เขาวิ่งโซเซกลับมาที่ห้อง หลงเทาเห็นเลือดที่ปากและหน้าตาฟกช้ำของเจ้าหัวสีหน้าของเขาไม่สู้ดีขึ้นมาทันที
“แกไปทำอะไรมาเนี่ยเจ้าหัว ฉันบอกให้แกไปพาผู้หญิงสองคนนั้นมา ทำไมแกถึงอยู่ในสภาพแบบนี้ คนอื่นล่ะ”
หลงเทาถามอย่างหงุดหงิด
“พี่เท่าพวกเราโดนคนทำร้ายครับ คนอื่นถูกทำร้ายจนสลบ เหลือผมที่พอสู้กับมันได้”
น้ำตาแห่งความน้อยใจไหลออกมา ตั้งแต่เล็กจนโตเขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้
หลงเทาขมวดคิ้วและพูดอย่างตกใจ “พวกแกมีตั้งหลายคน ทำอะไรไม่ได้เลยเหรอ หรือเจอเจ้าถิ่นของเมืองหลงเฉิง พวกแกทำอะไรรอบคอบหน่อยได้ไหม เรื่องเล็กแค่นี้ยังทำไม่ได้!”
“ไม่ใช่พวกเราไม่รอบคอบนะครับ อีกฝ่ายมีแค่คนเดียว แต่สามารถปราบพวกเราได้เพียงชั่วพริบตา ผมยังไม่ทันได้แตะนิ้วมือของมัน ก็โดนมันซัดกลับมาจนน่าเวทนาเช่นนี้! พี่เท่าแก้แค้นให้พวกเราด้วยนะครับ!”
เจ้าหัวพูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น เขาน้อยใจมาก
หลงเทาอึ้งไป เขาคิดถึงภาพที่เจ้าหัวพูด เขายิ่งรู้สึกว่าเหมือนฉากในหนังกำลังภายในที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง
“แกอ่านนิยายมากจนบ้าไปแล้วเหรอ ทำไม่ตอนนี้แกไม่ได้เรื่องเลย แกคิดว่าฉันสมองมีปัญหาหรือคิดว่าฉันเป็นพวกบ้านนอกที่ไม่เคยเจอโลกภายนอก คนคนเดียวจัดการพวกแกเนี่ยนะ แถมยังจัดการได้ในชั่วพริบตาด้วย แกคิดว่ามันคือปรมาจารย์ตั๊กม้อบนโลกนี้เหรอ!”
เจ้าหัวมองหลงเทาอย่างน้อยใจ เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร เห็นได้ชัดว่าหลงเทาไม่เชื่อคำพูดของเขา ถึงจะพูดยังไงก็ไร้ประโยชน์
“พี่เท่าถ้าพี่ไม่เชื่อที่ผมพูด เราไปดูด้วยกัน แต่ผมแนะนำให้เตรียมปืนไปด้วย ไอ้หมอนั่นไม่ธรรมดา ผมสงสัยว่ามันเป็นพวกเทพเซียนที่ทะลุมิติเหมือนในนิยายหรือเปล่า”
เจ้าหัวพูดพลางทำท่าทำทาง ในหัวของเขาเต็มไปด้วยนิยายประเภทที่ฝึกตนเป็นเซียน ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าหลี่โม่เหมือนคนพวกนั้น
หลงเทาทั้งโกรธและขำกับคำพูดของเจ้าหัว เขาควักปืนตรงหลังเอวมาวางบนโต๊ะ
“ได้สิ ในเมื่อแกพูดอย่างนี้ งั้นฉันจะพกปืนไปด้วย ถ้าอีกฝ่ายไม่เก่งเหมือนที่แกพูด ฉันตัดลิ้นแกแน่ ดูสิว่าต่อไปแกจะพูดไร้สาระแบบนี้ยังไงอีก”
“ถ้าผมพูดโกหกแม้แต่คำเดียว ขอให้ฟ้าผ่าผมเลย ไม่ต้องให้พี่ตัดลิ้นผมหรอก ผมจะเอาหัวชนกำแพงตายเอง”
เจ้าหัวพูดสาบานออกมา หลงเทาลุกขึ้นและหันไปมองมือปืนสองคนที่อยู่อีกด้าน เขาส่งสัญญาณให้ทั้งสองคน
ถึงจะไม่เชื่อคำพูดของเจ้าหัว แต่ยังไงก็ควรระวังไว้ก่อน เผื่อเรื่องที่เจ้าหัวพูดจะเป็นเรื่องจริง
มือปืนสีหน้าเยือกเย็นเอาปืนออกมาบรรจุกระสุน เขาซุกปืนที่อยู่ในมือขวาเข้าไปข้างในและใช้เสื้อคลุมเอาไว้
แบบนี้จะทำให้จู่โจมได้อย่างรวดเร็ว เหมาะกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
เมื่อหลงเทาเห็นมือปืนเตรียมตัวเรียบร้อย เขาหยิบปืนบนโต๊ะและเดินออกมา
เจ้าหัวพาหลงเทากับมือปืนอีกสามคนวิ่งมาที่ห้องของหลี่โม่ เมื่อผลักประตูเข้ามาก็เห็นหลี่โม่กับคนอื่น รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจ้าหัว
“แกนี่กล้าจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะไม่หนี พี่เท่าของเรามาแล้ว คิดให้ดีแล้วกันว่าจะขอโทษพี่เท่ายังไง”
หลงเทาพามือปืนเข้ามาสองคน เขาเห็นลูกน้องสลบอยู่ตรงมุมห้องแล้วขมวดคิ้ว
อย่าบอกนะว่าเจ้าหัวไม่ได้โกหก ไม่ว่าจะพูดยังไง คนที่สามารถทำให้ลูกน้องของเขาสลบและจัดการเจ้าหัวจนอยู่ในสภาพแบบนี้ได้ อีกฝ่ายต้องเป็นคนมีความสามารถแน่นอน
หลงเทาเริ่มรู้ว่าเหตุการณ์เป็นเช่นไร เขาโชว์ปืนในมือและเลิกคิ้วมองหลี่โม่
“ไม่เลวนี่ คนเดียวสามารถทำให้ลูกน้องของฉันอยู่ในสภาพนั้น ทำให้ฉันสนใจในพรสวรรค์ของแก”
หลงเทายิ้มแล้วเอ่ยขึ้น
มือปืนทั้งสองคนยกปืนขึ้นมาเล็งไปที่หลี่โม่ในมุมสี่สิบห้าองศา
กู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงเจออะไรมาเยอะ จึงไม่รู้สึกอะไรที่เห็นพวกหลงเทาถือปืน แต่หวังจงเสวียนตกใจจนแทบจะมุดเข้าไปที่มุมโซฟา
“ปืน พวกนั้นมีปืน!”
หวังจงเสวียนพูดเสียงเบา สีหน้าของเขาซีดเผือด
“พี่ไม่ต้องกังวล แค่ปืนเอง”
กู้หยุนหลันพูดปลอบหวังจงเสวียน
“นั่นปืนนะ! เธอไม่กลัวเหรอ”
“กลัวอะไร นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โดนคนเอาปืนจ่อ แต่ขอแค่มีหลี่โม่อยู่ ไม่มีครั้งไหนที่จะเกิดเรื่อง”
กู้หยุนหลันพูดด้วยท่าทางมั่นใจว่าเป็นเช่นนั้น
สมองของหวังจงเสวียนเหมือนหยุดทำงาน เขาคิดไม่ถึงว่าหลี่โม่กับกู้หยุนหลันจะผ่านอะไรมาเยอะขนาดนี้ เหมือนปืนคือสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปอย่างไรอย่างนั้น
หลี่โม่ยิ้มบางๆ และมองหลงเทา เขายื่นมือออกมากำเมล็ดทานตะวัน “เอาปืนมาขู่ฉันเหรอ ปัญญาอ่อนจริงๆ”
“เหอะๆ ปัญญาอ่อนเหรอ ปืนของฉันไว้ฆ่าคน ไม่ใช่ปืนของเล่นนะโว้ย”
หลงเทาขยับปืนในมือ จากนั้นเขาใช้ปืนเล็งมาที่หน้าผากของหลี่โม่ “แกลองดูไหมล่ะ ให้ฉันลองยิงดูว่าที่หน้าผากของแกจะเป็นรูหรือเปล่า”
หลี่โม่ยักไหล่แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาทำท่าไม่เป็นเดือดเป็นร้อน
หลงเทาเดาไม่ถูกว่าหลี่โม่คิดอะไร เขาขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เจ้าหัว แกไปตบมัน มันตบแกยังไง แกก็ตบมันอย่างนั้น!”
“ครับพี่เท่า!”
ครั้งนี้เจ้าหัวมีความกล้า เพราะมีทั้งพี่เท่าและปืน ไม่ว่ายังไงก็ปลอดภัย แก้แค้นหลี่โม่ครั้งนี้จะต้องสำเร็จแน่นอน
“หึหึ ไอ้กระจอก เมื่อกี้แกอวดดีใช่ไหม ไหนตอนนี้ลองอวดดีให้ฉันดูหน่อยสิ เดี๋ยวฉันจะจัดการแกเอง!”
รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจ้าหัว เขาก้าวเข้ามาหน้าหลี่โม่และง้างมือตบไปที่ข้างแก้มของหลี่โม่
หลี่โม่ยกขาขึ้นถีบตรงท้องน้อยของเจ้าหัว จนกระเด็นไปหาหลงเทา
หลงเทาหางตากระตุก เขารีบหลบเจ้าหัว ขณะที่เขากำลังตื่นตระหนกก็พูดออกมาว่า “ยิง! ยิงไอ้เวรนั่นเลย!”
เมื่อได้ยินหลงเทาบอกให้ยิง หวังจงเสวียนตกใจจนเอาหัวซุกกับมุมโซฟา มือทั้งสองข้างกุมหัวเอาไว้ เขาทำท่าเหมือนพวกทำอะไรเลินเล่อ
กู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงกังวลเล็กน้อย ทั้งสองจับมือกันแน่นและมองหลี่โม่อย่างเป็นห่วง
หลี่โม่ขยับข้อมือ เมล็ดทานตะวันในมือกระจายออกไป
มือปืนสองคนกำลังจะลั่นไกปืน จู่ๆ ก็รู้สึกถึงความเจ็บที่ข้อมือ หลังจากที่ก้มลงมองข้อมือ ทั้งสองถึงกับอึ้งไป
บนข้อมือของทั้งสองคนมีเมล็ดทานตะวันปักอยู่ เมล็ดทานตะวันไม่ได้เข้าไปอยู่ในข้อมือ แต่มันโผล่ให้เห็นเพียงนิดเดียวเท่านั้น
ความเจ็บทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถยิงได้ แค่ถือปืนก็เหมือนใช้แรงทั้งตัว
หลี่โม่ยิ้มบางๆ เขาพ่นเปลือกเมล็ดทานตะวันออกมาใส่หลงเทาที่กำลังยกปืนขึ้นมา เปลือกเมล็ดทานตะวันที่แยกเป็นสองส่วนปักเข้าไปในกระดูกข้อมือของหลงเทาราวกับกระสุนปืน