ภายในห้องทำงานของกู้เจี้ยนกั๋ว กู้ชิงหลินนั่งอยู่ตรงข้ามกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงอย่างไร้อารมณ์ เธอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงที่โรงเหล้าเมื่อคืนให้ทั้งสองฟัง
หลังจากที่ฟังกู้ชิงหลินเล่าจบ สีหน้าของกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงไม่สู้ดีราวกับคนใกล้ชิดเสียชีวิตอย่างไรอย่างนั้น
“ทำไมหลี่โม่ถึงเก่งขนาดนั้น คนที่ติดตามคุณชายสามหลินมีแต่พวกโหดเหี้ยม ทำไมหลี่โม่ถึงจัดการได้อย่างง่ายดาย”
กู้เจี้ยนกั๋วคิดยังไงก็คิดไม่ออก เขาเอาแต่คิด แต่ยังไงก็หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้
“ชิงหลิน เธอคิดว่าเรื่องนี้เป็นยังไง”
กู้เจี้ยนเจียงเอ่ยถาม
กู้ชิงหลินหลุบตาลงแล้วพูดว่า “ฉิงจี้เย่คุณชายใหญ่ของตระกูลฉิง เรียกตัวเองว่าสุนัขรับใช้ของหลี่โม่ ฉันว่าคำพูดของฉิงจี้เย่บอกอะไรได้หลายอย่าง หลี่โม่ไม่ได้เป็นสวะ เขาแค่แสร้งทำมันออกมาเท่านั้น”
คำพูดของกู้ชิงหลินเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางหัวกู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียง
เมื่อคิดถึงคำพูดของกู้ชิงหลิน กู้เจี้ยนกั๋วกับกู้เจี้ยนเจียงไม่อยากเชื่อความจริงที่ว่าหลี่โม่ไม่ใช่คนธรรมดา
“เป็นไปได้ยังไง มันก็แค่สวะที่คนรู้กันไปทั่ว! มันจะแสร้งทำได้ยังไง มันต้องมีสาเหตุอื่นแน่นอน ไม่แน่คุณชายสามหลินกับหลี่โม่อาจจะแสดงละครตบตาก็ได้”
“คุณลุงอย่าหลอกตัวเองและคนอื่นเลย เรื่องของผู้นำตระกูลซูแห่งเมืองเอกก่อนหน้านี้ เรื่องของคนเมืองจินไห่มาสำนึกผิดกับหลี่โม่ คุณลุงว่ายังไงคะ บวกกับเรื่องที่โรงเหล้าเมื่อคืน มันบอกอะไรได้หลายอย่างแล้วนะคะ”
กู้ชิงหลินพูดเรื่องก่อนหน้านี้ขึ้นมา กู้เจี้ยนกั๋วหลับตาครุ่นคิด ยิ่งคิดก็ยิ่งตกใจ
ถึงจะมีเรื่องเมื่อก่อน ในใจของกู้เจี้ยนกั๋วก็ยังไม่ยอมรับว่าหลี่โม่เป็นผู้แข็งแกร่ง
“หรือว่ามันจะใช้อำนาจของผู้อื่นมาข่มเหง เรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องที่มันสร้างขึ้นมา ฉันไปถามกู้เจี้ยนหมินมาแล้ว พวกเขาบอกว่าเฉียนฝูคอยช่วยหลี่โม่อยู่”
กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยเสียงแหบพร่า
“เหอะๆ ถึงเฉียนฝูจะช่วยหลี่โม่ แต่การที่เฉียนฝูช่วยหลี่โม่ ก็เป็นการบอกอะไรหลายอย่างแล้ว”
กู้ชิงหลินยืนขึ้น เธอพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “คุณลุง ฉันรู้ว่าคุณลุงคาใจเรื่องที่ลูกชายโดนหลี่โม่ทำร้ายจนบาดเจ็บ แต่คุณลุงช่วยมองปัญหาอย่างมีสติด้วย”
กู้ชิงหลินหันหลังจะเดินออกไป กู้เจี้ยนเจียงรั้งเธอเอาไว้ “อย่าเพิ่งไป ความเห็นของเธอใช่ว่าจะไม่ถูกต้อง ยังไงก็ต้องจัดการหลี่โม่ เธออย่าบอกนะว่าจะไม่ทำอะไรหลี่โม่แล้ว”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ความคิดเกิดขึ้นในใจของกู้ชิงหลิน เธอกลอกตาไปมาแล้วพูดว่า “ฉันว่าพ่อกับคุณลุงพุ่งเป้าไปที่หลี่โม่ต่อเถอะ ส่วนฉันจะเอนเอียงไปทางหลี่โม่ จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา แบบนี้จะได้เป็นการรู้เขารู้เรา ต่อไปเราจะได้จัดการหลี่โม่ได้ทุกทาง!”
กู้ชิงหลินคิดว่าการที่จะเข้าใกล้หลี่โม่ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีคนนอกคอยช่วยเหลือ ถึงจะเข้าไปในใจของหลี่โม่ได้ พอดีกับการที่ให้คนในบ้านพุ่งเป้าไปที่หลี่โม่ ส่วนเธอจะเอนเอียงไปทางเขา ไม่แน่หลี่โม่อาจจะยอมรับเธอก็ได้
กู้เจี้ยนกั๋วจุดบุหรี่สูบ เขาหรี่ตามองกลุ่มควันแล้วพูดว่า “เป็นความคิดที่ดี พวกเราจะพยายามช่วยเธอให้เข้าใกล้หลี่โม่”
“คุณลุงฉลาดปราดเปรื่อง ฉันจะทำให้เต็มที่ ถ้ารู้ว่าทำไมหลี่โม่ถึงเก่งขึ้นเร็วขนาดนี้ ไม่แน่เราอาจจะสามารถจัดการเขาได้ง่ายขึ้น”
กู้ชิงหลินพูดอย่างตื่นเต้น
“อืม งั้นเอาอย่างนี้แล้วกัน ต่อไปพวกเราจะเล่นบทโหด ส่วนเธอเล่นบทแม่พระ”
กู้เจี้ยนกั๋วตัดสินใจทำเช่นนี้ ทั้งสามคนสุมหัวปรึกษากัน
หลี่โม่ กู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถงขึ้นรถ หลี่โม่ได้รับรายงานจากลูกน้องของฉิงจี้เย่ตั้งแต่เช้าตรู่ว่าฉิงจี้เย่ฟื้นแล้ว
เมื่อวานหลี่โม่พอใจกับการแสดงออกของฉิงจี้เย่มาก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจไปหาฉิงจี้เย่ที่โรงพยาบาล นอกจากนั้นยังให้เฉินเสี่ยวถงไปหาลุงฝูด้วย
เฉินเสี่ยวถงอกสั่นขวัญแขวน เธอกังวลว่าลุงฝูจะฟื้นขึ้นมา ถ้าลุงฝูฟื้นขึ้นมา ก็เท่ากับว่าราชินีของสำนักหลงเหมินจะรู้เรื่องของเฉินเสี่ยวถงได้เร็วขึ้น
กู้หยุนหลันเห็นสีหน้าของเฉินเสี่ยวถงไม่สู้ดี เธอเข้าใจว่าเฉินเสี่ยวถงเป็นกังวลที่ลุงฝูยังไม่ฟื้น เธอพูดปลอบว่า “เธอไม่ต้องกังวลนะ สมัยนี้การแพทย์พัฒนาไปไกลแล้ว ลุงฝูต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”
“ค่ะ ขอบคุณนะพี่หยุนหลัน ฉันก็คิดว่าลุงฝูจะไม่เป็นอะไร”
เฉินเสี่ยวถงคิดในใจว่าถ้าลุงฝูปัญญาอ่อนไปเลยก็ดี ถ้าสมองเสื่อมก็ไม่เลวเหมือนกัน
หลี่โม่เล่นมือถือ เขาไม่คิดจะปลอบเฉินเสี่ยวถง กลับกันเขากำลังคิดเรื่องแข่งมวยดำที่กำลังจะเริ่มขึ้น ช่วงนี้เหมือนไม่ได้ข่าวความเคลื่อนไหวอะไรเลย ไม่รู้ฉู่จงเทียนจัดการไปถึงไหนแล้ว
เดิมทีเขาจะโทรถามฉู่จงเทียน แต่หลี่โม่คิดได้ว่ากู้หยุนหลันอยู่ด้วย ไม่เหมาะที่จะพูดเรื่องแข่งมวยดำ ดังนั้นเขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะโทรหาฉู่จงเทียน อีกเดี๋ยวค่อยไปหาเขาดีกว่า
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ทั้งสามคนจอดรถและเข้าไปในโรงพยาบาล หลี่โม่พากู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงมาที่ห้องผู้ป่วยจากข้อความที่ส่งมาในมือถือ
เมื่อบอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่หน้าประตูเห็นหลี่โม่ ต่างพากันลุกขึ้นทำความเคารพหลี่โม่
“สวัสดีครับคุณหลี่ เฮียฉินฟื้นมาเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว แต่ลุงฝูยังไม่ฟื้นครับ”
“อืม เราเข้าไปดูกันเถอะ พวกนายก็ตามสบาย”
หลี่โม่ผลักประตูพากู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงเข้ามาในห้องผู้ป่วย
อาการบาดเจ็บของฉิงจี้เย่ไม่ได้สาหัส อย่างมากก็อาการบาดเจ็บภายนอก ซี่โครงหักไปไม่กี่ซี่
ฉิงจี้เย่นั่งเล่นมือถืออย่างเบื่อหน่าย เมื่อได้ยินเสียงประตู เขาจึงหันไปมอง
เมื่อเห็นหลี่โม่เดินเข้ามา ฉิงจี้เย่กำลังจะลุกขึ้นนั่งด้วยความตื่นเต้น เมื่อเขาขยับเอวก็รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว เขาส่งเสียงอู้อี้ออกมาและล้มตัวลงไปบนเตียง
“โอ๊ยยย”
ฉิงจี้เย่ส่งเสียงร้องออกมา “คุณหลี่ ผมบาดเจ็บเลยลุกขึ้นมาต้อนรับคุณไม่ได้”
“นายนอนไปเถอะ รักษาตัวให้ดี ถึงนายตายไปชื่อเสียงของนายก็ยังคงอยู่”
หลี่โม่หัวเราะแล้วพูดออกมา
กู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงมองฉิงจี้เย่ ทั้งสองพยักหน้าให้เขาเป็นการทักทาย
ฉิงจี้เย่ กู้หยุนหลันและเฉินเสี่ยวถงสนิทกันเหมือนพี่น้อง จู่ๆ ในหัวของเขาก็มีภาพของทั้งสองคนกำลังปรนนิบัติหลี่โม่
เขาถอนหายใจออกมาอย่างหดหู่ ฉิงจี้เย่สลัดความคิดที่มีต่อเฉินเสี่ยวถงทิ้งไป
“ขอบคุณที่พวกคุณมาเยี่ยมผม เมื่อวานผมมีความสามารถไม่มากพอ เลยทำให้ทุกคนตลก”
ฉิงจี้เย่ยิ้มแห้งและพูดออกมา
“นายทำได้ไม่เลว พยายามต่อไป นายจะไม่ผิดหวังแน่นอน”
หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แววตาของฉิงจี้เย่เป็นประกายแวววาว ในใจของเขาเต็มไปด้วยปณิธานอันแรงกล้า
ต่อสู้ไปกับหลี่โม่คือเรื่องที่สำคัญที่สุด ต่อไปถ้าเขาประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง สาวคนไหนก็ต้องชอบเขา!