ลูกน้องอีกกลุ่มหนึ่งของฉู่จงเทียนมาถึงอย่างรวดเร็ว คนจำนวนมากบุกเข้ามาในร้านน้ำชา จนทำให้ในห้องโถงเต็มไปด้วยผู้คน พวกนั้นโค้งให้หลี่โม่กับฉู่จงเทียนอย่างพร้อมเพรียง “สวัสดีครับคุณหลี่ ท่านเทียน”
เจ้าของรวมถึงผู้จัดการร้านและพนักงานต่างพากันหลบอยู่ในห้องเตรียมน้ำชา ทุกคนตัวสั่นงันงก เมื่อได้ยินเสียงอันพร้อมเพรียง สีหน้าของพวกเขาซีดลงทันที
ฉู่จงเทียนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “เอาคนที่รอดกลับไป ส่วนคนที่ตายเอาไปเผาซะ จัดการเรื่องปืนและดูทุกอย่างให้ละเอียด”
“ครับ!”
พวกลูกน้องจัดการอย่างรวดเร็ว ศพของเฉินเจียโต๋ถูกยกขึ้นมา ส่วนพวกลูกน้องของเฉินเจียโต๋ ไม่อวดดีเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว พวกมันโดนคุมตัวออกไปข้างนอก แต่ละคนเนื้อตัวสั่นเทา
กลุ่มคนขึ้นรถออกจากร้านน้ำชา เมื่อมาถึงในลานกว้างที่อยู่ไม่ไกล ลูกน้องของเฉินเจียโต๋ถูกลากลงจากรถ และพาเข้าไปในห้อง
หลี่โม่กับฉู่จงเทียนนั่งอยู่บนโซฟา พวกเขามองลูกน้องของเฉินเจียโต๋ที่ถูกพาตัวเข้ามา
“พูดความจริงออกมาถ้าอยากมีชีวิตรอด ถ้าพวกแกไม่ยอมพูด ก็ดูเฉินเจียโต๋เป็นตัวอย่างซะ”
หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เหล่าลูกน้องของเฉินเจียโต๋ตกใจจนสติแตกไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าปิดบังอะไรและเล่าทุกอย่างออกมา
“เดิมทีพวกเราไม่อยากมาที่นี่ แต่คนที่ชื่อว่าจางฟาฉายมาหาประธาน เขาให้เงินหนึ่งล้านดอลลาร์เพื่อให้พวกเรามาที่นี่ บอกว่ามาทำร้ายคนคนเดียวก็จบแล้ว”
“สองวันนี้จางฟาฉายจัดการเรื่องที่อยู่ ที่พัก ที่เที่ยวให้พวกเรา ไม่ได้พูดเรื่องงานเลย จนกระทั่งเมื่อครู่จางฟาฉายได้รับโทรศัพท์แล้วบอกว่ามีภารกิจ จากนั้นจึงพาพวกเรามาที่นี่”
“เมื่อมาถึงที่นี่ จางฟาฉายบอกว่าพวกคุณอยู่ที่นี่ ให้พวกเราหาตามหาตัวพวกคุณและจัดการเอาเลือดหัวออกมา แถมยังให้พวกเราดูรูปคุณด้วย”
หลี่โม่ฟังอย่าเงียบๆ จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้พวกแกไม่รู้ว่าจะต้องมาจัดการฉัน จนกระทั่งมาถึงหน้าร้านน้ำชา อีกฝ่ายจึงให้พวกแกดูรูปฉันใช่ไหม”
“ใช่ครับๆๆ อย่างที่คุณว่า ก่อนหน้านี้พวกเราไม่รู้ว่าจะต้องจัดการใคร”
“น่าสนุกดีนี่ ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้ตั้งใจเลือกร้านน้ำชา แต่จางฟาฉายอะไรนั่นกลับรู้ว่าฉันอยู่ไหน เหอะๆ”
หลี่โม่หัวเราะอย่างเย็นชา
ฉู่จงเทียนรู้สึกร้อนใจ เขารีบพูดขึ้นมาว่า “คุณหลี่ ผมรับประกันเลยว่าผมไม่ได้หักหลังคุณ!”
“ฉันไม่ได้บอกว่านายหักหลังฉัน ฉันว่าบนตัวกับบนรถของนายโดนคนติดตั้งเครื่องมือเอาไว้ แค่นายไม่รู้เท่านั้น ถ้าเดาไม่ผิด พวกมันน่าจะเป็นคนที่ผู้รับผิดชอบแข่งมวยดำเชิญมา บางทีมันอาจจะลองเชิงความสามารถของฉัน”
หลี่โม่พูดเดาออกมา ถึงมันจะค่อนข้างห่างไกลกับความจริง แต่มันก็มีส่วนเป็นไปได้อยู่บ้าง
ฉู่จงเทียนรีบลุกขึ้นยืน เขาคลำหาบนตัวของตัวเอง สุดท้ายเขาพบอะไรบางอย่างบนรองเท้า
มีแผ่นโลหะบางเท่ากระดาษใต้พื้นรองเท้า บนแผ่นโลหะมีไฟกะพริบ เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่แผ่นโลหะธรรมดา
“ไอ้ฝรั่งเฒ่าพวกนั้นสมควรตาย! คุณหลี่จะให้ผมพาคนไปโจมตีพวกมันคืนนี้เลยไหมครับ จัดการพวกมันแล้วก็ทิ้งไว้ อีกอย่างพวกมันแอบเข้ามาอย่างลับๆ ด้วย”
ฉู่จงเทียนพูดออกมาอย่างร้ายกาจ
เพราะว่าสองวันมานี้เขาเจอแต่เรื่องน่ากลัว ทำให้เขารู้สึกหวาดระแวงไปหมด และคิดว่าการฆ่าพวกแคลตี้ จะทำให้เขาปลอดภัยอย่างแท้จริง ถึงขนาดที่เขาไม่สนใจความปลอดภัยของลูกชายตัวเอง
หลี่โม่ส่ายหน้า “อย่าบุ่มบ่าม ฉันต้องเข้าร่วมแข่งมวยดำ นายทำเป็นไม่รู้อะไรและกลับไปที่นั่น พวกมันไม่ทำอะไรนายแน่นอน เพราะฉันคือเป้าหมายของพวกมัน”
“แต่แข่งมวยดำอันตรายมากนะครับ คุณหลี่อย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเลยครับ!”
ฉู่จงเทียนอดไม่ได้ที่จะห้ามเขา
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่พูดอะไรมากแล้ว มีคนรอทานข้าวเที่ยงกับฉันอยู่ นายรีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวพวกเขาจะสงสัยเอา”
ฉู่จงเทียนมองหลี่โม่ออกไป เขาทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา เมื่อสั่งลูกน้องให้ปล่อยลูกน้องของเฉินเจียโต๋เรียบร้อย ฉู่จงเทียนจึงกลับไปที่สนามมวย
บริเวณคลินิกผิดกฎหมายแถบชานเมืองในเมืองฮ่าน คุณชายสามหลินนั่งมองพวกลูกน้องที่นั่งยองอยู่ข้างหน้าอย่างหน้าดำคร่ำเครียด
พวกลูกน้องที่แขนหักโดนใส่เฝือกทั้งสองแขน แต่ละคนเหมือนกำลังยืดแขนตรง ดูแล้วเป็นภาพที่ตลกมาก
ที่มุมลานกว้าง ลุงเป้านอนแผ่หลาอยู่บนเตียง ขาของเขาโดนผ้าก๊อซพันเอาไว้
“คุณชายสาม พวกเราจะต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดเหรอครับ มันน่าเบื่อมาก แขนก็กลายเป็นแบบนี้ ขนาดเล่นมือถือยังไม่ได้เลย”
“อย่างน้อยมีสาวๆ มาอยู่เป็นเพื่อนก็ยังดี จะใช้ชีวิตที่น่าเบื่อแบบนี้ต่อไปได้ยังไง”
“ผมว่าพวกเรากลับก่อนดีกว่า กลับไปพักฟื้นที่บ้านแล้วค่อยกลับมาใหม่ ยังไงก็ต้องแก้แค้นไอ้เวรหลี่โม่ เรื่องนี้จะจบแบบนี้ไม่ได้”
พวกลูกน้องพูดไม่หยุด ใจจริงของพวกเขาคือไม่อยากอยู่ที่นี่ อยู่ในคลินิกผิดกฎหมายที่ชานเมืองมันน่าเบื่อมาก
คุณชายสามหลินแสยะยิ้ม เขากวาดตามองพวกลูกน้องและหยิบกระป๋องน้ำอัดลมบนโต๊ะขึ้นมา จากนั้นจึงเขวี้ยงมันใส่หัวลูกน้องที่อยู่ใกล้ๆ
“พวกแกไม่มีสมองหรือไง! ครั้งนี้ฉันพาพวกนายมาขยายอำนาจ พวกแกไม่รู้เหรอว่าสถานการณ์ที่ตระกูลเป็นยังไง ถ้าฉันพาพวกแกกลับไปในสภาพแบบนี้ ต่อไปฉันคงไม่มีส่วนได้อะไรในตระกูลหลินอีก!”
คุณชายทั้งสามคนของตระกูลหลินต่างพาลูกน้องออกไปขยายอำนาจ สุดท้ายจะนำผลงานของแต่ละคนมาประเมินว่าใครคือผู้ชนะ ผู้ชนะจะได้เป็นผู้นำตระกูลหลินในอนาคต
คุณชายสามหลินนึกว่าตัวเองจะได้ครอบครองเมืองอานเฉิงได้อย่างง่ายดาย จากนั้นจึงยึดครองฉู่โจว แต่หลังจากที่เจอหลี่โม่ เรื่องทั้งหมดก็กลายเป็นเพียงความฝันอันงดงาม
กลับไปตอนนี้หมายถึงความล้มเหลว ดังนั้นคุณชายสามหลินจึงไม่เลือกกลับไป ถึงขนาดที่ห้ามมีข่าวเรื่องความพ่ายแพ้หลุดรอดออกไป
“งั้นคุณชายสามจะทำยังไงครับ พวกเราบุกน้ำลุยไฟเพื่อคุณ คืนนี้พวกเราบุกเข้าไปจัดการหลี่โม่เลยไหมครับ พวกเรามีทั้งระเบิดมือและปืนพก ไม่กลัวว่าจะฆ่ามันไม่ได้หรอก”
“บาซูก้าเราก็เอามาด้วย ถ้าอยากฆ่ามันจริงๆ เป็นเรื่องง่ายมาก แต่ถ้าทำแบบนั้นพวกสายตรวจต้องมาแน่ มันจะลำบากต่อการขยายอำนาจของเรา”
“หรือจะให้คนในพื้นที่ฆ่าหลี่โม่ครับ ไม่งั้นก็หาวิธีอื่น ยังไงต้องฆ่ามันให้ตาย”
พวกลูกน้องถกเถียงกันไปมา แต่ไม่มีใครเสนอความคิดเห็นที่เข้าท่าเลย
คุณชายสามหลินหมดคำพูดกับความคิดของลูกน้อง เขาทำได้เพียงมองลุงเป้าอย่างคาดหวัง หวังว่าลุงเป้าจะเสนอความคิดที่ดีออกมาได้
“ลุงเป้ามีประสบการณ์สูง พูดความคิดของลุงมาหน่อย”
คุณชายสามหลินเรียกลุงเป้าและเอ่ยถามขึ้น
ลุงเป้าแสยะยิ้ม ในใจของเขาเต็มไปด้วยความเคียดแค้นหลี่โม่ เขาคิดไว้นานแล้วว่าจะจัดการหลี่โม่ยังไง
“ถ้าคุณชายสามยอมจ่าย จัดการหลี่โม่ก็แค่เรื่องง่าย”