ครั้นยามดึกสงัดมืดมิดปกคลุมทั่วท้องฟ้า ดวงจันทร์และดวงดาวซ่อนเร้นอยู่หลังเมฆดำทะมึน ส่งผลให้ทั่วท้องฟ้าดำมืด
คุณชายสามหลินเอนกายอยู่บนเก้าอี้นอน เงยหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้าที่มืดสนิท รู้สึกว่าความรู้สึกตนเองในเวลานี้ช่างมืดมิดเหมือนดั่งท้องฟ้าที่มืดมิดมาก
ลุงเป้าที่นอนอยู่บนแคร่ไม้ไม่ห่างจากคุณชายสามหลินมากนัก ทอดถอนใจด้วยความเศร้าใจ โมโหตนเองที่โชคร้ายเอามาก ๆ ที่ไปเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้โรคจิตอย่างหลี่โม่
คุณชายสามหลินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มองดูข้อความใหม่ในโทรศัพท์ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“หลงเทา จะมาหาฉัน ในสภาพเช่นนี้ฉันจะไปพบผู้คนได้ยังไง สภาพสิ้นหวังอย่างนี้ จะมีหน้าไปพบใครได้อีกล่ะ”
ลุงเป้าเอียงศีรษะมองไปทาง คุณชายสามหลิน พูดเสียงต่ำว่า “คุณชายสาม คุณไม่อยากพบจริง ๆ เหรอ? ผมคิดว่า ถ้าไม่ให้พบคงจะไม่ค่อยดี ยังไงแล้วเรื่องราวงานเลี้ยงเมื่อคืน ทุกคนต่างก็เห็นกันจนหมดสิ้น คิดจะปกปิด ยาก ที่จะปกปิดได้มิดชิด”
“คุณหมายความว่าอย่างไร? เจอเรื่องน่าอับอายเช่นนี้จะแบกหน้าไปพบคนอื่นได้ยังไง ผมรู้สึกขายหน้ามากไม่อยากพบใคร”
คุณชายสามหลินใช้มือลูบที่ใบหน้า รู้สึกว่าใบหน้าของตนตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว
“ต้องเข้มแข็งขึ้นมาให้ได้ ยังไงต้องหาวิธีแก้แค้นหลี่โม่ อย่างน้อยต้องให้คนอื่นได้เห็น เชือดไก่ให้ลิงดูเป็นอย่างไร” ลุงเป้า เอ่ยปากแนะนำ
นับได้ว่าลุงเป้าในเวลานี้ร่วมหัวจมท้ายกับคุณชายหลินอย่างลึกซึ้ง เพราะทั้งสองคนผ่านเรื่องราวดีร้ายต่าง ๆมาด้วยกัน ฉะนั้นแล้ว ลุงเป้า จึงได้ออกอุบายช่วยเหลือคุณชายสามหลิน
หากสามารถช่วยเหลือให้คุณชายสามหลินขึ้นรับตำแหน่งได้ นับเป็นผลงานอันใหญ่หลวงของลุงเป้าเลยทีเดียว สถานะของตนก็คงจะสูงมากยิ่งขึ้น
คุณชายสามหลิน ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็รู้สึกว่าสิ่งที่ลุงเป้าพูดก็พอจะมีเหตุผล
“จะพบหลงเทาเหรอ? ไม่งั้นก็รอให้เฉียนเปิดตามาถึงก่อนค่อยพบหลงเทาดีไหม คุณไม่เห็นเหรอคนข้างกายล้วนบาดเจ็บทำอะไรไม่ได้ ดูไปแล้วไม่น่าเกรงขามเอาเสียเลย”
ลูกน้องที่เข้าเฝือกที่มือกลุ่มหนึ่ง ได้ยินคำพูดของคุณชายสามหลิน ในใจสบถด่าMMPออกมานับไม่ถ้วน อยากที่จะแช่งชักหักระดูกหลี่โม่ให้ตาย ๆ ไปเสียให้พ้น
ลุงเป้า พยักหน้าเห็นด้วยเป็นอย่างมาก เพราะในเวลานี้ ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง มีเฉียนเปิดตาคอยอยู่ข้างกาย ก็สามารถรับรองความปลอดภัยของคุณชายหลินได้
ด้วยสภาพอาการบาดเจ็บของลูกสมุนและลุงเป้า จึงไม่มีทางที่จะรับรองความปลอดภัยของคุณชายสามหลินได้
“ใช่ รอให้เฉียนเปิดตามาถึงก่อนแล้วค่อยไปเจอหลงเทา มีเฉียนเปิดตาคอยปกป้องอยู่ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรที่ไม่คาดคิดได้
“ฉันจะให้คนส่งข้อความกลับไปหาหลงเทา รอฟังข่าวจากฉันก็พอ”
คุณชายสามหลิน สั่งให้ลูกน้องส่งข้อความกลับไปหาหลงเทา จากนั้นหันศีรษะมองลุงเป้าและพูดว่า “ลุงก็รีบเร่งรัดเฉียนเปิดตาหน่อยสิ ฉันเสียอะไรไปตั้งมากมายขนาดนี้แล้ว เขารีบเร่งอีกหน่อยไม่ได้เชียวเหรอ”
“ตอนนี้เขาเป็นรีบมาทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ได้หยุดพักเลย คุณชายสามคุณก็อดทนรออีกสักหน่อย ผมจะรีบเร่งรัดเขา”
ลุงเป้า รีบหยิบโทรศัพท์เพื่อติดต่อไปอีกครั้ง เร่งรัดให้เฉียนเปิดตามาในทันที
……
หลงเทา มองดูข้อความที่ส่งเข้ามาใหม่บนโทรศัพท์ แสดงสีหน้าขึงขังพูดว่า “ พี่ใหญ่ ทางคุณชายสามหลิน ไม่ได้กำหนดเวลาที่แน่ชัด เพียงตอบกลับมาว่าให้รอฟังคำตอบเขาคืนวันนี้ จะนัดหมายเวลาที่จะให้พบ”
มองดูข้อความบนมือถือ ใบหน้าหลงเทาเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง เหมือนราวกับว่า มีมีดแหลมคมอันหนึ่งห้อยอยู่บนหัว สามารถตกลงมาใส่หัวได้ตลอดเวลา
หลี่โม่ มองดูโทรศัพท์ของหลงเทา หลับตาและพูดว่า “คน ๆนี้นับว่ายังมีความรอบคอบระมัดระวัง งั้นก็รอไปก่อนเถอะ”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราเปิดห้องพักกันก่อนดีไหม คุณจะได้พักผ่อน นอนพักบนรถไม่ค่อยสบายเท่าไหร่นัก”
หลงเทาพูดด้วยท่าทีเอาอกเอาใจ
หลี่โม่ส่ายหน้าปฏิเสธ พูดด้วยท่าทีไม่แยแสว่า “ไม่ต้อง นอนบนรถแก้ขัดไปก่อนก็ได้แล้ว”
หลงเทาไม่กล้าพูดอะไรต่อ เก็บโทรศัพท์เงียบ ๆ หลับตาสงบสติอารมณ์ตามอย่างของหลี่โม่
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เวลาเช้าตรู่ เสียงโทรศัพท์หลงเทาดังขึ้น
หลงเทา หยิบโทรศัพท์ขึ้นด้วยท่าทีลุกลน มองดูสายโทรศัพท์ที่เรียกเข้ามา ทำให้สติตื่นขึ้นในทันที
“พี่ พี่ใหญ่ เป็นสายโทรศัพท์ของลูกน้องคุณชายสามหลิน”
“รับสิ”
หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หลงเทามือไม้สั่นรับสายโทรศัพท์ น้ำเสียงที่พูดออกมาไม่รู้ว่าจะตื่นเต้นหรือร้อนรน ประหม่าหรือหวาดกลัว
“ฮัลโหล ผมชื่อหลงเทา”
“รู้ว่าเป็นนาย นายมันโชคดีมากนะ คืนวันนี้คุณชายสามอารมณ์ดี ตกลงที่จะพบกับนาย เดี๋ยวจะส่งสถานที่นัดพบไป ไปให้ถึงภายในยี่สิบนาที หากภายในยี่สิบนาทียังมาไม่ถึง งั้นนายก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะพบกับคุณชายสาม”
“ได้ ได้ ตกลง ผมจะรีบไปให้เร็วที่สุด”
หลงเทายังไม่ทันพูดจบคำ ปลายสายตัดสายไปทันที จากนั้นสถานที่นัดหมายก็ถูกส่งมาที่โทรศัพท์
คลิกเปิดดูสถานที่บนโทรศัพท์ขึ้นมาดู สีหน้าของหลงเทาบูดบึ้งจนแทบจะดูไม่ได้ “พี่ พี่ใหญ่ พวกเขาอยู่ไกลสักหน่อย ยี่สิบนาทีเกรงว่าขับรถไปไม่ทันเวลาแน่”
หลี่โม่ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู สถานที่นัดหมายที่ปรากฏบนโทรศัพท์ห่างจาก ที่นี่ประมาณเจ็ดสิบกิโลเมตร หากไปให้ถึงภายในเวลายี่สิบนาที จำเป็นต้องวิ่งด้วยความเร็วสองร้อยไมล์ตลอดเส้นทาง
“คุณมานั่งด้านข้างคนขับ ผมจะขับรถเอง”
หลี่โม่ เปลี่ยนมานั่งตำแหน่งคนขับ สตาร์ทรถเบนซ์รุ่นครอสคันทรี่ของหลงเทา
พูดถึงศักยภาพของรถครอสคันทรี่ รถเบนซ์คันนี้นับว่าไม่เลว แต่หากพูดถึงความเร็วดั่งพายุแล้ว รถเบนซ์ครอสคันทรี่ที่มีน้ำหนักมากคันนี้คงใช้ไม่ได้แน่
หากในเวลานี้ มีรถสปอร์ตสักหนึ่งคัน หลงเทาเองคงไม่ต้องลำบากใจถึงเพียงนี้ กดคันเร่งลงไปความเร็วเกินสองร้อยไมล์แล้ว
แต่ว่ารถเบนซ์ครอสคันทรี่นี้ แม้จะเหยียบคันเร่งจมมิดพื้นรถ ก็ไม่มีทางที่จะทำความเร็วได้ถึงสองร้อยไมล์ตลอดระยะทาง
หลงเทา นั่งลงฝั่งด้านข้างคนขับได้ครู่หนึ่ง ยังไม่ทันได้คาดเข็มขัดนิรภัย ก็มีแรงผลักมหาศาลจนหลังของเขาติดกับเบาะนั่ง
หลี่โม่ ได้กดคันเร่งจนรถพุ่งทะยานออกไปแล้ว เครื่องยนต์รถเบนซ์ครอสคันทรี่ ส่งเสียงคำรามดุดันอย่างกับสัตว์ป่า
หลงเทาคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างลนลาน สายตามองไปที่คันเกียร์
เห็นเพียงมือของหลี่โม่ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว คันเกียร์ถูกสลับเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว ความเร็วของรถยนต์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เสียงเครื่องยนต์ดังดุดันครั้งสุดท้าย เปลี่ยนมาเป็นเสียงต่ำหนักแน่นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่รถเบนซ์วิ่งอยู่บนทางหลวง ความเร็วของรถเบนซ์ครอสคันทรี่ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ไฟท้ายรถยนต์คันสีแดงกะพริบขึ้นอยู่ไม่ไกลนัก ครู่เดียวรถเบนซ์ครอสคันทรี่ค่อย ๆไล่ตามรถสปอร์ตเฟอร์รารีมาติด ๆ เมื่อมาถึงช่วงทางโค้งรูปตัว S รถคันนั้นได้ขวางเส้นทางการวิ่งของรถเบนซ์ครอสคันทรี่
เศรษฐีหนุ่ม ที่นั่งอยู่ในรถสปอร์ตเฟอร์รารี มองดูกระจกหลัง พูดดูถูกว่า “แม่งเอ้ย ขับรถออฟโรดกล้าดียังไงจะมาแซงกู แม้ว่ากูจะมีฝีมือเพียงหางแถวในคลับซูเปอร์คาร์ แต่ไม่ใช่รถออฟโรดอย่างพวกแกจะแซงไปได้ง่าย ๆ!”
ขณะที่เศรษฐีหนุ่มกำลังบ่นพึมพำอยู่นั้น รถเบนซ์ครอสคันทรี่เลี้ยวโค้งอย่างนุ่มนวล จากนั้นเพิ่มความเร็วรถยนต์พุ่งตัวไปข้างหน้า ในพริบตาเดียวก็เข้ามาขนาบข้างรถสปอร์ตเฟอร์รารีแล้ว
หลี่โม่ กวาดสายตามองดูเศรษฐีหนุ่มที่ขับรถ ยิ้มมุมปากด้วยท่าทีเหยียดหยาม หลังจากนั้นเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว บีบแตรที่พวงมาลัยเพื่อทักทายรถสปอร์ตเฟอร์รารี เพื่อเป็นการสั่งสอน เศรษฐีหนุ่มที่ขับรถยนต์คนนั้น
ทางโค้งรูปตัวS ที่ถูกรถสปอร์ตเฟอร์รารีขวางทางอยู่นั้น หลี่โม่เกือบจะขับไปชนท้ายรถสปอร์ตเฟอร์รารี หากไม่ใช่เป็นหลี่โม่ที่มีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไว รถสปอร์ตเฟอร์รารี คันนี้คงจะถูกชนลอยกระเด็นไปไกลแล้ว