยู่ที่สนามมวยครับ นักแข่งที่เข้าร่วมการแข่งมวยดำมาถึงแล้ว การแข่งไวด์การ์ดจะเริ่มขึ้นวันมะรืนครับ หลี่โม่แข่งเป็นคู่สุดท้ายของวันมะรืน คู่แข่งของเขาน่ากลัวมาก”
“น่ากลัวแค่ไหน ลองพูดมาสิ”
ราชินีของสำนักหลงเหมินถามขึ้นอย่างสนใจ
“พวกแข่งมวยดำอยากจะฆ่าหลี่โม่ให้ตาย คู่แข่งที่จัดมาให้หลี่โม่ คือชายผู้ถูกฆ่าจากป่าดำแห่งแอฟริกาตะวันตก เรียกได้ว่าเขารอดมาจากบรรดาผู้ที่ถูกฆ่า”
“ทุกปีผู้ชายที่เก่งและแข็งแกร่งที่สุดจากเผ่าต่างๆ จะเข้าไปในป่าดำอะไรนั่น แต่สุดท้ายก็เหลือรอดออกมาไม่ถึงสิบคน ขอแค่มีชีวิตรอดออกมา ก็จะได้ถูกเลือกเป็นหัวหน้าเผ่า”
“ได้ข่าวว่าปีนี้มีคนรอดออกมาจากป่าดำแค่คนเดียว คือคนที่จะสู้กับหลี่โม่นี่แหละครับ ผมได้ยินมาว่าเขาเป็นปีศาจที่ฆ่าคนอย่างบ้าคลั่ง ว่ากันว่าพวกคนที่เข้าไปในป่าดำ ถึงจะรอดออกมาแต่ก็โดนเขาฆ่าหมด เพราะฉะนั้นจึงเหลือเขารอดออกมาเพียงคนเดียวครับ”
จางเต๋ออู่พูดอธิบายฉอดๆ สิ่งที่เขาพูดออกมาน่าตกใจมาก แค่ฟังก็พอจินตนาการถึงความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้หลี่โม่ได้แล้ว
“ได้ยินว่าคนพวกนั้นมีความสามารถแข็งแกร่ง ฉันล่ะอยากรู้มาก”
ราชินีของสำนักหลงเหมินยิ้มแล้วพูดออกมา แววตาของเธอเป็นประกาย
สีหน้าของจางเต๋ออู่แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา เขาตบอกแล้วพูดว่า “พวกมันแค่พูดโอ้อวด เก่งขนาดนั้นซะที่ไหนกัน!”
“เหอะๆ ไม่เหมือนกันหรอก หาห้องที่มุมดีๆ ฉันจะไปดู ถ้าเขาสามารถจัดการหลี่โม่ได้ ฉันไม่ถือสาที่จะลองชิมรสชาติของเขา”
คำพูดของราชินีของสำนักหลงเหมินเต็มไปด้วยเลศนัย จางเต๋ออู่ขมวดคิ้ว เขารู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาในใจ
จางเต๋ออู่เดาว่าราชินีของสำนักหลงเหมินกำลังพูดกระแทกเขา และหาคนมาแข่งกับเขา เมื่อถึงตอนนั้นเธอก็จะยืนตรงกลางและควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ในมือ
“ราชินีของสำนักหลงเหมิน คนพวกนั้นสกปรก ที่นั่นมีเชื้อโรคมากมาย คุณต้องระวังนะครับ”
“เหอะๆ นายไม่ต้องพูดเรื่องพวกนี้หรอก ฉันจะให้เขาตรวจอย่างละเอียด นายคงไม่ได้ผิดหวังหรอกใช่ไหม ขอแค่นายเชื่อฟัง ฉันก็ยังให้ความรักกับนาย”
“คุณวางใจเถอะ ผมเชื่อฟังคุณอยู่แล้ว”