เฉินเจียโต๋มองหลี่โม่อย่างประเมิน เมื่อแน่ใจแล้วว่าหลี่โม่คือเป้าหมายที่เขาตามหา รอยยิ้มตื่นเต้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“เข้ามาสิ ถ้าจะสู้ก็รีบเข้ามา ฉันจะซัดให้ฟันร่วงหมดปาก”
เฉินเจียโต๋พูดจบ ก็กระดิกนิ้วเรียกหลี่โม่
หลี่โม่แสยะยิ้มมองชายร่างกำยำข้างหลังเฉินเจียโต๋ “พวกแกก็เข้ามาด้วยเลย ฉันขี้เกียจจัดการทีละคน”
“ไอ้ฉิบหาย แกนี้กล้ามาก ประธานครับ ไอ้หมอนี่อวดเก่งเกินไปแล้ว เดี๋ยวพวกเราจะสอนความเป็นคนให้มันเอง!”
“ยังมีหน้ามาพูดว่าขี้เกียจจัดการทีละคน แกนั่นแหละจะโดนพวกฉันจัดการ ฉันจะจัดการให้พ่อแม่จำหน้าแกไม่ได้เลย”
เฉินเจียโต๋เอามือไพล่หลัง เขาทำท่าเหมือนคนมีฝีมือ “เหอะๆ ในเมื่อแกไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร งั้นให้ลูกน้องฉันสั่งสอนแกก็แล้วกัน พวกแกเข้าไปสนองความต้องการของมันหน่อย”
เหล่าชายร่างกายกำยำหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข พวกมันลูบหมัดและเข้ามาล้อมหลี่โม่เอาไว้
“ตายซะเถอะ! ทำเป็นอวดดี!”
ชายร่างกายกำยำคนหนึ่งเหวี่ยงหมัดเข้ามาที่ข้างแก้มหลี่โม่ ส่วนคนอื่นๆ ก็พุ่งเข้ามา พวกมันจู่โจมใส่หลี่โม่ทุกทิศทาง
ฉู่จงเทียนเห็นแล้วถึงกับตกใจ เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างตื่นตระหนก
ไม่รอให้ฉู่จงเทียนได้พูดคำว่าระวังออกมา หมัดของหลี่โม่กระแทกไปยังชายที่พุ่งเข้ามาคนแรก
พลั่ก!
ชายร่างกำยำโดนหมัดของหลี่โม่กระแทกเข้าที่สันจมูก เขากระเด็นออกไปพร้อมเลือดกำเดาที่สาดกระจายออกมา
หลี่โม่เด้งตัวขึ้นพร้อมกับหมุนตัวเตะกลางอากาศ ฝ่าเท้าของเขาฟาดเข้าที่หน้าของชายร่างกำยำที่อยู่รอบๆ
เสียงล้มลงพื้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชายร่างกำยำที่ล้อมหลี่โม่ล้มลงบนพื้นในชั่วพริบตา ไม่มีใครสามารถยืนขึ้นมาได้อีก
ฉู่จงเทียนอึ้งไป จากนั้นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เขาจับเก้าอี้และนั่งลงช้าๆ รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ
เฉินเจียโต๋ขมวดคิ้ว เขาสบถขึ้นมาในใจนับไม่ถ้วน คำสบถวิ่งวนอยู่ในใจของเขา
ถึงฝีมือของลูกน้องที่พามาจะไม่เก่งนัก แต่พวกเขาสามารถต่อสู้ได้ทีละสองสามคน หลี่โม่ที่โดนจู่โจมจากคนจำนวนมาก กลับจัดการได้ภายในระยะเวลาอันสั้น นี่มันน่ากลัวไม่น้อย
เฉินเจียโต๋ลองคิดภาพเมื่อครู่ว่าตัวเองจะรับมือกับหลี่โม่ยังไง แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง เขารู้สึกว่าตัวเองสู้หลี่โม่ได้
ไม่ใช่แค่สู้หลี่โม่ไม่ได้ แถมยังด้อยกว่าหลี่โม่หลายเท่า!
เฉินเจียโต๋ที่เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา เขากลืนน้ำลายและขยับเข้าไปใกล้ประตู “ความสามารถไม่เลวนิ ฉันนึกได้ว่ายังมีธุระ จำเป็นต้องไปก่อน”
“เหอะๆ จะไปแล้วเหรอ เมื่อกี้พูดว่าจะจัดการฉันให้เป็นยังไงนะ”
เฉินเจียโต๋ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปูดขึ้นมา “เจ้าหนุ่ม เป็นคนอย่าโหดร้ายเกินไป ต้องรู้จักมีเมตตาบ้าง ถ้าโหดร้ายเกินไป จะโดนทำร้ายเอาง่ายๆ นะ”
“แกจะสอนปรัชญาชีวิตให้ฉันเหรอ น่าเสียดายที่ฉันไม่สนใจอะไรพวกนี้ เรามาพิสูจน์ความจริงด้วยการสู้ด้วยหมัดและเท้ากันดีกว่า”
หลี่โม่ไม่คิดจะปล่อยเฉินเจียโต๋ไป เห็นได้ชัดว่าเฉินเจียโต๋มาหาเรื่องเพราะมีเป้าหมาย ยังไงก็ต้องจับมาถามให้รู้เรื่อง
สีหน้าของเฉินเจียโต๋ไม่สู้ดี เขากัดฟันพูดว่า “ในเมื่อแกรนหาที่ตาย งั้นฉันก็ไม่เกรงใจ!”
หลังจากพูดจบ เขาก็ล้วงมือขวาเข้าไปในเสื้อและดึงปืนพกออกมา
“เหอะๆ เจ้าหนุ่ม ฉันให้โอกาสแกแล้ว แต่แกรนหาที่ตายเอง จะโทษฉันไม่ได้นะ ยกมือจับหัวแล้วคุกเข่าลงซะ ไม่งั้นฉันยิงแกแน่”
เมื่อเฉินเจียโต๋มีปืนอยู่ในมือ เขาอวดดีเป็นอย่างมาก เขาแอบคิดในใจว่าตัวเองรอบคอบที่พกปืนติดตัวก่อนออกจากบ้าน
ฉู่จงเทียนพูดอย่างกังวลว่า “นามสกุลเฉิน แกไม่ทำตามข้อปฏิบัติ แข่งการต่อสู้ทำไมยังเอาปืนออกมา ไม่เคยเจอใครหน้าไม่อายเท่าแกเลย”
“เหอะๆ จะน่าอายหรือเปล่าก็เรื่องของแกเถอะ ใครชนะสิถึงจะถูก ฉันมีปืนอยู่ในมือ พวกแกต้องฟังฉัน”
เฉินเจียโต๋พูดอย่างหน้าไม่อาย เขาละสายตาไปมองฉู่จงเทียน ทำให้เสียสมาธิเล็กน้อย
หลี่โม่ขยับตัว มันกลายเป็นเส้นโค้ง จู่ๆ เขาก็ไปปรากฏตัวอยู่ข้างเฉินเจียโต๋
กว่าเฉินเจียโต๋จะตั้งสติได้ก็สายไปเสียแล้ว ขณะที่เขาจะยกปืนขึ้นมาเล็งหลี่โม่ มือของหลี่โม่อยู่ที่ข้อมือของเขาแล้ว
หลี่โม่ใช้แรงบีบ เสียงกระดูกหักดังขึ้น จากนั้นเฉินเจียโต๋รู้สึกว่าข้อมือไร้เรี่ยวแรง ปืนถูกแย่งไปอยู่ในมือของหลี่โม่
หลี่โม่เอาปืนมาจ่อที่ท้ายทอยของเฉินเจียโต๋ เขาหัวเราะแล้วถามว่า “บอกมาว่าใครเป็นคนบงการ ทำไมต้องมาหาเรื่องฉัน”
“ไม่ ไม่มีใครบงการฉัน ฉันไม่ได้มาหาเรื่องแก ฉันแค่อยากหาคนมาศึกษาเรื่องการต่อสู้เท่านั้น”
เฉินเจียโต๋สะกดกลั้นความหวาดกลัวและพูดออกมา
“เหอะๆ หาคนศึกษาเรื่องการต่อสู้ก็ไปสำนักต่อสู้สิ จะมาที่ร้านน้ำชาทำซากอะไร แกบ้าไปแล้วหรือไง!”
หลี่โม่พูดจบก็ใช้ปืนเคาะหัวเฉินเจียโต๋อย่างแรง เขาเจ็บจนต้องกัดฟัน
“ฉันเพิ่งมาที่สูงส่งเช่นนี้ เลยยังไม่รู้ข้อปฏิบัติ ฉันสำนึกผิดแล้ว นายปล่อยฉันไปได้ไหม”
เฉินเจียโต๋กลอกตาไปมา เขากำลังคิดว่าจะหนีจากเงื้อมมือของหลี่โม่อย่างไร
“ถ้าไม่พูดความจริง วันนี้จะเป็นวันตายของแก ฉันให้เวลาแกสามวินาที”
“สาม”
“สอง”
ขณะที่หลี่โม่กำลังจะนับหนึ่ง เฉินเจียโต๋รีบสะบัดไหล่ เขาใช้ไหล่กระแทกอกหลี่โม่ เพื่อที่จะจู่โจมหลี่โม่
หลี่โม่แสยะยิ้มและลั่นไกปืนที่ท้ายทอยของเฉินเจียโต๋
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้น เลือดสาดออกมาจากท้ายทอยของเฉินเจียโต๋ หลี่โม่ทิ้งปืนลงบนพื้นแล้วพูดกับฉู่จงเทียนว่า “นายจัดการด้วย ฉันจะออกไปดูว่ายังมีใครที่น่าสงสัยไหม”
หลี่โม่ออกมาจากห้อง เขากวาดตามองห้องโถงที่เละเทะ เพราะเสียงปืน ทำให้ทุกคนวิ่งหนีออกมาจากร้านน้ำชา
เมื่อทอมป์สันได้ยินเสียงปืน เขาหวังว่าเป็นเสียงปืนที่เฉินเจียโต๋ยิงหลี่โม่ แต่เมื่อเห็นหลี่โม่เดินออกมาจากห้อง เขาจึงอดสบถออกมาไม่ได้
“โอ้ ดูเหมือนพวกนั้นจะพ่ายแพ้ น่าผิดหวังจริงๆ คุณทอมป์สัน เราควรกลับดีไหม”
“ใช่ กลับเดี๋ยวนี้เลย! ดูเหมือนว่าจะต้องหาโอกาสอีกครั้ง น่าผิดหวังจริงๆ”
ทอมป์สันกับแคลตี้ลุกขึ้นและเดินปะปนเข้าไปในกลุ่มคนที่ออกมาจากร้านน้ำชา
หลี่โม่เห็นทั้งสองคน เขาจ้องกล่องในมือของแคลตี้ เขารู้ทันทีว่าทั้งสองคนจะต้องมีอะไรอย่างแน่นอน
เขาวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าด้วยความแออัดของคนทำให้เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวของหลี่โม่
เมื่อหลี่โม่ตามออกมานอกร้านน้ำชา เขาทำได้เพียงมองแคลตี้กับทอมป์สันขับรถออกไป
เมื่อจำทะเบียนรถเอาไว้ หลี่โม่หันหลังเดินกลับเข้าไปในร้านน้ำชา เขาเดินเข้าไปในห้อง
ฉู่จงเทียนยืนคอยหลี่โม่อยู่หน้าห้อง “คุณหลี่ ผมบอกให้ลูกน้องมาที่นี่ จะสอบถามคนรอดชีวิตไหมครับ”