หลี่โม่พูดเอาใจฉิงจี้เย่สองสามประโยค ในใจของฉิงจี้เย่เต็มไปด้วยปณิธานอันแรงกล้า เขาตัดสินใจสร้างผลงานที่ดีกับหลี่โม่ อย่างน้อยก็สามารถทำให้ตระกูลฉิงเป็นตระกูลแถวหน้าในประเทศ
เฉินเสี่ยวถงมองลุงฝู กู้หยุนหลันพูดปลอบใจเธอและส่งสายตาให้หลี่โม่รู้ว่ากลับกันได้แล้ว
หลี่โม่ตบบ่าฉิงจี้เย่ จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า “รักษาตัวให้ดี พวกเรากลับก่อน”
“เดินทางปลอดภัยครับ ถ้ามีอะไรให้ทำ คุณโทรหาผมได้เลย สองวันนี้ถึงผมจะขยับไม่ได้ แต่คนในตระกูลฉิงสามารถช่วยคุณได้ทุกเมื่อ”
หลี่โม่หัวเราะแล้วโบกมือไปมา จากนั้นจึงพากู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงออกมา
เมื่อออกมาจากโรงพยาบาล กู้หยุนหลันหยิบมือถือขึ้นมาแกว่งไปมาตรงหน้าหลี่โม่ “แม่ฉันส่งข้อความมาบอกว่าจงเสวียนใกล้ถึงแล้ว ให้เราจับคู่จงเสวียนกับเฉินเสี่ยวถง”
เฉินเสี่ยวถงยู่ปาก เธอจับแขนกู้หยุนหลันแล้วเขย่าไปมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ
“งั้นก็ไปเจอกันหน่อยเถอะ ไม่แน่จงเสวียนกับเฉินเสี่ยวถงอาจจะเป็นรักแรกพบก็ได้”
หลี่โม่พูดติดตลก
“ฉันไม่มีทางมีรักแรกพบกับผู้ชาย”
เฉินเสี่ยวถงชูคอเหมือนหงส์ขาวผู้หยิ่งผยอง
หลี่โม่ยักไหล่ เขายกมือขึ้นมาบังแดดที่หน้าและมองไปยังลานจอดรถ เห็นจงเสวียนกำลังวิ่งเข้ามา
หวังจงเสวียนวิ่งเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม เขาถึงกับอึ้งไปเมื่อเห็นเฉินเสี่ยวถง จากนั้นจึงพยายามละสายตาของตัวเองออกมา
สาวน้อยคนนี้สวยมาก เหมือนเอลฟ์อย่างไรอย่างนั้น แต่ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นผู้หญิงของหลี่โม่ เขาจึงคิดอะไรมากไม่ได้
คุณน้าไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เธอเป็นกิ๊กของหลี่โม่ ยังจะแนะนำให้เขารู้จักอีก น้าจะขุดหลุมฝังเขาหรือไง!
หลังจากที่หวังจงเสวียนละสายตาออกมา เขาจึงพูดกับหลี่โม่อย่างนอบน้อม “พี่เขย ผมโดนคุณน้าบังคับอย่างไม่มีทางเลือก จริงๆ ผมมีผู้หญิงที่ชอบแล้ว เรื่องวันนี้ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมเลี้ยงข้าวพวกคุณเป็นการไถ่โทษแล้วกัน”
เฉินเสี่ยวถงถึงกับโล่งอก เธอรู้สึกว่าหวังจงเสวียนรู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควรทำ เธอจึงไม่ต้องกังวลว่าจะโดนตื๊อ
หลี่โม่ลูบคางแล้วพูดว่า “แม่ยายอยากจับคู่พวกนาย ยังไงก็ต้องแสดงกันหน่อย ให้กู้หยุนหลันถ่ายรูปไว้เพื่อเป็นหลักฐานว่าพาทั้งสองคนมาเจอกันแล้ว ฉันว่าหาร้านกาแฟนั่งคุยกันดีกว่า ฉันมีธุระที่ต้องทำนิดหน่อย เดี๋ยวฉันจัดการธุระเสร็จ ค่อยไปหาอะไรทานกัน”
หวังจงเสวียนเกาหัว เขาไม่เข้าใจว่าหลี่โม่ต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ แต่เขาก็ไม่คิดที่จะทำความเข้าใจ หลี่โม่พูดอะไรก็ทำตามนั้น แค่ต้องควบคุมจิตใจไม่ให้หวั่นไหวกับเฉินเสี่ยวถงก็พอแล้ว
“ก็ได้ครับ ฝั่งตรงข้ามมีร้านกาแฟ เราจะไปนั่งที่ร้านนั้น คุณไปทำธุระเถอะครับ”
หวังจงเสวียนพูดอย่างสบายใจ
กู้หยุนหลันส่งกุญแจรถให้หลี่โม่ แล้วพูดกำชับว่า “ระวังตัวด้วย”
“วางใจเถอะ ความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว รอผมนะ”
หลี่โม่รับกุญแจมา จากนั้นจึงเดินไปที่ลานจอดรถ
หวังจงเสวียน เฉินเสี่ยวถงและกู้หยุนหลันเดินไปยังร้านกาแฟที่อยู่ตรงข้ามโรงพยาบาล
เฉินเสี่ยวถงมองแผ่นหลังของหลี่โม่ เธอจับแขนกู้หยุนหลันแล้วถามว่า “พี่หยุนหลันไม่เขาเหรอว่าไปไหน ถ้าเขาไปทำเรื่องไม่ดีขึ้นมาล่ะ”
“หลี่โม่ไม่ทำเรื่องไม่ดีและไม่มีคนอื่นด้วย เขามีธุระที่ต้องทำแน่นอน”
กู้หยุนหลันพูดอย่างแน่วแน่
“พี่ไว้ใจเขาจัง”
เฉินเสี่ยวถงพูดเศร้าๆ
“เหอะๆ ไม่ใช่ไว้ใจหรอก แต่เราต่างเชื่อใจซึ่งกันและกันต่างหาก”
เฉินเสี่ยวถงก้มหน้าไม่พูดอะไร เธอคิดในใจว่าที่เชื่อใจเพราะยังขาดเครื่องต่อรองในการทรยศต่างหาก ถ้ามีเครื่องต่อรองที่ดีพอ หลี่โม่จะต้องทรยศอย่างแน่นอน
ถ้าใช้การช่วยตลบหลังราชินีของสำนักหลงเหมินเป็นเครื่องต่อรอง ไม่รู้ว่าหลี่โม่จะทรยศกู้หยุนหลันหรือเปล่า
เฉินเสี่ยวถงคิดเงียบๆ เธอไม่ได้สังเกตว่ากู้หยุนหลันกำลังมองเธออยู่
หลี่โม่ขับรถออกจากลานจอดรถ เขาขับรถพลางโทรหาฉู่จงเทียน
ไม่นานน้ำเสียงที่ดูเป็นกังวลเล็กน้อยของฉู่จงเทียนก็ดังขึ้น “คุณหลี่”
“ทำไมเสียงของนายดูเป็นกังวล สองวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ การแข่งมวยดำจัดการไปถึงไหนแล้ว” หลี่โม่เอ่ยถาม
ฉู่จงเทียนมองซ้ายมองขวา จากนั้นจึงเข้าไปหลบในห้องน้ำ
“คุณหลี่ พวกนักแข่งมากันเยอะแล้วครับ สองวันนี้ผมติดตามพวกเขา แต่มีคนจับตามองผม ผมเลยไม่กล้าโทรหาคุณ พวกนักชกมันบ้าคลั่งจริงๆ ครับ!”
หลี่โม่ขมวดคิ้ว เขาถามอย่างสงสัยว่า “นายโดนจำกัดอิสระเหรอ”
“เปล่าครับ แต่ก็เกือบจะเป็นแบบนั้น เอาเป็นว่ามันอธิบายยากครับ ผมว่าทางที่ดีคุณอย่ามาร่วมการแข่งมวยดำเลยครับ สองวันนี้มีนักชกหลายคนโดนชกจนตายจากการฝึกฝน มันน่ากลัวมากครับ!”
“ตัวผมเองไม่ใช่คนที่ไม่เคยเจออะไรพวกนี้ ตอนที่ผมออกมาจากบ้าน ผมเคยเห็นพวกที่โหดเหี้ยม แต่ผมไม่เคยเห็นพวกที่โหดเหี้ยมขนาดนี้เลยครับ พอชกคนตายก็แหวกเนื้อสมองออกมากินก็มีนะครับ นี่มันไม่ใช่คนแล้วครับ!”
ฉู่จงเทียนพูดจบก็นึกย้อนถึงภาพอันน่าสยดสยอง เขาอดตัวสั่นขึ้นมาไม่ได้ ตอนนี้เขารู้ไม่ดี
ในตอนนั้นเขามองภาพนั้นอยู่ข้างล่างเวที ฉู่จงเทียนตกใจจนเยี่ยวเกือบราด แต่พวกนักชกที่ชมอยู่รอบๆ กลับชอบอกชอบใจ เหมือนกับว่าเห็นภาพแบบนั้นจนชินแล้ว
หลี่โม่พอจะเข้าใจสถานการณ์ของฉู่จงเทียน เขาเดาว่าสองสามวันมานี้ฉู่จงเทียนคงจะกลัวจนหัวหด
“โอเค นายออกมาได้ไหม เรามาเจอกันหน่อย มาคุยสถานการณ์คร่าวๆ ได้ไหม”
“เอ่อ ถ้าผมจะออกไปต้องขออนุญาตพวกเขา เดี๋ยวผมจะไปบอกพวกเขา”
“โอเค นายไปบอกพวกเขา ฉันจะรอนายที่ร้านขนมหวานตรงข้ามสนามมวย”
ฉู่จงเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดเสียงเบาออกมาว่า “อย่ามาใกล้ขนาดนี้สิครับ ผมกลัวว่าพวกมันจะทำอะไร พวกเรานัดเจอกันที่ที่ไกลจากสนามมวยดีกว่าครับ เสียเวลาหน่อยก็ไม่เป็นไร”
หลี่โม่หัวเราะแล้วพูดว่า “ได้ งั้นฉันจะส่งโลเคชั่นให้นาย เดี๋ยวนายมาหาฉันก็พอแล้ว”
“ได้ครับ อีกเดี๋ยวผมจะรีบไป”
หลี่โม่วางสายและกวาดตามองไปรอบๆ เขาขับรถมายังหน้าร้านน้ำชาที่อยู่ไม่ไกล
หลังจากที่จอดรถเรียบร้อย หลี่โม่เข้ามาในห้องซึ่งอยู่ในร้านน้ำชา จากนั้นจึงส่งที่อยู่ให้ฉู่จงเทียน
ฉู่จงเทียนดูโลเคชั่นที่หลี่โม่ส่งให้ เขาสูบบุหรี่สองมวนในห้องน้ำ เพื่อทำให้จิตใจสงบ และคิดว่าจะพูดเรื่องที่จะไปพบหลี่โม่อย่างไร
ฉู่จงเทียนกังวลว่าถ้าพูดเรื่องที่จะเจอหลี่โม่ จะทำให้เกิดความวุ่นวายตามมา เพราะเป้าหมายของคนพวกนั้นคือหลี่โม่
เขาครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายเขาจึงคิดวิธีที่ดีที่สุดได้ เขาเดินออกจากห้องน้ำอย่างขึงขัง จากนั้นจึงไปบอกคนที่เอาแต่จับตามองเขาอย่างทอมป์สัน