ซูเปอร์คาร์ค่อยๆหยุดลง
พี่คางและหลงเทาลงรถพร้อมกัน
เมื่อเห็นสภาพอันน่าสยดสยองบนถนนตรงหน้า และร่างศพของคุณชายสามหลินกับลุงเป้า พี่คางก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอีกครั้ง
หลงเทานั้นยังพอเคยชินบ้าง เพราะเขาก็เห็นคนตายมามากมาย
“คุณหลี่คุณได้รับบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ให้ผมส่งคุณไปที่โรงพยาบาลไหม”
หลงเทาถามอย่างกระวนกระวาย
หลี่โม่ส่ายหน้า“ไม่เป็นไร คุณชายสามหลินตายแล้ว นายรีบกลับไปหลบภัยในอาณาเขตของนายซะ หากตระกูลหลินเจอตัวนาย นายจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน”
หนังหัวของหลงเทาชาไปทั้งตัว ในใจนั้นรู้สึกกระวนกระวาย อยากจะคุกเข่าแล้วกอดขาของหลี่โม่ไว้แน่นๆ
“คุณหลี่ ผม ผมจะไปหลบภัยที่ไหน ตระกูลหลินคงไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆแน่ ถ้าเกิดพวกเขามาเอาความกับผม ผมคงหนีไม่พ้นแน่เลย”
หลงเทาพูดด้วยสีหน้าน้อยใจที่เกือบจะร้องไห้ นัยน์ตาคลอเต็มไปด้วยนํ้าตา พร้อมที่จะร้องไห้ออกมาทุกเมื่อ
“ฉันไม่เอาชีวิตนายก็ถือว่ามีความเมตตามากพอแล้ว นายอย่าได้ทดสอบขีดจำกัดของฉันเด็ดขาด รีบไสหัวไปซะ”
หลี่โม่ไม่สนใจหลงเทาอีกต่อไป เมื่อนึกถึงการกระทำของหลงเทาก่อนหน้านี้ หลี่โม่ไม่เอาชีวิตเขาก็ถือว่าเป็นบุญโขมากพอแล้ว
หลงเทารู้ดีว่าไม่สามารถกอดขาหลี่โม่ไว้ได้ ทำได้เพียงถอดหายใจอย่างเศร้าโศก กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะเก็บข้าวเก็บของแล้วเปลี่ยนชื่อนามสกุล แล้วหลบหนีไปชีวิตสุขสบายอยู่ที่ต่างประเทศ
แม้จะเสเพลมานานหลายปีแต่ก็ยังพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง หากยังเสเพลอยู่อย่างนี้ต่อไป จะตายวันนี้พรุ่งนี้ก็ไม่รู้ ใช้โอกาสในครั้งนี้วางมือก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน
“ขอบคุณคุณหลี่ที่ไว้ชีวิตผม ผมจะกลับไปเก็บข้าวเก็บของและย้ายไปอยู่ต่างประเทศ หวังว่าในอนาคตจะได้เจอคุณหลี่อีก”
หลงเทาพูดจบอย่างนอบน้อม แล้วก็รีบวิ่งไปตามทางถนนที่ทุรกันดารอย่างร้อนรน
ในเวลานี้หลงเทาไม่กล้าที่เอ่ยขอรถเพิ่มอีกสักคัน กะเอาไว้ว่าจะไปขโมยรถสักคันหนึ่งที่หมู่บ้านข้างหน้าแล้วหลบหนีออกไป
พี่คางมองหลี่โม่อย่างระมัดระวังแล้วพูดว่า“คุณหลี่ ผมชื่อคางเหวินซิงจากตระกูลคางแห่งเมืองปินไห่ ให้ผมขับรถไปส่งคุณไหม ทักษะการขับรถของคุณเจ๋งมากเลย ผมอยากจะไหว้คุณเป็นอาจารย์แล้วเรียนรู้ทักษะการขับรถกับคุณได้หรือไม่ครับ”
“ทักษะการขับรถไม่เห็นมีอะไรน่าเรียนรู้ รถLamborghiniนั้นเป็นของนายใช่ไหม?เท่าไหร่ เดียวฉันจ่ายค่าชดใช้ให้นาย”
“พูดอย่างนี้เหมือนหักหน้าผมเลย รถคันนี้ถูกคุณขับจนพังทลายนั้นเป็นบุญของมันที่สร้างมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ไม่จำเป็นต้องชดใช้หรอกครับ”
คางเหวินซิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ใจปํ้าขนาดนี้เลยเหรอ?ฉันไม่ชอบติดค้างใคร เอารหัสบัญชีมา เดียวฉันให้คนโอนไปให้ รถLamborghiniนี้ถ้าคันใหม่ราคาก็น่าจะอยู่ที่ประมาณ5.5ล้านหยวน”
หลี่โม่ไม่อยากติดหนี้บุญคุณของคางเหวินซิง เงินแค่5ล้านกว่าหยวนไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา กับเงินแค่นี้หากไม่คืนให้คางเหวินซิงไป ภายภาคหน้าหากคางเหวินซิงพูดถึงหนี้บุญคุณครั้งนี้ขึ้นมา ต้องไม่คุ้มค่าแน่นอน
สมัยนี้หนี้บุญคุณสำคัญกว่าเงินทองยิ่งนัก โดยเฉพาะหนี้บุญคุณของคนใหญ่คนโตในสังคม
คางเหวินซิงยิ้มอย่างขมขื่นพูดว่า“คุณนี่สายตาช่างแหลมคมยิ่งนัก รถคันนี้ถ้ามือใหม่ก็ราวๆ5.5ล้านหยวน แต่นี่ขับมาก็ปีกว่าแล้ว มีค่าเหลือแค่3ล้านหยวนเท่านั้น”
“ฉันจ่ายให้ในราคาคันใหม่ จะได้ไม่เอาเปรียบนาย แล้วส่งฉันกลับไปในตัวเมืองฮ่าน”
เมื่อหลี่โม่พูดจบก็เดินไปที่ซูเปอร์คาร์
คางเหวินซิงเดินตามหลังหลี่โม่“คุณหลี่ คุณเป็นคนขับได้ไหม? ผมอยากเห็นทักษะและเทคนิคการขับรถของคุณอย่างใกล้ชิด เมื่อกี้คุณขับรถเบนซ์แล้วสามารถแซงBugattiของผมได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ผมนั้นชื่นชมคุณมากนัก”
“นายก็คือไอ้ควายที่ขับBugattiนั้นเหรอ”
หลี่โม่มองคางเหวินซิงด้วยความประหลาดใจ
คางเหวินซิงยอมรับอย่างหน้าด้านว่า“ใช่ ผมก็คือไอ้ควายนั้น”
“Bugattiถูกนายขับด้วยวิธีการแบบนั้นช่างเสียของจริงๆ แต่มันก็เป็นเรื่องปกติ แม้แต่นักแข่งมืออาชีพก็ใช่ว่าจะขับได้ดีมาก การขับรถก็แค่นั้น การที่คนและรถจะเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ต้องเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างถึงจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ได้”
หลี่โม่ขึ้นนั่งที่คนขับ คางเหวินซิงงุนงงในคำพูดของหลี่โม่
คนและรถเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน นั้นคือความสำเร็จระดับขั้นสูงสุดของการขับรถเลยทีเดียว ถึงว่าทักษะการขับรถของตัวเองกับหลี่โม่นั้นช่างห่างไกลกันนัก แค่ระดับก็ห่างชั้นกันมากโขแล้ว
หากเทียบตามระดับในนิยายเทพเซียน ทักษะการขับรถของหลี่โม่นั้นอยู่ในระดับขั้นจินตาน ส่วนของตัวเองแม้แต่ระดับขั้นจู้จีก็ไม่ถึง ฝีมือห่างไกลกันราวฟ้ากับดิน
“จะขึ้นรถไหม?ถ้าไม่ขึ้นฉันขับไปละนะ”
หลี่โม่ตะโกนออกจากรถ
คางเหวินซิงได้สติกลับคืนมา จึงรีบขึ้นนั่งลงที่ข้างคนขับ
หลี่โม่เหยียบคันเร่ง พร้อมเข้าเกียร์สองและพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ซูเปอร์คาร์ดุจดั่งลูกธนูที่ถูกยิงออกไปอย่างแรง ยังไม่ถึงสามวินาทีความเร็วของรถก็วิ่งเกิน100ไมล์ไปแล้ว
คางเหวินซิงดูจนตาค้าง เมื่อก่อนพวกแก๊งลูกคนรวยใช้เวลาสี่วินาทีกว่าถึงวิ่งได้เกินร้อยก็ถือว่าเป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้ว
“คุณหลี่ คุณนี้สุดยอดมากเลย แค่การสตาร์ทรถก็ไม่ธรรมดาแล้ว”
คางเหวินซิงพูดจาอย่างประจบประแจง
หลี่โม่ยิ้มบางๆ“นี่แค่พื้นฐานเอง ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำรถคันนี้ของนายพังไปอีกคัน จะเหยียบคันเร่งให้เกินร้อยในเสี้ยววินาทียังได้เลย หากไม่ต้องใส่ใจในตัวเครื่องยนต์ หรือกระปุกเกียร์ที่จะเกิดการสูญเสีย ความเร็วของรถก็สามารถเพิ่มขึ้นได้มาก”
คางเหวินซิงพยักหน้าซํ้าๆ สำหรับความรู้พวกนี้เขาก็เข้าใจดี อย่างเช่นรถแข่งF1เพื่อความเร็วของรถไม่จำกัดความของการสูญเสีย อะไหล่ชิ้นส่วนรถต่างๆต่างมีอายุการใช้งานสั้นกว่ารถทั่วไปมาก เพราะรถต้องวิ่งด้วยความเร็วที่สูงเป็นพิเศษ ก็ต้องเกิดการสูญเสียมากกว่าปกตินั้นเอง
ซูเปอร์คาร์เข้าถึงในตัวเมืองอย่างรวดเร็วราวกับไฟฟ้า หลี่โม่ขับตรงไปที่พักแล้วหยุดลงรถ
“บ๊ายบาย เรื่องรถวันนี้ขอบคุณมาก”
คางเหวินซิง มองหลี่โม่ที่เดินเข้าประตูตึกไป จากนั้นก็หยิบบุหรี่ออกมาสูบ ครุ่นคิดอยู่ว่าจะต้องไหว้หลี่โม่เป็นอาจารย์ให้ได้
แต่หลี่โม่นั้นไม่น่าจะเป็นคนที่พูดคุยได้ง่ายๆ จะต้องหาวิธีสร้างความประทับใจกับเขาให้ได้
ถ้าจะใช้เงินนี่เป็นไปไม่ได้แน่ หลี่โม่ชดใช้เงิน5ล้านกว่าหยวนโดยกะพริบตาสักนิด ดูก็รู้ว่ารวยมากแค่ไหน
ทางเดียวที่เหลือก็คือต้องซื้อใจของเขาให้ได้ แต่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับหลี่โม่เลย แม้แต่อยากทำความรู้จักกับหลี่โม่ยังยากเลย
คางเหวินซิงที่คิดอะไรไม่ออกเข้าไปนั่งที่นั่งคนขับ แล้วขับซูเปอร์คาร์ไปยังใจกลางเมือง ระหว่างทางก็ได้โทรหาเพื่อนหลายคน
ไม่นานนักแก๊งลูกคนรวยก็ได้มารวมตัวกันที่ใจกลางเมือง และล้อมตัวของคางเหวินซิงไว้
“พี่คาง นี่พี่เป็นอะไรไป ทำไมวันนี้ถึงซวยอย่างนี้ รถพวกเราพังไปถึงสามคัน”
“พังก็พังไปแล้ว เราต้องสร้างมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับเทพรถหลี่โม่ให้ได้ หากเทพรถหลี่ยอมสอนทักษะการขับรถให้พวกเรา อนาคตเราก็สามารถไปท้าประลองการแข่งรถกับคลับซูเปอร์คาร์อื่นๆได้”คางเหวินซิงพูดอย่างกระตือรือร้น
“เทพรถหลี่ เขาจะยอมสอนพวกเราเหรอ เมื่อกี้พวกเราเพิ่งไปสนามบ้านนั้นมา ในนั้นมีศพนอนกองอยู่ระเนระนาด เหมือนกับว่าเพิ่งมีการต่อสู้กันอย่างดุเดือด เทพรถหลี่ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ ฉันสงสัยว่าเขาน่าจะเป็นนักเลงยอดฝีมือขององค์กรใดองค์กรหนึ่งแน่”
“อย่าพูดจาเหลวไหล คุณหลี่เขาไม่ใช่นักเลงยอดฝีมือแน่ พวกนายรีบไปให้พรรคพวกที่รู้จักในเมืองฮ่านลองสืบประวัติของหลี่โม่คนคนนี้ทีสิ คนที่เก่งกาจเช่นนี้น่าจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อยแน่ หลังจากสืบจนชัดเจนแล้วเราค่อยมาคิดหาวิธีกัน”
“พี่คาง ผมพอรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของหลี่โม่”