ทอมป์สันกับแคลตี้นั่งดูการฝึกข้างบนเวที เป็นการต่อสู้ระหว่างนักชกผิวขาวและนักชกผิวดำ
ทั้งสองไม่ได้ใส่นวมหรือเครื่องป้องกันใด พวกเครื่องป้องกันกับนวมไม่มีอยู่ในการแข่งชกมวยดำ
เพราะเหล่านักชกไม่สนใจเรื่องชีวิต การต่อสู้บนเวทีเรียกได้ว่าไม่ตายก็ไม่หยุด ต้องมีคนตายเท่านั้น การแข่งขันถึงจะสิ้นสุดลง
โดยทั่วไปแล้ว ผู้แพ้การแข่งชกมวยดำจะมีชีวิตลงจากเวทีแค่ไม่กี่คน ถึงโชคดีรอดมาได้ ชีวิตที่เหลือก็ทำได้เพียงนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น
คนบนเวทีสู้กันอย่างดุเดือด นักชกไวด์การ์ดที่อยู่รอบๆ ต่างพากันส่งเสียงเชียร์ แค่การฝึกก็ดุเดือดขนาดนี้ นักชกทั้งสองคนแลกหมัดกันไปมา เนื้อตัวของพวกเขาเต็มไปด้วยเลือด
ฉู่จงเทียนมองสถานการณ์บนเวที สีหน้าของเขาเริ่มซีดลง เขาเดินก้มตัวเข้ามาหาทอมป์สันและแคลตี้ จากนั้นจึงพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ผมต้องไปซื้อของในเมือง ผมจึงมาขอลากับทั้งสองท่าน”
“ซื้อของเหรอ จริงๆ ใช่ไหม ถ้านายพูดจริง พวกเรายอมให้นายไปอยู่แล้ว ถ้านายโกหกก็อย่ามาหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ การฝึกยกต่อไปอาจจะให้นายขึ้นไปฝึก”
แคลตี้ยิ้มแล้วพูดออกมา
ถึงแคลตี้จะยิ้ม แต่ฉู่จงเทียนกลับรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว
ฉู่จงเทียนไม่ได้คิดว่าแคลตี้กำลังขู่ตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยหาข้ออ้างออกไป แต่แคลตี้ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา
ตอนแรกคิดว่าจะโกหกได้อีก แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น
แคลตี้หมายความว่าอะไรกันแน่
อย่าบอกนะว่าเขาดักฟังตอนคุยโทรศัพท์
ไอ้ต่างชาติเวรนี่สมควรตายจริงๆ!
ฉู่จงเทียนใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกหัวร้อนจนแทบจะมีควันออกมา แต่เขาหาข้ออ้างที่เหมาะสมไม่ได้
“เอ่อ ผมพูดจริงครับ”
ฉู่จงเทียนพูดอ้ำๆ อึ้งๆ
“ฮ่าๆๆๆ”
ทอมป์สันหัวเราะแล้วตบบ่าฉู่จงเทียน เขาโอบไหล่ฉู่จงเทียนแล้วพูดว่า “แคลตี้ ดูสินายทำให้ฉู่จงเทียนตกใจหมดแล้ว ตลกจริงๆ”
“เหอะๆ ฉันแค่ล้อเล่น นายอย่ากังวลสิ พวกเราเป็นเพื่อนกัน มิตรภาพของเรามีมาตั้งนาน นายอยากออกไปก็ไปสิ ตามใจนาย”
แคลตี้ยักคิ้วสองทีเหมือนกำลังแกล้งฉู่จงเทียน
ฉู่จงเทียนหัวเราะ เมื่อกี้ใจของเขาแทบจะหลุดออกมา เขารับไม่ได้กับความรู้สึกที่เหมือนตัวตลก
ฉู่จงเทียนทำเป็นยิ้มและคุยกับแคลตี้สองสามประโยค จากนั้นก็หันหลังเดินออกมาจากสนามมวย
“ทอมป์สันทำไมแกต้องช่วยมันพูดด้วย เมื่อกี้จับได้ว่าหลี่โม่โทรหามัน ไอ้เวรนั่นต้องไปหาหลี่โม่แน่ๆ”
แคลตี้ถามอย่างไม่สบอารมณ์
“ฉันมีแผนและเตรียมการเอาไว้แล้ว ดร.ชาร์ลส์บอกแล้วว่าบอสต้องการเอาเลือดของหลี่โม่ไปตรวจสอบว่ามันจะสามารถเอาชนะคนที่ดัดแปลงพันธุกรรมได้หรือเปล่า ศึกษาว่ามันคือยีนอะไร บางทีอาจจะเจอเหตุผลที่ทำให้การดัดแปลงพันธุกรรมล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าจากยีนของเขาก็ได้”
แคลตี้ส่ายหน้า “งั้นก็เอาเลือดของเขาตอนสู้กันบนเวทีก็ได้นิ จะเอาเท่าไรก็ได้”
“เลือดที่ออกมาตอนสู้กัน บางทีมันอาจจะไม่เหมาะกับการตรวจสอบ เพราะมีเลือดของอีกฝ่ายปนเข้ามาด้วย ต้องคว้าโอกาสทุกอย่างเอาไว้ เพื่อได้มาซึ่งตัวอย่างที่จะนำไปตรวจสอบ ฉันไม่อยากให้ดร.ชาร์ลส์ ไม่พอใจ”
“โอเค นายพูดมีเหตุผลมาก อีกอย่างนายเป็นคนสั่งการ เล่าแผนของนายมาสิ”
แคลตี้ยักไหล่ เขาไม่เถียงกับทอมป์สันอีก
ทอมป์สันหยิบมือถือขึ้นมาเปิดกล้องวงจรปิด “บนตัวและบนรถของฉู่จงเทียนติดเครื่องมือสะกดรอยตาม เพราะฉะนั้นเขาหนีไม่รอดหรอก ให้คนมีฝีมือที่หามาจากไชน่าทาวน์ตามไปเลย หวังว่าพวกมันจะจัดการหลี่โม่ได้”
“คาดหวังกับไอ้พวกนั้นเหรอ ฉันล่ะสงสัยว่าพวกมันใช้หลอดทดลองเก็บเลือดเป็นหรือเปล่า”
แคลตี้พูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ฮ่าๆๆๆ พวกนั้นมีหน้าที่ชกต่อยเท่านั้น ส่วนการเก็บเลือดเป็นหน้าที่ของนาย”
ทอมป์สันหัวเราะแล้วพูดออกมา
แคลตี้ขมวดคิ้ว เขาอยากจะค้านคำพูดของทอมป์สัน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดออกไป
อีกอย่างทอมป์สันตำแหน่งสูงกว่าเขา ยิ่งไปกว่านั้นแคลตี้ยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามกับทอมป์สัน ดังนั้นเขาจึงต้องทำตามคำสั่งของทอมป์สัน
“ได้ งั้นฉันไปเอาอุปกรณ์ก่อน”
“อย่าโมโหล่ะแคลตี้ ร่าเริงหน่อย ฉันละอยากออกไปจากที่บ้าๆ แบบนี้เต็มทนแล้ว ไม่แน่ถ้าจัดการเรื่องเรียบร้อย พรุ่งนี้เราอาจจะได้บินกลับไปมีความสุข”
แคลตี้ยิ้มแห้ง “ใช่ลูกพี่ เราเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยไหม ถ้าฉู่จงเทียนบังเอิญเจอพวกเรา เขาอาจจะตกใจ”
“แน่นอนอยู่แล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปดูว่าไอ้หลี่โม่คือใคร นายว่าเขาจะเหมือนพวกสายเลือดยุโรปหรือเปล่า ฉันล่ะเกลียดพวกแบทแมนกับมนุษย์หมาป่าอะไรนั่นจริงๆ”
ทอมป์สันกับแคลตี้พูดกันไปเรื่อยเปื่อย เมื่อถึงที่พัก ทั้งสองจึงแยกย้ายไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องของตัวเอง พวกเขาสวมเสื้อผ้ารัดกุม จากนั้นจึงสวมแว่นตา แมสก์ปิดปาก และถืออุปกรณ์ออกไป
ฉู่จงเทียนขับรถมาตามโลเคชั่นที่หลี่โม่ส่งมา เมื่อมาถึงร้านน้ำชา เขาก็วิ่งแบบหลบๆ ซ่อนๆ เข้าไปข้างใน
เมื่อมาถึงห้องของหลี่โม่ ฉู่จงเทียนจึงผลักประตูเข้าไป จากนั้นจึงหันไปดูว่ามีใครตามมาหรือเปล่า เมื่อไม่เห็นใคร เขาจึงถอนหายใจออกมา และรีบปิดประตูทันที
“คุณหลี่ ผมมาสายไปหน่อย”
ฉู่จงเทียนฝืนยิ้มแล้วพูดขึ้น
หลี่โม่ยกกาน้ำชาขึ้นมาเทชาให้ฉู่จงเทียน “มานั่งดื่มชาให้หายเหนื่อยก่อน นายดูกังวลมาก คงจะเรื่องน่ากลัวมาไม่น้อยสินะ”
“อย่าพูดถึงมันเลยครับ สองสามวันนี้เหมือนหนังสยองขวัญเลย ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าตัวเองโหดเหี้ยม แต่เมื่อเห็นการฝึกซ้อมของคนพวกนั้น ผมถึงรู้ว่าตัวเองสู้ไม่ได้เลย บนโลกใบนี้มีคนโหดเหี้ยมเยอะมาก ถ้าให้เทียบกันผมดูเป็นคนดีไปเลยครับ”
ฉู่จงเทียนพูดระบายออกมา จากนั้นจึงยกชาขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด “คุณหลี่ ผมคิดว่าการแข่งมวยดำอันตรายมาก คุณเป็นคนที่มีค่า ถ้าเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นมาตอนแข่ง……”
ฉู่จงเทียนพูดประโยคต่อไปออกมาไม่ได้ ร้ายที่สุดก็คือหลี่โม่ตายอยู่บนเวทีมวย
“ผมไม่ได้จะพูดให้กลัวนะครับ แค่การฝึกสองสามวัน ทุกวันจะมีคนตายหลายคน บาดเจ็บสาหัสอีกไม่น้อย ไอ้พวกบ้านั่นกำลังเล่นกับชีวิต แต่ละคนโหดเหี้ยมมาก”
หลี่โม่ยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันรู้ ตอนนี้การเข้าร่วมแข่งขันมวยดำไม่ใช่เรื่องของฉันเพียงคนเดียวแล้ว มันเกี่ยวข้องกับหลายอย่าง แต่ฉันจำเป็นต้องสู้ ในเวลาเดียวกันจะได้ใช้การแข่งมวยดำสร้างความน่าเกรงขาม”
ฉู่จงเทียนอึ้งไป คิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะซับซ้อนเช่นนี้